เมื่อวาน เวลา 06:16 • ดนตรี เพลง

Ctrl+C (VIBE CHECK) Dead Can Dance: จาก Post-Punk สู่สวรรค์อันมืดมิด (The Ethereal Monolith)

Dead Can Dance ไม่ใช่วงดนตรี Darkwave ทั่วไปที่เอาแต่ใช้ซินธ์เสียงหนาวเหน็บ พวกเขาคืออนุสาวรีย์แห่งเสียงที่พาเราเดินทางข้ามยุคสมัย จากรากฐาน Post-punk สู่โลกที่โออ่า ขรึม ขลัง และงดงามในแบบ Ethereal Darkwave ที่ไม่มีใครเทียบได้
การหลุดพ้นจากซินธ์ (The Breakaway from Synth)
ในขณะที่เพื่อนร่วมวงการยุค 80s หลงใหลใน Drum Machine และ Synth-Pop ที่เย็นชา Brendan Perry และ Lisa Gerrard สองแกนนำของ DCD กลับเลือกเดินสวนทาง พวกเขาทิ้งความดิบของ Post-punk ในยุคแรก แล้วหันไปค้นหาความจริงแท้จากเครื่องดนตรีอะคูสติก เครื่องดนตรีโบราณยุคกลาง (Medieval) และดนตรีคลาสสิก
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้อัลบั้มอย่าง Spleen and Ideal (1985) และ Within the Realm of a Dying Sun (1987) กลายเป็นพิมพ์เขียวของแนวดนตรีที่เน้น "บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์" (Sacred Atmosphere) ด้วยการใช้ Timpani, Cello, และเครื่องเป่าโบราณ สร้างภูมิทัศน์เสียงที่ยิ่งใหญ่และหนักแน่น เหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางวิหารเก่าแก่ที่ถูกทอดทิ้ง
ภาษาที่อยู่เหนือกาลเวลา (The Voices Beyond Language)
หัวใจสำคัญที่ทำให้ DCD เป็นตำนานคือพลังเสียงของพวกเขา
Brendan Perry: เสียง Baritone ที่ลุ่มลึกของเขาทรงพลังและหนักแน่น เปรียบเหมือนผู้บรรยายตำนานโบราณ
Lisa Gerrard: น่าทึ่งที่สุดคือเทคนิค Glossolalia (การร้องด้วยภาษาที่เธอสร้างขึ้นเอง) เสียงของเธอคือพลังดิบที่พุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้ฟัง โดยปราศจากอุปสรรคทางภาษา ทำให้บทเพลงของ DCD อยู่เหนือกาลเวลาและวัฒนธรรมใดๆ บทเพลงของพวกเขาจึงไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็น พิธีกรรมทางอารมณ์
Dead Can Dance คือการพิสูจน์ว่า Darkwave ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ห้องใต้ดิน แต่สามารถเป็นงานศิลปะที่มีความยิ่งใหญ่ในระดับ Neoclassical ได้ พวกเขาคือ "เสาหิน" ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับดนตรี Goth, Ethereal Wave และค่ายเพลงระดับตำนานอย่าง 4AD จนถึงทุกวันนี้
Sources: Apple Music, Side-Line Magazine, Wikipedia (Dark Wave)
#DeadCanDance #Darkwave #EtherealWave #PostPunk #GothicRock #4AD #เพลงนอกกระแส #ดนตรีทางเลือก #CtrlAltBeat
โฆษณา