2 ก.ค. 2022 เวลา 08:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : ความกดดันที่ผู้เป็นแม่มอบให้ลูกสาวมาเป็นเวลานาน ทำให้เธอทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
2
Part 1 : เริ่มเรื่อง
Kiryu Nosomi หญิงสาวที่เกิดในครอบครัวฐานะปานกลางในจังหวัดชิงะของประเทศญี่ปุ่น พ่อของเธอทำงานเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง ซึ่งจำเป็นต้องเข้าเวรเป็นระยะเวลานาน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับภรรยาและลูกสาว ดังนั้นขณะที่ Nosomi กำลังเรียนในชั้นประถม เพื่อความสะดวกในการทำงาน พ่อของเธอจึงย้ายไปอยู่หอพักบริษัทตามลำพัง ทำให้ Nosomi ต้องอาศัยอยู่กับแม่ตามลำพังนับตั้งแต่นั้น
Kiryu Nosomi
Nosomi เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ที่เงียบขรึมมาตั้งแต่เด็ก เธอมีความฝันคือการเรียนให้จบ และจะสอบเข้ามหาลัยให้ได้ แต่หากทำไม่ได้จริงๆก็จะรีบหางานทำ แต่ผู้เป็นแม่ Kiryu Shinobu ได้ตั้งความหวังไว้กับลูกสาวของเธอไว้สูงกว่านั้นเนื่องจากแม่ของ Shinobuหรือยายของ Nosomiเคยผ่านการแต่งงานมา 2 ครั้ง ซึ่งในการแต่งงานครั้งหลังนี้ทำให้ Shinobu มีพ่อเลี้ยงเป็นหมอ ที่ได้รับความเคารพนับถือจากทุกคนรอบตัว และความรู้สึกนี้ก็ฝังใจ Shinobu เป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงเคี่ยวเข็ญลูกสาวให้ได้เป็นหมอเช่นเดียวกับพ่อเลี้ยงของเธอ
ด้วยเหตุนี้ Shinobu จึงได้กำหนดอนาคตของลูกสาวไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่ง Nosomi ก็ได้รับอิทธิพลจากแม่ของเธอมาตั้งแต่เด็ก เธอชอบดูการ์ตูนเกี่ยวกับหมอ และอยากเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียง เธอจึงพยายามตั้งใจเรียนมาโดยตลอด แต่ทว่าเมื่อเธอขึ้นชั้น ม.ต้น คะแนนของ Nosomi ก็เริ่มลดน้อยถอยลง
จนกระทั้งถึง ม.6 คะแนนก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นทำให้ความหวังของเธอที่จะเป็นแพทย์ของเธอเริ่มริบหรี่ลง แต่ Shinobuไม่คิดเช่นนั้น เธอไม่ยอมล้มเลิกความหวังของเธออย่างเด็ดขาด โดยเธอได้ขอให้ Nosomi สอบเข้าในคณะแพทยศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง
ในปี 2005 เพื่อไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวัง Nosomi ก็สมัครสอบเข้าคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว แต่น่าเสียดายที่เธอสอบไม่ผ่าน แต่แม่ของเธอกลับไปโกหกญาติๆทุกคนว่าลูกสาวสอบติดแพทย์แล้ว แถมยังบอกให้ Nosomi โกหกคนอื่นๆเหมือนกันด้วย แต่ Nosomi ซึ่งเบื่อกับการโกหก และข้อกำหนดที่เข้มงวดของผู้เป็นแม่ เธอไม่อยากเดินตามบทที่แม่กำหนดให้อีกแล้ว เธอจึงคิดที่จะออกไปหางานทำ แต่เนื่องจากตามกำกฏของญี่ปุ่น หากอายุยังไม่ถึง 20 ปีจะไม่สามารถหางานทำได้ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งแน่นอนว่า Shinobu นั้นไม่ยินยอม
Shinobu ยังคงบังคับให้ลูกสาวของเธอเรียนกวดวิชาอย่างหนัก อีกทั้งยังเข้มงวดกับเธอมากขิ่งขึ้น ทั้งไม่อนุญาติให้เธอใช้โทรศัพท์ ไม่อนุญาตให้ติดต่อกับคนภายนอก และเนื่องจากทนรับแรงกดดันจากแม่ไม่ไหว เธอจึงหนีออกจากบ้านถึง 3 ครั้ง แต่ทุกครั้ง ตำรวจหรือนักสืบเอกชนก็จะตามเธอกลับมาได้เสมอ
