22 พ.ย. 2022 เวลา 08:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ธุรกิจท่องเที่ยวของจีน หวั่นอยู่ไม่รอดถึงปีหน้า
แม้เปิดประเทศแล้ว แต่อาจช้าไป
จากนโยบายคุมโรคระบาดเป็น 0
โรคระบาดจะเป็นศูนย์คงจะยาก เพราะยังไงเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้มีทุกประเทศที่คิดไปในแนวทางนี้ เนื่องจากความเชื่อของคนบนโลกไม่เหมือนกัน จึงทำให้ทัศนคติต่อโรคระบาดก็ไม่เหมือนกันด้วย
จีน เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ยังคงดำเนินการนโยบายโรคระบาดเป็นศูนย์ ตามการประกาศของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เพราะต้องย้อนความไปว่า โรคนี้มีจุดกำเนิดที่อู่ฮั่น ประเทศจีน จนทำให้เกิดการระบาดใหญ่
แต่จีนก็กลับมาแก้เกมด้วยการจัดการโรคระบาดให้อยู่หมัด ผลิตวัคซีนของตนเอง และส่งออกไปให้ประเทศอื่นๆรวมถึงไทยเช่นกัน ทำให้ตอนนี้สถิติจำนวนผู้ติดเชื้อของจีน จากหัวตารางตอนนี้ลงมาที่อันดับ 104 จากข้อมูลของ Worldometer.com
แม้ว่าโรคระบาดยังคงอยู่ แต่พญามังกรก็ยังยืนที่จะกำจัดโรคนี้ออกไปให้ได้ ซึ่งทำให้นโยบายควยคุมโรคระบาด เริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากตัวเลขการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนอยู่ที่ 5.5%
1
แต่กลายเป็นว่าด้วยนโยบายคุมโรคระบาด ทำให้ต้องมีการปรับตัวเลขใหม่เป็น 3%
จนทำให้มีกระแสข่าวว่าจีนอาจจะเปิดประเทศช่วงเดือน มีนาคม ปีหน้า เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แล้วทำไมภาคการท่องเที่ยว จึงกลัวว่าจะสายไป เมื่อเปิดประเทศปีหน้า ?
.
เพราะในช่วงที่ปิดประเทศของจีนนั้น ค่อนข้างกระทบต่อประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากคนนอกเข้าไม่ได้ คนในจะไปไหนก็ยากด้วยนโยบายโรคระบาดเป็นศูนย์ ทำให้แต่ละครั้งที่มีการปิดพื้นที่เพื่อควบคุมโรคระบาดนั้น ก็ทำให้ผู้คนถูกกักอยู่ในบริเวณจนทำให้ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้เลย แม้กระทั่งทำมาหากิน
การปิดโซนเพื่อควบคุมโรคระบาดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าทำแค่ครั้งเดียว แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนทำให้รายได้ของประชาชน รวมไปถึงภาคธุรกิจเข้ามาไม่คงที่ สวนทางกับรายจ่ายที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่ทันรายได้ที่เข้ามา จนทำให้ประชาชนและคนที่ทำมาหากิน ต้องใช้น้ำอดน้ำทนพอสมควร เพื่อหวังว่าจะผ่านมันไปให้ได้
จากการคาดการณ์ของ Morgan Stanley และธนาคารเพื่อการลงทุนหลายประเทศ ได้คาดว่า จีนอาจมีแผนเปิดประเทศในช่วงเดือน มีนาคม 2566 ภายใต้เงื่อนไขที่จีนอาจจะทำควบคู่ไปกับการควบคุมโรคระบาด
.
ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวก็ได้มีเสียงสะท้อนออกมาเช่นกัน จากการให้สัมภาษณ์ผ่าน Japantimes พบว่า ผู้ประกอบการกังวลเรื่องของความอยู่รอดของธุรกิจก่อนที่จะมีการเปิดประเทศอย่างจริงจังในปีหน้า
เพราะด้วยนโยบายควบคุมโรคระบาดของจีนเอง ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่หวาดระแวงในการใช้ชีวิตจนไม่กล้าออกไปไหน เนื่องจากนโยบายนี้ โดยมีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากการ Lock down พื้นที่ในเซี่ยงไฮ้ที่ทำให้ประชากร 25 ล้านคน ได้รับผลกระทบมาแล้ว
เหตุผลนี้เองทำให้ภาคธุรกิจจีน ก็เหมือนยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่าเมื่อไหร่จีนจะเปิดประเทศสักที เพราะจากการคาดการณ์นั้น ก็มาจากสื่อต่างประเทศ ไม่ใช่ในนามของรัฐบาลจีนที่จะมีประกาศอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ Japantimes ยังได้สัมภาษณ์เจ้าของร้านกินดื่มในเซี่ยงไฮ้ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มปิดเมืองท่าสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ มาจนถึงวันนี้ ว่าตัวร้านกินดื่มเอง เปิดให้บริการทั้งปีนี้เพียง 50 วัน ในช่วงการ Lockdown
จึงทำให้การใช้นโยบายโรคระบาดเป็นศูนย์ของจีน อาจทำให้เงินของประชาชนและคนทำธุรกิจเป็นศูนย์เช่นเดียวกัน
ทางเจ้าของร้านยังได้บอกอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลจีนได้ใช้นโยบายอย่างเข้มงวดนั้น ทำให้แผนธุรกิจที่เขาวางไว้แทบไม่มีความหมาย จนเข้าของธุรกิจเองบอกว่า อนาคตอาจจะยังไม่สำคัญสำหรับตอนนี้ เพราะสำหรับธุรกิจตอนนี้แทบจะเป็นการเอาตัวรอดแบบวันต่อวัน
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Line : @reporterjourney
โฆษณา