7 ธ.ค. เวลา 12:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

สงคราม AI 2026 : Google กลับมา OpenAI สะเทือน และโอกาสของคนไทย

[เรื่อง: ธนชาติ นุ่มนนท์]
บรรยากาศการแข่งขัน AI ในช่วงเดือนพฤศจิกายน มีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะบริษัทเทคโนโลยีค่ายใหญ่ๆ ต่างปล่อยโมเดล AI ตัวใหม่ๆ ที่มีความสามารถสูงขึ้นมากมาอีกหลายตัว เรากำลังก้าวพ้นจากยุคสมัยที่ AI ทำได้แค่ ‘สร้างเนื้อหา’ หรือ ‘ก๊อปปี้งาน’ ไปสู่ยุคแห่ง ‘การคิดวิเคราะห์เชิงลึก’ และการทำงาน ‘แทนมนุษย์’ เกือบเต็มรูปแบบ
เริ่มต้นด้วยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน บริษัท OpenAI เปิดฉากด้วยการปล่อย GPT-5.1 ที่ด้านความเร็วและการให้เหตุผลเรื่อง มีจุดเด่นในการ คุยรู้เรื่อง คุมง่าย คือใช้ภาษาเป็นธรรมชาติมากขึ้น
จากนั้นวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 : บริษัท Google ก็เปิดตัว Gemini 3.0 Pro และฟีเจอร์ Deep Think ซึ่งเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการให้เหตุผลและโมเดลหลายรูปแบบทั้งข้อความและภาพครั้งสำคัญ
ปิดท้ายด้วยบริษัท Anthropic ที่เปิดตัว Claude Opus 4.5 ที่เน้นจุดขายด้านการเขียนโค้ดและการทำงานเป็นตัวแทนอัตโนมัติ (Agentic workflows) ด้วยประสิทธิภาพที่แม่นยำสูงสุดในตลาด เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน
แต่สิ่งที่ทำให้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริง คือการกลับมา Google ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นรองในยุคเริ่มต้นของ Generative AI ได้กลับมาทวงบัลลังก์อย่างดุดัน ถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2022 โลกตื่นเต้นกับการเปิดตัว ChatGPT ที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ถึงกับเสียหลัก จนซีอีโอ ซุนดาร์ พิชัย ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ Code Red เพื่อระดมสรรพกำลังทั้งหมดมารับมือกับภัยคุกคามที่อาจสั่นคลอนธุรกิจค้นหาข้อมูล จนมีบางคนบอกว่าเลิกค้นหาข้อมูลด้วยการใช้ Google Search แบบเดิมๆ
การเปิดตัว Gemini 3.0 กลายเป็นการทำให้ฝั่งของ OpenAI โดยแซม อัลท์แมน ของบริษัท ต้องประกาศ Code Red ภายในบริษัทเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา สั่งรื้อแผนงานทั้งหมด พับโครงการโฆษณา เพื่อทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปที่การปรับปรุงความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่งส่วนบุคคลของ ChatGPT สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง “Sputnik Moment” ของ OpenAI ที่ต้องกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับและไล่ตามคู่แข่งอย่าง Google
ถ้าใครมีโอกาสได้เล่น Gemini 3.0 Pro จะพบความสามารถที่น่าสนใจหลายด้าน Gemini 3.0 ไม่ได้แค่ฉลาดขึ้น แต่มันเปลี่ยนวิธี ‘คิด’ โดยสิ้นเชิง ด้วยกลไกใหม่ที่เรียกว่า Deep Think หากโมเดล AI ทั่วไปเหมือนการคิดแบบเส้นตรง ทีละขั้นตอน Deep Think ของ Gemini ก็เหมือนการคิดแบบ ขนาน ออกไปหลายทางพร้อมกัน มันสามารถสร้างทางเลือกของคำตอบที่เป็นไปได้ ประเมินว่าทางไหนน่าจะสำเร็จ แล้วตัดทางที่ผิดทิ้งไป
จากนั้นจึงย้อนกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดก่อนหน้า จนได้คำตอบสุดท้ายที่สมบูรณ์ที่สุด วิธีนี้ทำให้มันเก่งกาจเป็นพิเศษในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากๆ ทั้งทางคณิตศาสตร์ ตรรกะ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งสะท้อนผ่านผลทดสอบที่ทิ้งห่างคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น
นอกจากนี้ Gemini 3.0 ยังถูกฝึกให้ มองเห็น ได้ยิน และอ่าน ข้อความไปพร้อมๆ กันตั้งแต่แรกเกิด ไม่ใช่การเอาโมเดลภาพกับโมเดลภาษามาแปะรวมกันเหมือนคู่แข่ง ทำให้มันเข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่า ยกตัวอย่างเช่น มันสามารถดูคลิปวิดีโอสาธิตการทดลอง แล้วเขียนโค้ดเพื่อจำลองการทดลองนั้นได้ทันทีโดยไม่สับสนแม้แต่การสร้างรูปภาพเช่นการทำอินโฟกราฟิก หรือปรับแต่งข้อความในภาพ ทำได้ถูกต้องและเก่งมาก จนผมเองอดสงสัยไม่ได้ว่างานที่มนุษย์ต้องทำเองอาจเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ
อ่านต่อ:
โฆษณา