Nosomi ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้นานถึง 9 ปี แม่ของเธอก็ยังคงไม่ล้มเลิกความฝัน บีบบังคับให้เธอไปเรียนกวดวิชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเห็นลูกสาวสอบไม่ติดตามที่เธอต้องการเสียที ในที่สุด Shinobu ก็เสนอว่าหาก Nosomi สอบเข้าเรียนสาขาการผดุงครรภ์ได้ก็ไม่ต้องสอบหมอแล้ว ดังนั้นในปี 2014 Nosomi จึงสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ชิงะ และสอบติดภาควิชาพยาบาลของคณะแพทย์ศาสตร์ โดยหลังจากนั้นความสัมพันธ์ของ 2 แม่ลูกก็เริ่มคลี่คลายดีขึ้น
เมื่อ Nosomi เริ่มเข้าเรียนจริงจัง เธอจึงเริ่มค้นพบว่าเธอนั้นอยากเป็นพยาบาลในห้องผ่าตัดมากกว่าหมอผดุงครรภ์ และจนกระทั้งในชั้นปีที่ 2 เทอมสุดท้าย Nosomi ก็สอบเลื่อนขั้นเป็นหมอผดุงครรภ์ไม่ผ่าน ดังนั้นเธอจึงบอกเรื่องความคิดที่จะเปลี่ยนมาเรียนสายพยายาลกับผู้เป็นแม่
แน่นอนว่า Shinobuนั้นไม่เห็นด้วย และโกรธลูกสาวของเธอเป็นอย่างมาก เพราะตัว Shinobu นั้นมีเพื่อนเป็นพยาบาล และเธอก็ได้เห็นว่าพยาบาลนั้นเป็นอาชีพที่ต้องทำงานตรากตรำเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังเป็นงานที่ต้องคอยปรนนิบัติผู้อื่น ไม่ใช่งานชั้นสูงอย่าที่เธอใฝ่ฝัน ทำให้เธอมีอคติกับอาชีพนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้น Shinobu จึงเข้มงวดกวดขันกับลูกสาวเพิ่มขึ้น และความสัมพันธ์ของ 2 แม่ลูกก็เริ่มเลวร้ายลงอีกครั้ง
ฤดูร้อนปี 2017 ขณะที่ Nosomi กำลังเรียนชั้นปีที่ 4 เนื่องจากเธอทำคะแนนได้ดี เธอจึงได้รับโควต้าให้เป็นพยาบาลฝึกหัดของโรงพยาบาลในเครือ แต่แม่ของเธอกลับไม่เห็นด้วย จนถือวิสาสะปฏิเสธโควต้านี้แทนลูกสาว พร้อมทั้งบีบบังคับให้ Nosomi สอบเข้าวิทยาลัยเฉพาะทางด้านการผดุงครรภ์ใหม่อีกครั้ง และยังให้เธอเขียนหนังสือสัญญาว่า ต่อให้สอบตกก็จะไม่มีทางเป็นพยาบาลโดยเด็ดขาด
ขณะเดียวกันก็ยึดโทรศัพท์ของเธอเอาไว้ แต่หลังจากนั้น Shinobu ก็พบว่าในขณะที่ตัวเองเผลอ ลูกสาวนั้นแอบมีโทรศัทพ์อีกเครื่องหนึ่ง นั่นทำให้ Shinobu รู้สึกว่าลูกสาวเริ่มมีพฤติกรรมต่อต้าน จึงบังคับให้ Nosomi คุกเข่าอยู่ในบ้าน ถ่ายรูปเธอเอาไว้ ก่อนจะทุบโทรศัพท์เครื่องนั้นจนพังต่อหน้าต่อตาของเธอ พร้อมทั้งส่งข้อความไปที่โทรศัพท์ของลูกสาวอีกเครื่อง ด่าทอเธอต่างๆนาๆ
1
เนื่องจากถูกกดดันมาเป็นเวลานาน ทำให้จิตใจของ Nosomi อ่อนล้า และอยากหลุดพ้นจากการควบคุมของแม่ให้เร็วที่สุด แต่เธอก็ไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร การบีบคั้นอันยาวนั้น ทำให้จิตใจของเธอๆค่อยๆผิดเพี้ยน และกลายเป็นคนเก็บตัวมากยิ่งขึ้น ดังนั้นต่อให้เธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ก็ทำได้เพียงเขียนไว้ในร่างจดหมายในอีเมลของตน
เมื่อโควต้าการว่าจ้างพยาบาลของโรงพยาบาลในเครื่อมหาลัยกำลังจะสิ้นสุดลง Nosomi จึงเข้าไปขอร้องผู้เป็นแม่อีกครั้ง เพื่อให้เธอได้ทำงานพยาบาลที่เธอรัก แต่ Shinobu ก็ตอบกลับด้วยความโมโหว่า “เห็นว่าเป็นแม่ใช่มั้ย ถึงได้เอาแต่ใจแบบนี้ การที่เธอทำแบบนี้ ก็เหมือนผลักให้แม่ไปอยู่ตรงปากเหว” และเธอก็ต่อว่าด่าทอ Nosomi ทั้งคืน นั้นทำให้ Nosomi รู้สึกว่าตัวเองมาถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้ว
ในคืนวันนั้นเธอเขียนลงในร่างจดหมายของอีเมลว่า “มาถึงตอนนี้ ก็ถูกบีบคั้นจนถอยไม่ได้อีกแล้ว ทั้งๆที่เธอมีโอกาสตั้งหลายครั้ง แต่เพราะตัดใจทำไม่ลง ถึงต้องมาเสียใจภายหลังอยู่แบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็รีบตัดสินใจเถอะ อย่ากลัวอีกเลย หากใจไม่แข็งพอ ความฝันก็ย่อมไม่มีวันเป็นจริง เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเถอะ”
3
Part 2 : ลงมือก่อเหตุ และการสืบสวน
วันที่ 19 มกราคม ปี 2018 Nosomi ทะเลาะกับแม่เรื่องการทำงานเป็นพยาบาลอีกครั้ง และหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายใจเย็นลง Nosomi ก็เข้าไปช่วยบีบนวดให้แม่ตามปกติ เมื่อแม่ของเธอผล็อยหลับลง เมื่อ Nosomi เห็นว่าแม่ของเธอหลับสนิทแล้ว เธอก็หยิบอาวุธที่เธอซ่อนเอาไว้ออกมาจบชีวิตของผู้เป็นแม่ลง
2
หลังจากนั้นเธอก็นั่งลงข้างๆร่างของแม่ และโพสลง Twitter ว่า “ในที่สุดก็ล้มปีศาจได้ วางใจไปเปราะนึง” ก่อนจะไปเปิดดูทีวี เพื่อดูซีรีย์ที่อยากดูมาตลอด แต่แม่ไม่เคยยอมให้เธอดู หลังจากดูจบเธอก็เอาผ้าขุนหนูมาคลุมร่างของแม่ไว้ และเข้านอนตามปรกติ
ข้อความดังกล่าวใน Twitter
ในเดือนมีนาคม ปี 2018 ขณะที่ชาวบ้านกำลังเดินเล่นอยู่ริมแม่น้ำ ก็พบเข้ากับโครงกระดูก โดยในตอนแรกทุกคนคิดว่าว่าโครงกระดูกของสัตว์ที่มีคนแอบเอามาทิ้งไว้จึงได้โทรแจ้งความ แต่เมื่อตำรวจมาตรวจสอบก็ผลว่าเป็นโครงกระดูกของมนุษย์ โดยภายหลังการตรวจสอบ DNA ก็ยืนยันว่านี่เป็นโครงกระดูกของ Shinobu
สถานที่พบโครงกระดูกของ Shinobu
เมื่อสืบหาเบาะแสต่างๆ ในเดือนมิถุนายน ตำรวจก็เข้าจับกุม Nosomi โดยในศาลชั้นต้น Nosomi รับสารภาพว่าแม่ของเธอนั้นป็นผู้จบชีวิตด้วยตัวเอง แต่ตำรวจพบว่าเหยื่อนั้นไม่มีแรงจูงใจในการฆ่าตัวตาย และไม่เคยขัดแย้งกับใคร และในวันที่เกิดเหตุก็อยู่กับลูกสาวแค่ 2 คน และจากร่องรอยหลักฐานต่างๆก็ชี้ชัดว่า Nosomi เป็นผู้ลงมือฆาตกรรมแม่ของตัวเอง
Part 3 : สรุป
ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ตำรวจจึงออกหมายจับ Nosomi อีกครั้ง การพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ตัดสินให้เธอต้องโทษจำคุก 20 ปี ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย แต่ในศาลชั้นอุธรณ์ หลังจากได้ศึกษารายละเอียดของคดีทั้งหมด ศาลก็เห็นว่ามีเหตุควรให้ผ่อนผัน เนื่องจาก Nosomi ได้รับแรงกดดันจากแม่มาเป็นเวลานาน จนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพ สุดท้ายจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปีให้แก่ Nosomi
1
ภายหลังจาก Nosomi รับทราบผลการพิจารณาคดีก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เธอนั้นรู้สึกโล่งใจ เพราะแม้ร่างกายจะต้องถูกจองจำ แต่จิตใจของเธอกลับรู้สึกเป็นอิสระ
1
ในเรือนจำ Nosomi มีเพื่อนร่วมห้องขัง 8 คน ส่วนมากมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ ที่ต่างก็เสียใจที่ต้องแยกจากลูกของพวกเขา ทำให้ Nosomi ได้คิดทบทวนกับสิ่งที่เธอทำลงไป และคิดว่าแม่ของเธอมองตัวเองอย่างไร ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ของเธอจะรู้ไหมว่าสิ่งที่เธอทำคือการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และหากตัวเธอเองเลือกที่ไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือเลือกที่จะฟ้องร้องต่อศาล ก็อาจจะไม่เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น
2
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
1 กรกฏาคม 2565

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา