2 ก.ค. 2022 เวลา 01:36
“ตอนประถมเราต้องยืนหัวแถวตลอด ก็จะโดนเรียกว่าไอ้เตี้ย ไม่ค่อยรุนแรงมาก ยังมีความเบสิกๆ อยู่ แต่มันก็ส่งผลกับเรานะ เหมือนเราฝังใจกับรูปร่าง กับส่วนสูงของตัวเองตลอด กับเพื่อนๆ อาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ เด็กประถมอาจจะยังแซวไม่เก่งมาก แต่กับญาติๆ จะเยอะ ครอบครัวคนจีน วันอาทิตย์เจอกันบ้านอาม่า ก็จะเทียบกันแล้ว ‘อุ๊ย จอย ทำไมเตี้ยอย่างนี้ ดูน้องซิ เขาสูงถึงไหนแล้ว’ หรือ ‘น้องจะสูงทันแล้วเนี่ย’
“พอเริ่มขึ้นมัธยม ไซส์เริ่มระเบิด แต่ก็ยังไม่ได้กังวลเรื่องความสวยอะไร จนพอขึ้นมัธยมปลาย เริ่มแบบรู้สึกว่าทำไมคนอื่นใส่ชุดม.ปลายแล้วดูสวย ใส่เข็มขัดแล้วมีเอววะ ทำไมกูดูป้อมๆ เพราะเราไม่สูงด้วย เวลาไปซื้อกระโปรงกับเพื่อนที่สหกรณ์ เพื่อนเอว 24-25 แต่เรา 26 แล้วก็ข้ามไป 27 ไป 28 เราเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ก็จะมีแซวๆ ว่ามึงขาใหญ่อะ มึงตูดบาน บางทีไม่ได้แซวต่อหน้า แต่รู้สึกว่ามีคนพูดอยู่ข้างหลัง อุ๊ย ตูดใหญ่เหมือนกันเนอะ เราก็ยิ่งไม่ค่อยเซลฟ์กับร่างกายตัวเอง
“ความไม่เซลฟ์นี้มันมีผลอีกทีตอนมหา’ลัย พอเราต้องเริ่มเข้าสังคมที่มีผู้หญิงผู้ชายเยอะขึ้น เริ่มเป็นสาวขึ้น ห่วงเรื่องความสวยความงาม แม้จะไม่ได้อ้วนมากแต่เราไม่เซลฟ์เลย ก็เลยกินยาลดความอ้วน กินจนความดันต่ำ หน้ามืด ก็ยังกินต่อ เพราะรู้สึกว่าเราไม่โอเคกับร่างกาย ตอนนั้นเพื่อนเริ่มล้อ ‘เฮ้ย จอย มึงแม่งเป็นขาใหญ่’พานพุทธ’ ซึ่งยาลดความอ้วนมันเอฟเฟ็กต์เราประมาณหนึ่ง
พอหยุดยาแล้วมันโยโย่กลับมาดับเบิ้ล ทำให้เราอาย ไม่กล้าออกไปไหนอยู่ช่วงหนึ่ง ใครชวนไปไหนก็ไม่ไป บอกว่าอ่านหนังสือ เก็บตัวจนกว่าตัวเองจะเข้าที่เข้าทาง ถึงจะออกไปกับเพื่อนอีกครั้ง
“มีครั้งหนึ่งตอนเรียนจบ เริ่มทำงานแล้ว ตื่นขึ้นมาจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วรีบลุกจนเวียนหัวแล้วล้ม คางลงพื้น คิดว่าไม่เป็นไรมั้ง เจ็บหน่อยๆ ก็วิ่งไปห้องน้ำ แล้วกลับมานอน นอนไปสักพัก อะไรเปียกๆ วะ เปิดไฟดู เลือดไหลที่คางเป็นทาง เลยรีบไปหาหมอเย็บอยู่หลายเข็มเหมือนกัน เลยคิดว่าต้องดูแลสุขภาพตัวเองเยอะขึ้นนะ
การที่เรากินยาลดความอ้วนติดต่อกันนานๆ เปลี่ยนคลินิกไปเรื่อยๆ มันคงต้องหยุดละ ก็ค่อยๆ เริ่มหาวิธีใหม่ๆ ให้ตัวเอง เช่นออกกำลังกาย แต่กว่าน้ำหนักจะลดลงมาก็เป็น 10 ปี คือหาว่าอะไรที่เฮลท์ตี้กับเราจริงๆ ทั้งการออกกำลังกายและอาหาร
“ถามว่าอาหารมีผลไหม เราว่ามี ตอนเด็กๆ เกิดมาในยุคที่พ่อแม่ยังตั้งตัวไม่ค่อยได้ มันก็เอฟเฟกต์เรื่องอาหารด้วย พ่อแม่ต้องทำงานหาเงิน ตอนเช้าไม่ได้มีเวลาเตรียมอาหารให้เรามาก ข้าวเช้าตอนรอรถโรงเรียนก็คือกินข้าวต้มกับหมูหยอง ไข่ต้ม หรืออะไรง่ายๆ หรือบางวันแม่ทำโจ๊ก แต่เป็นโจ๊กที่ไม่อร่อยอะ คือรู้ว่าแม่อาจจะไม่ได้มีเวลา ก็เลยทำให้ไม่รู้สึก Enjoy Eating เท่าไหร่
“ทีนี้ อาหารที่โรงเรียนก็ไม่อร่อยอีก กินไม่ค่อยได้ ต้มยำเห็ดนางฟ้า มีกระดูกไก่กับเศษๆ ไก่พ่วงมาด้วย หรือผัดผักจืดๆ แต่แน่ๆ คือข้าวเยอะ ยิ่งถ้าวันไหนลงมากินข้าวช้า กับข้าวก็จะไม่ค่อยเหลือแล้ว ได้กินข้าวราดน้ำแกงอะไรแบบนี้ เน้นกินข้าวให้อิ่ม ไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องโภชนาการเท่าไหร่
หรือพอโตมา เริ่มเอนจอยเพราะมีเพื่อนกินด้วย แต่ก็จะกินแต่อะไรโง่ๆ ยำโง่ๆ ขนมหวาน แต่ยังคงเบสิกเดิมคือกินข้าวเยอะ น้ำหนักก็เลยขึ้นมาเยอะ แต่ในที่สุด เราก็ต้องออกกำลังกาย ต้องหาอะไรที่เฮลท์ตี้กับเราจริงๆ ซึ่งกว่าน้ำหนักจะลดลงมาจนสเตเบิล ก็เป็น 10 ปีนะ อยู่ในวังวนของการไม่โอเคกับร่างกายตัวเองนานมาก
“การเปรียบเทียบ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องเเคร์สายตาคนรอบข้างตลอด กังวลตลอดว่าจะถูกตัดสิน ถ้าร่างกายเราไม่เป็นไปตามที่สังคมวางไว้
“เราอยากให้หยุดเปรียบเทียบได้แล้ว ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผลการเรียน รูปร่าง หน้าตา ไม่มีใครอยากดูไม่ดี ไม่มีใครอยากเรียนไม่เก่ง วัฒนธรรมการเปรียบเทียบกันโดยเฉพาะในหมู่ญาติ ควรจะน้อยลงกว่านี้ได้แล้ว คนใกล้ชิดที่อยู่ในวงที่ใกล้กับเรา มันส่งผลกับเรานะ ถึงเราจะหัวเราะแหะๆ ไป เหมือนจะไม่คิดอะไร แต่เราก็น้อยใจแหละ
“แต่ถ้าเป็นเพื่อน ตอนนี้ก็จะบอกว่า เรื่องของกู” (หัวเราะ)
#iliU #FOODFORGOOD
#love #bodyshaming #sameshamebutdifferent #ถาดหลุมที่ไม่รักแต่คิดถึง #mybooschoolmeal
โฆษณา