Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
24 พ.ย. เวลา 08:44 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Kamen Rider ZEZTZ(คาเมนไรเดอร์ เซ็ตส์ซึซซ) ไอ้มดแดงตัวแรกที่ได้ดูในรอบ 40 ปี
ผมเปิดดู “ไอ้มดแดง” ใน YouTube อยู่บ่อย ๆ ไม่แปลกที่ยูทูปจะปล่อยคอนเทนต์เกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นมาให้ผมเห็นมากขึ้น จนอยู่มาวันหนึ่งก็ได้มีคอนเทนต์คาเมน ไรเดอร์ตัวใหม่ล่าสุดโผล่มแถมพากย์ไทยเสร็จสรรพ ก็เลยลองเข้าไปดูเล่น ๆ เพราะเอาจริง หลังจากไอ้มดแดง V10 เป็นต้นมา ผมก็ไม่ได้ตามซีรีส์นี้อย่างจริงจังอีกเลย ถือโอกาสเปิดใจรับของใหม่ดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นยังไง
ดูแล้วน่าสนใจเพราะมันเป็นงานที่โตเอะคิดใหม่ ทำเจาะตลาดโลกโดยเฉพาะฝั่งอเมริกาเต็มที่ ตอนเปิดตัวก็เปิดฉายพร้อมกันทั่วโลก พร้อมทุ่มงบโปรดักชั่น งบการตลาดมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในหนังตระกูลนี้เลย
Kamen Rider Zeztz (คาเมน ไรเดอร์ เซ็ตส์ซึๆๆๆๆ - ลากเสียงยาวๆ ชื่อของเขามันจะให้ความรู้สึกเหมือนเสียงคนนอนหลับหายใจ แบบเวลาเราอ่านการ์ตูน Zzzz Zzz… เสียงที่ใช้แทนการนอน ความฝัน ซึ่งเข้ากับธีมของซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับโลกฝัน ความจริงบิดเบี้ยว และจิตใต้สำนึก ที่นี้พอจะตั้งชื่อให้เป็น Kamen Rider ZZZ ก็กระไรอยู่) เป็นเหมือนหมุดหมายที่บอกชัดว่าซีรีส์ไอ้มดแดงกำลังก้าวข้ามเส้นเดิมที่ยืนมาแสนนาน เพื่อหันหน้าไปสู่ผู้ชมทั่วโลกอย่างเต็มตัว
จังหวะเล่าเรื่อง งานภาพ และการดีไซน์ล้วนถูกปรับให้เป็นสากลจนแทบจะไม่เหลือคราบแบบคาเมน ไรเดอร์ยุคแรก ๆ ที่เป็นภาพถนนยาวไกล และไอ้มดแดงขี่มอเตอร์ไซค์คันจริงวิ่งตะบึงลงเขาอย่างเป็นเอกลักษณ์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแรงผลักดันจากการทำออกอากาศพร้อมกันทั่วโลกเป็นครั้งแรกของแฟรนไชส์ ซึ่งต้องคิดตั้งแต่แรกว่าผู้ชมในอเมริกา อังกฤษ หรือยุโรปจะเข้าใจโทนและจังหวะได้ตั้งแต่ตอนแรก โดยไม่ต้องมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาก่อน
พูดง่ายๆ ว่าคือความพยายามครั้งใหญ่ที่จะลบข้อจำกัดเดิม ๆ ของ “ไอ้มดแดง” ในการตีตลาดตะวันตก เพราะถ้าพูดถึงฮีโร่ญี่ปุ่นอันดับหนึ่งที่ฝั่งอเมริกาเข้าถึงง่ายที่สุด ก็ต้องยกให้ ขบวนการเซนไต ที่ถูกรีเมคเป็น Power Rangers ส่วนอุลตร้าแมนแม้ยังไม่มีหนังฮอลลีวูดของตัวเอง แต่ก็ยังมีขายในฝั่งตะวันตกผ่าน TV หรือสตรีมมิงอย่างต่อเนื่อง
ต่างจากไอ้มดแดงที่พยายามบุกตลาดฝรั่งด้วยซีรีส์ Kamen Rider Dragon Knight (2009) ที่เนื้อเรื่อง ดัดแปลงมาจาก Kamen Rider Ryuki โดยเปลี่ยนตัวละครและเรื่องราวให้เข้ากับบริบทของอเมริกา แต่ก็ไม่ดัง เนื้อเรื่องยัง “ญี่ปุ่นเกินไป” ไปได้แค่ซีซั่นเดียวและไม่ติดเครือข่ายใหญ่เหมือน Power Rangers ปัญหาหลักของไอ้มดแดงคือ “ดีเอนเอความดาร์ก” โดยเฉพาะยุคโชวะ ที่ตัวเอกต้องเผชิญความสูญเสีย ถูกผ่าตัดเป็นมนุษย์ดัดแปลง แถมตอนเริ่มแรกยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “ตัวร้าย” ซะด้วยซ้ำ
บวกกับงานภาพยุคฟิล์ม 16 มม. แสงเงาแบบหนังสยองขวัญ และฉากฆ่าฟันที่ตรงไปตรงมา มันเลยไม่ใช่ฮีโร่ที่ kid-friendly เท่าไรสำหรับเด็กฝรั่ง บางประเทศถึงกับเตือนเลยว่าไม่เหมาะสำหรับเด็ก
ไอ้มดแดงดั้งเดิมมันมีความเป็นญี่ปุ่นสูงเกินไปนั่นเอง
ที่จริงโตเอะก็พยายามเปลี่ยนแปลงคาเมน ไรเดอร์ ยุคเรวะก็พยายามปรับโทนให้แฟนตาซีขึ้น ลบความหม่นลง แต่ก็ยังเจาะตลาดตะวันตกยากอยู่ดี ส่วนหนึ่งคือ “ชุด” ไอ้มดแดงที่ดูเป็นหมวกกันน็อก มันไม่ใช่สไตล์ฮีโร่แบบ Marvel หรือ DC และความเท่ของไอ้มดแดงมันจะพีคสุดเมื่ออยู่บนมอเตอร์ไซค์ ซึ่งบางตลาดก็มองว่าเป็นการส่งเสริมเด็กแว้นไปอีก
อีกจุดที่สู้พาวเวอร์เรนเจอร์และอุลตร้าแมนไม่ค่อยได้คือ “ตลาดของเล่น” เพราะฝั่งนั้นมีหุ่น ฟิกเกอร์ สีสันจัด หุ่นยักษ์แปลงร่างเต็มไปหมด ส่วนของเล่นไอ้มดแดงมักเป็น “เข็มขัดแปลงร่าง” ที่เฉพาะกลุ่มกว่า จึงไม่ใช่ของเล่นตลาดแบบสองแฟรนไชส์นั้น
แต่โตเอะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขาจึงผลักไอ้มดแดงออกสู่สากลอีกครั้งด้วย Kamen Rider Zeztz และคราวนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว โทนเรื่องลดความหม่นลง ไปทางฮีโร่แฟนตาซีร่วมสมัย เล่าเรื่องเด็กหนุ่มที่ต่อสู้กับวายร้าย “Nightmare” พวกที่ดึงเอาฝันร้ายของคนออกมาให้เกิดในโลกจริง เช่นเดียวกับ Kamen Rider Zeztz ที่ถือกำเนิดในโลกแห่งความฝันก่อนจะปรากฏในโลกจริง
เนื้อหาแบบนี้มันจับต้องง่ายกว่าการต่อสู้กับองค์กรลับยึดครองโลกแบบยุคเริ่มแรก และก็ลดความโหดเลือดสาดลง ทำเป็นเรื่องวัยรุ่นที่สดใส มีความต่อเนื่องของพล็อตชัดเจน เรียกว่าเป็นการ “รีดีไซน์” ไอ้มดแดงให้เข้ากับผู้ชมทั่วโลกมากขึ้น ดีไซน์ชุดเองก็ยึดเค้าโครงจากไอ้มดแดง V1 แล้วปรับให้เข้ายุค มีกลิ่นตะวันตก ทั้งหม่น ทั้งดิบ คล้ายฮีโร่ดาร์กฝั่งอเมริกันแบบ Spawn หน่อย ๆ แล้วมาผสมกับเส้นเรืองแสงแบบ Tron
ส่วนเข็มขัดแปลงร่างถูกเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ ไม่ใช่เข็มขัดคาดเอวอีกต่อไป แต่เป็นเข็มขัดคาดอก ส่วนพลังของ Zeztz ก็อยู่ที่ Zeztz Driver เข็มขัดที่ใส่ลูกพลังต่าง ๆ เพื่อเลือกความสามารถที่ต้องการ ทั้งสกิล เพิ่มพละกำลัง หรือพลังพิเศษตามลูกที่ใส่เข้าไป
