18 ก.พ. 2023 เวลา 02:46 • ความคิดเห็น

70 ยังแจ๋ว…

ในวัยห้าสิบกว่าๆแบบผมนั้น ไอดอลในฝันที่อยากเป็นคงไม่เหมือนในวัยทำงานสามสิบกว่าที่มองพี่ๆรุ่นใหญ่ที่ทำงานเก่งๆหรือประสบความสำเร็จ แต่ไอดอลในฝันผมในตอนนี้จะเป็นผู้ใหญ่ในวัยเจ็ดสิบที่ยังดูเจ๋ง แข็งแรง มีความสุขกับชีวิต
ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าผมอายุเจ็ดสิบก็อยากได้เสี้ยวหนึ่งเหมือนพี่ๆเขาบ้าง ในการชื่นชมพี่ๆเหล่านั้นที่ได้เพิ่มเติมก็คือแนวทางปฏิบัติตนในตอนนี้ด้วย ก็คล้ายๆตอนผมในวัยสามสิบที่พยายามเรียนรู้เคล็ดลับของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างไรอย่างนั้น
ผู้ใหญ่ในวัยเจ็ดสิบในโลกที่เจ๋งๆคงมีเยอะมาก แต่คนที่ผมรู้จักตัวเป็นๆนั้นมีไม่มาก ก็เลยอยากจะเขียนบันทึกด้วยความชื่นชมไอดอลทั้งสี่คนของผมที่ทำตัวเป็นตัวอย่างให้ผมพยายามเดินตามในวันนี้ คนแรกก็คือเจ้านายเก่าของผม อากู๋แห่งแกรมมี่
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
คุณไพบูลย์ในวัยเจ็ดสิบสี่ยังเป็นหนุ่มใหญ่ตาเป็นประกายทุกครั้งที่เจอ คุณไพบูลย์ใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์ เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน มีความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตมาก มีพรรคพวกเพื่อนฝูงก๊วนกินข้าวเฮฮาแทบทุกวัน มีลูกชายลูกสาวที่น่ารัก เก่ง และตอนนี้ก็มาเป็นกำลังสำคัญที่บริษัททุกคน
คุณไพบูลย์เป็นคนที่ใช้เงิน “เป็น” ที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยเห็น มีเทสต์ในการใช้ชีวิต ดื่มด่ำกับศิลปะ ยังสนุกกับการทำงาน แก้ปัญหา เหมือนคนอายุเท่าผม
หัวใจหลักที่สำคัญที่สุดของคุณไพบูลย์ในการคงความเป็นหนุ่มไว้ก็คือวินัยในการออกกำลังกาย คุณไพบูลย์วิ่งทุกวัน วันละ 5 กิโล มีเทรนเนอร์ฟมาเทรนเวท ว่ายน้ำแทบทุกวันครั้งหนึ่งก็ครึ่งชั่วโมง แช่บ่อน้ำร้อนและน้ำเย็นจัด ทำทุกวันไม่เคยขาดมาตั้งแต่อายุ 38 คุณไพบูลย์เคยสอน ตูน บอดี้แสลม
ตอนที่ตูนบาดเจ็บจากการใช้ร่างกายหนักเกินจากการเล่นคอนเสิร์ทว่า สุขภาพก็เหมือนเลข 1 ซึ่งจะมีเลข 0 ตามมากี่ตัวก็ได้ ยิ่งมี 0 มากยิ่งมีค่า แต่ถ้าไม่มีเลข 1 แล้ว ศูนย์กี่ตัวก็ไม่มีความหมาย ขอให้ตูนดูแลเลข 1 ให้ดี
ซึ่งคุณไพบูลย์ก็เป็นตัวอย่างที่รักษาเลข 1 เป็นอย่างดี จนทำให้มีความสุขกับเลขศูนย์ในด้านอื่นๆอย่างน่าอิจฉาในวันนี้ที่วัย 72 ปี..
สุทธิชัย หยุ่น
1
ในวัยเจ็ดสิบหกปีของคุณสุทธิชัย หยุ่น ยังทำงาน ปรับตัวตามโลก และทันสมัยอย่างน่ามหัศจรรย์มากๆ คุณสุทธิชัย ยังทดลองอะไรใหม่ๆ ยังเป็นนักข่าวที่ปรับตัวตามเทคโนโลยี่ได้อย่างเด็กรุ่นหลังยังอาย ในวันที่ Influencer มาแทนนักข่าวยุคเก่า คุณสุทธิชัยน่าจะเป็นคนเดียวในวงการข่าวเดิมที่เปลี่ยนผ่านและปรับตัวจนกลายเป็น Influencer ในยุค Social Media ได้ และทำได้ดีเสียด้วยในวัยเจ็ดสิบกว่าปี
พลังของคุณสุทธิชัยก็น่าทึ่งมาก ผมและพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ เคยชวนคุณสุทธิชัยมาบรรยายกึ่งสัมภาษณ์ที่หลักสูตร ABC คุยกันยาวๆสองชั่วโมง ในวันนั้นก่อนมาบรรยายตอนบ่าย คุณสุทธิชัยมีรายการสัมภาษณ์ของตัวเองที่คุยทุกเรื่องที่โลกสนใจในตอนเช้า ไปอัดรายการทีวีสองรายการ มาบรรยายที่หลักสูตรผม แล้วต้องรีบไปสัมภาษณ์รายการวิทยุ และมีรายการตัวเองอีกตอนค่ำ วันนั้นคุณสุทธิชัยเพิ่งอวดคลิป TikTok ที่คุณสุทธิชัยทำและมีคนดูเป็นล้านคน ที่น่าทึ่งคือ คุณสุทธิชัยทำแบบนี้ทุกวัน
นอกจากที่คุณสุทธิชัยเล่าถึงความลุ่มหลงจากงานที่ทำ จนเรียกตัวเองว่าเป็น “คนบ้าข่าว” ความบ้าข่าวของคุณสุทธิชัยทำให้คุณสุทธิชัยตื่นเต้นกับเทคโนโลยี่ใหม่ๆที่ทำให้สามารถศึกษาและถ่ายทอดข่าวออกไปได้มีประสิทธิภาพ คุณสุทธิชัยเลยมีความกระหายที่จะเรียนรู้ มีความมันส์ในการทำงานจากเทคโนโลยี และสนุกกับประเด็นข่าวและการพูดคุยสนทนากับแหล่งข่าวใหม่ๆหลากเจอเนอเรชั่น แบบทำได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แถมกลายเป็นยาชูกำลังเอาด้วยซ้ำ
นอกจากนั้นความมีวินัยในการออกกำลัง ตื่นเช้ามาก็ชู้ตบาส ดื่มน้ำเยอะๆ กินอาหารมังสวิรัติมาหลายสิบปี มีวินัยในการกินน้อยตอนเย็น ก็ทำให้คุณสุทธิชัยมีร่างกายที่แข็งแรงมาก สติปัญญาและสมองยังแจ่มใสกว่าผมในวัยห้าสิบเลยด้วย
เรื่องราวของคุณสุทธิชัยเป็นตัวอย่างของความมีฉันทะในงานที่ทำ มี Purpose ที่ชัดเจน ทำให้คุณสุทธิชัยยังโลดแล่น สนุก และมีความสุขกับงานที่ทำในวัยเจ็ดสิบสี่ปีนี้เหมือนคุณสุทธิชัยในวัยหนุ่มเลยทีเดียว
สันติ วิริยะรังสฤษฏ์
พี่แก้ว สันติ หรือหลายคนรู้จักในนามลมเปลี่ยนทิศ หรือไต้ฝุ่นแห่งไทยรัฐ เขียนบทความอาทิตย์ละเจ็ดวัน (เพิ่งมาเหลือหกวันเมื่อไม่นานมานี้) ตั้งแต่ปี 2516 หรือสี่สิบแปดปีต่อเนื่องกันโดยไม่มีวันหยุด บางช่วงเขียนอาทิตย์ละเก้าชิ้นก็มี ปัจจุบันพี่แก้วอายุ 76 ปี ก็ยังเขียนบทความที่คมคาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา เรื่องประเทศไทย เรื่องเทคโนโลยี ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง เป็นงานเขียนที่ทำนอกเหนือจากงานของบริษัทที่พี่แก้วเป็นเจ้าของอีกด้วย
พี่แก้วเล่าว่า มีความรู้สึกว่าการเขียนคือหน้าที่ ไปไหนก็จะห่วงว่าจะต้องเขียนต้นฉบับให้เสร็จทันหกโมงเย็นเพราะหนังสือพิมพ์จะต้องปิดงานไม่งั้นก็จะพิมพ์ไม่ได้ ไปเล่นกอล์ฟก็ต้องรีบกลับมาเขียน ไม่อยากเขียนก็ต้องเขียนเพราะต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบนี้มาเกือบห้าสิบปีทุกวัน ทางหนังสือพิมพ์ก็ต่ออายุกันมาเรื่อยๆ จากหน้าที่กลายเป็นวินัย จากวินัยกลายเป็นนิสัย
พี่แก้วบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรว่าเขียนแล้วดีหรือไม่ดีต่อตัวเองยังไงแต่เมื่อไม่น่ามานี้พออายุใกล้เจ็ดสิบเริ่มรู้สึกว่าหน้าที่ที่ต้องเขียนทุกวันนี้ก็ดีมากสำหรับคนวัยนี้เพราะทำให้ยังกระตือรือร้น ติดตามข่าวทั่วโลก ยังสนุกกับการพูดคุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูง รับฟังปัญหาในธุรกิจ ในอาชีพต่างๆ และพอได้ฟังปัญหาก็อยากจะเอามาปล่อย มาเล่า ได้ทำประโยชน์ถ้ามีใครอ่านแล้วเอาไปแก้ไข หรือเกิดการถกเถียงมากขึ้นในวงกว้าง
1
พี่แก้ววิเคราะห์ว่าการที่มีหน้าที่ที่ต้องเขียนนั้นทำให้ต้องค้นคว้าหาข้อมูล หาประเด็นตลอดเวลา ต้องต่อยอดให้เกิดความคิดต่อ ไม่ใช่แค่เอา Fact มาเขียนเฉยๆ ทำให้กลายเป็นนิสัยที่มองอะไรต้องคิดถึงภาพรวม และพอข้อมูลครบถ้วนการเขียนก็จะไหลลื่น พี่แก้วบอกว่าในหัวมีประเด็นที่อยากเขียนเยอะมากจนเลือกแทบไม่ถูกตลอดเวลา
2
ผมฟังไปก็แอบอิจฉาพี่แก้วในฐานะนักเขียนมือสมัครเล่นที่พยายามเขียนติดกันมาสี่เดือนครึ่งก็คิดว่าตัวเองเจ๋งแล้วแต่พี่แก้วเขียนมาสี่สิบแปดปีติดกัน..
ผมคิดว่าพี่แก้วเป็นตัวอย่างของความมีอิคิไก มีชีวิตที่มีความหมาย ตื่นมาก็รู้เลยว่ามีหน้าที่ที่ต้องเขียน หน้าที่พื้นฐานคือถ้าไม่เขียนหนังสือพิมพ์ก็จะปิดต้นฉบับไม่ได้ แต่หน้าที่แฝงก็คือเพื่อจุดประกายความคิด
1
หาทางแก้ไขในประเด็นของบ้านเมือง ทำเป็นหน้าที่ทุกวันจึงไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องเกษียณตัวเองแต่อย่างใด พี่แก้วจึงดูหนุ่มมากในสายตาผมในวัยเจ็ดสิบกว่า
แน่นอนว่าพี่แก้วก็ดูแลสุขภาพตัวเองดีมากโดยมีเคล็ดลับคือการควบคุมเอวไม่ให้เกินสามสิบสองนิ้ว ถ้าเกินเมื่อไหร่ก็จะลดอาหารจนเข้าสภาวะปกติ ในอาชีพการเขียนที่ต้องค้นคว้าก็ทำให้พี่แก้วได้อ่าน ได้พูดคุยกับแพทย์จนระยะหลังมาปรับชีวิตให้เป็น Preventive Medicine มากขึ้นคือการให้ความสำคัญกับการออกกำลัง อาหารการกิน และวิตามินที่ขาดจนทำให้แข็งแรงทั้งกายและสติปัญญาที่ยังเฉียบแหลม ทันโลกในวัยเจ็ดสิบสี่นี้
1
หม่าม้า
คนสุดท้ายคือแม่หรือหม่าม้าของผมเองในวัยเจ็ดสิบสี่ปี หม่าม้าเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมากๆ ออกกำลังกับป๊าทุกวัน แต่ที่ผมคิดว่าเป็นเคล็ดลับของม้าที่ทำให้เป็นสาวตลอดกาลจนคนคิดว่าเป็นพี่สาวผมก็คือการที่พยายามทำตัวมีประโยชน์ตลอดเวลา ตอนหกสิบก็ทำกิจกรรมแบบไม่ยอมเกษียณ
เคยเป็นนายกสโมสรไลอ้อนส์ที่โคราช และตอนนี้ก็ยุ่งกับงานที่เป็นผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัวที่ทำมาสิบกว่าปีแล้ว ซึ่งเล่ายังไงก็คงนึกไม่ออกนอกจากคนที่เคยเห็นรูปหม่าม้าก็จะร้องว้าวทุกคน
สี่ idol ของผมจะว่าไปก็มีอะไรเหมือนกันไม่น้อยในความต่างของเส้นทางของแต่ละคน ที่เหมือนกันแน่ๆคือการมีวินัย โดยเฉพาะการมีวินัยในการดูแลตัวเอง ออกกำลังสม่ำเสมอและกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งทุกคนลงทุนทำทุกวันและทำมานานเป็นสิบๆปี
1
ดอกผลจึงมางอกเงยในวัยเจ็ดสิบกว่านี้เมื่อเทียบกับคนอื่นในรุ่นเดียวกัน นอกจากนั้นคำว่า “เกษียณ” ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของท่านเหล่านี้ด้วยการทำตัวมีประโยชน์ มีอิคิไก และมี Purpose ในชีวิต สนุกกับการตื่นมาทุกเช้าอย่างมีความหมาย
1
ซึ่งน่าจะเป็นเคล็ดลับของ Fountain of Youth ของเจ็ดสิบยังแจ๋วที่เป็นไอดอลผมทั้งสี่ท่านในวันนี้ครับ
โฆษณา