7 ธ.ค. เวลา 13:39 • การศึกษา

10 กฎจิตวิทยาและทฤษฎีสมอง ที่จะช่วยให้ชีวิตคุณ "ง่ายและสำเร็จ" ได้เร็วยิ่งขึ้น

เราทุกคนต่างต้องการทางลัดที่จะช่วยให้การทำงาน ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตในแต่ละวันราบรื่นขึ้น เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์เรามี "รูปแบบพฤติกรรม" บางอย่างที่หากคุณรู้ทัน คุณจะสามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ดั่งใจ นี่คือ 10 กฎจิตวิทยาและทฤษฎีที่น่าสนใจ ที่คัดมาแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันที่สุดครับ
1. กฎของเบนจามิน แฟรงคลิน (The Benjamin Franklin Effect)
"ถ้าอยากให้ใครชอบเรา ให้ขอให้เขาช่วย" ฟังดูย้อนแย้งใช่ไหมครับ? ปกติเราจะคิดว่าการทำดีให้คนอื่นจะทำให้เขาชอบเรา แต่จิตวิทยาระบุว่า เมื่อใครสักคนทำสิ่งดีๆ ให้เรา (แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย) สมองของเขาจะหาเหตุผลมารองรับการกระทำนั้นว่า "ฉันช่วยเขา แปลว่าฉันต้องชอบเขาแน่ๆ"
• วิธีใช้: ลองขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนร่วมงานหรือคนที่คุณอยากสนิทด้วย เช่น "ช่วยหยิบปากกาให้หน่อย" หรือ "ขอยืมหนังสือเล่มนี้ได้ไหม"
2. กฎ 80/20 (The Pareto Principle)
"ผลลัพธ์ 80% มาจากการกระทำเพียง 20%" กฎนี้ใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการเรียน สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การทำ "ทุกอย่าง" แต่อยู่ที่การทำ "สิ่งที่ถูกต้อง"
• วิธีใช้: แทนที่จะพยายามทำงาน 10 อย่างให้เสร็จพร้อมกัน ให้หาว่างานไหนคือ 20% ที่สำคัญที่สุด ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จส่วนใหญ่ แล้วทุ่มเทพลังงานไปที่จุดนั้นก่อน
3. ปรากฏการณ์สปอตไลท์ (The Spotlight Effect)
"ไม่มีใครสนใจคุณ เท่ากับที่คุณสนใจตัวเอง" เรามักกังวลว่าคนอื่นจะจับจ้องความผิดพลาดของเรา เช่น ทรงผมไม่เป๊ะ หรือพูดติดขัด แต่ความจริงคือ ทุกคนต่างก็วุ่นวายอยู่กับความกังวลของตัวเองจนแทบไม่มีเวลามาสังเกตคุณ
• วิธีใช้: เมื่อรู้สึกประหม่าหรืออาย ให้เตือนตัวเองว่า "คนอื่นไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น" แล้วคุณจะมีความมั่นใจและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
4. กฎของพาร์กินสัน (Parkinson’s Law)
"งานจะขยายเวลาออกไป เท่ากับเวลาที่คุณมีให้มัน" ถ้าคุณให้เวลาตัวเองเขียนรายงาน 1 อาทิตย์ คุณจะใช้เวลาทั้งอาทิตย์ แต่ถ้าคุณให้เวลาตัวเอง 1 วัน คุณก็จะหาวิธีทำให้เสร็จภายใน 1 วันได้เช่นกัน
• วิธีใช้: กำหนด Deadline เทียม ให้สั้นกว่าความเป็นจริง เพื่อกระตุ้นสมองให้โฟกัสและตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป
5. เทคนิคกระจกเงา (Mirroring)
"คนเรามักจะรู้สึกดี กับคนที่เหมือนตัวเอง" การเลียนแบบภาษากาย น้ำเสียง หรือท่าทางของคู่สนทนาอย่างแนบเนียน จะช่วยสร้างความรู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจได้รวดเร็ว (Rapport)
• วิธีใช้: ถ้าเขานั่งไขว่ห้าง อีกสักพักลองนั่งบ้าง หรือถ้าเขาพูดเร็ว ลองปรับจังหวะการพูดให้ใกล้เคียงกัน (แต่อย่าทำจนดูจงใจเกินไปนะครับ)
6. ผลกระทบของไซการ์นิค (The Zeigarnik Effect)
"สมองจะจดจำงานที่ยังทำไม่เสร็จ ได้ดีกว่างานที่ทำเสร็จแล้ว" นี่คือสาเหตุที่เพลงฮิตติดหูเรา หรือเรานอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องงาน
• วิธีใช้: ถ้าคุณผัดวันประกันพรุ่ง ให้ลอง "แค่เริ่มทำ 5 นาที" เมื่อเริ่มแล้ว สมองจะเกิดแรงกระตุ้นให้อยากทำให้เสร็จเพื่อลบความค้างคานั้นออกจากใจ
7. กฎทางเลือกที่มากเกินไป (The Paradox of Choice)
"ยิ่งตัวเลือกเยอะ ยิ่งตัดสินใจยากและมีความสุขน้อยลง" การมีตัวเลือกมากเกินไปทำให้เกิดความเครียด (Decision Fatigue) และทำให้เรากังวลว่าเราเลือกสิ่งที่ "ดีที่สุด" แล้วหรือยัง
• วิธีใช้: ตัดชอยส์ให้เหลือน้อยที่สุด ลดความซับซ้อนในชีวิต เช่น สตีฟ จอบส์ ที่ใส่เสื้อคอเต่าสีดำทุกวันเพื่อลดการตัดสินใจเรื่องการแต่งตัว
8. ปรากฏการณ์ลำดับที่ (Serial Position Effect)
"คนเราจำตอนต้นและตอนจบได้ดีที่สุด" ตรงกลางมักจะเลือนลาง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉากเปิดและฉากจบของหนังจึงสำคัญมาก
• วิธีใช้: เวลาพรีเซนต์งานหรือสัมภาษณ์งาน ให้พูด ประเด็นสำคัญที่สุดไว้ตอนเริ่มและตอนสรุปจบ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยให้ไว้ตรงกลาง
9. กฎ 2 นาที (The 2-Minute Rule)
"ถ้าอะไรใช้เวลาทำน้อยกว่า 2 นาที ให้ทำทันที" กฎเหล็กจากแนวคิด Getting Things Done เพื่อป้องกันไม่ให้งานเล็กๆ น้อยๆ พอกพูนจนกลายเป็นภาระก้อนโต
• วิธีใช้: ตอบอีเมลสั้นๆ, ล้างจานหลังกินเสร็จ, หรือจัดโต๊ะทำงาน ถ้าทำได้เลย ให้ทำทันที อย่าจดลง To-do list
10. ปรากฏการณ์พิกมาเลียน (The Pygmalion Effect)
"ความคาดหวัง สร้างความจริง" เมื่อเราคาดหวังว่าใคร (หรือแม้แต่ตัวเราเอง) จะทำได้ดี แนวโน้มที่เขาจะทำได้ดีก็จะมีสูงขึ้น เพราะความเชื่อจะส่งผลต่อการกระทำ
• วิธีใช้: เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงาน หรือบอกตัวเองหน้ากระจกว่า "วันนี้จะเป็นวันที่ดี" พลังของความคาดหวังเชิงบวกจะขับเคลื่อนพฤติกรรมของคุณไปสู่ความสำเร็จ
ข้อคิดทิ้งท้าย: จิตวิทยาไม่ใช่เรื่องของการอ่านใจผู้อื่น แต่คือการเข้าใจ "กลไกธรรมชาติ" ของมนุษย์ เมื่อคุณเข้าใจกฎทั้ง 10 ข้อนี้ คุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไหลลื่น ประหยัดพลังงานสมอง และมีความสุขกับผู้คนรอบข้างได้มากขึ้นครับ
โฆษณา