พอโตเอะมาคิดใหม่ ผลลัพธ์คือ ZEZTZ กลายเป็น Rider ที่ดู “นานาชาติ” ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภาพลักษณ์แบบไซไฟสมัยใหม่ล้นออกมาจากทุกเฟรม ตั้งแต่มุมกล้อง การจัดแสง ไปจนถึง UI ของอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ดูเหมือนของจริงในโลกอนาคตมากกว่าของเล่นเด็กแบบดั้งเดิม ตัวละครก็พูดคุยกันด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น และเนื้อเรื่องโยนปริศนาให้ผู้ชมจับได้ตั้งแต่ตอนแรกในสไตล์ซีรีส์ฝั่งตะวันตก แต่ในขณะเดียวกัน กลิ่นแบบ “ญี่ปุ่น” ที่ทำให้คาเมน ไรเดอร์แตกต่างจากฮีโร่ฝรั่งตลอดหลายสิบปี ก็ถูกลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่เปลี่ยนมากที่สุดคือการเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ให้เป็นหุ่นยนต์ สามารถเป็นคู่หูโต้ตอบกับคาเมน ไรเดอร์ได้ แถมยังแปลงร่างเป็นมอเตอร์ไซค์ได้อีก ซึ่งเป็นการตัดหัวใจสำคัญของความเท่ของ Kamen Rider โดยตรง หัวใจของไอ้มดแดงดั้งเดิมยืนอยู่บนภาพมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกดัดแปลงเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเครื่องจักร แล้วใช้ความกล้าของตัวเองสู้กับโชคชะตา การเห็นสตันท์แมนขี่จริง ๆ ล้มจริง ๆ วิ่งบนถนนจริงคือเสน่ห์ที่ไม่อาจแทนที่ได้
แต่เมื่อรถกลายเป็นสัตว์กลแปลงร่าง สิ่งที่เป็น “มนุษย์บนมอเตอร์ไซค์” ก็กลายเป็นภาพ “ฮีโร่แฟนตาซีกับหุ่นยนต์คู่หู” ซึ่งเป็นสไตล์ที่ตลาดอเมริกาเติบโตมากับ Transformers และ Power Rangers มากกว่า Rider แบบเดิม
แม้แต่ดีไซน์ชุดของ ZEZTZ ก็สะท้อนเจตนานี้อย่างตรงไปตรงมา เส้นเรืองแสง วัสดุที่ดูเหมือนคอมโพสิตล้ำยุค และความคมของดีไซน์แบบไซเบอร์เทค ล้วนตั้งใจให้ดูเท่ในสายตาผู้ชมสากล มากกว่าจะสืบทอดแนววัสดุหนังหรือยางจำพวกที่แฟนยุคโชวะคุ้นเคย ซีรีส์นี้ถูกออกแบบให้ “ไม่ต้องเป็นญี่ปุ่นมากเกินไป” เพราะเป้าคือทำให้ฝรั่งรู้สึกว่ามันใกล้เคียงกับฮีโร่ที่เขาคุ้นเคยพอจะเปิดใจรับได้ทันที
นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นซีรีส์ที่แย่ ตรงกันข้าม ZEZTZ แข็งแรงมากในเชิงภาพและบรรยากาศ ดูมีความตั้งใจที่จะยกระดับคุณภาพการผลิตให้สูงขึ้น แต่ความเข้มข้นแบบดั้งเดิมที่มืด เศร้า ดิบ และมีความเป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์ ถูกแทนที่ด้วยโทนลึกลับเชิงจิตวิทยาที่ดูสะอาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีแบบที่ผู้ชมตะวันตกคุ้นเคยจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง
สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกได้คือความตั้งใจของโตเอะที่อยากให้คาเมน ไรเดอร์ ก้าวออกจากตลาดเฉพาะของญี่ปุ่นเสียที หลังจากที่ Ultraman และ Super Sentai ตีตลาดต่างชาติได้ก่อนมานานหลายปี ZEZTZ จึงกลายเป็นสนามทดลองที่ใหญ่ที่สุดตลอดประวัติศาสตร์คาเมนไร เดอร์ว่า ฮีโร่ตัวนี้จะกลายเป็นสินค้าสากลได้มากแค่ไหน โดยที่ไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองมากเกินไป
สนุกครับ
ดูได้ในยูทูป
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย