8 มี.ค. 2023 เวลา 11:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมหุ้น Constellation Software ถึงขึ้นมาได้ 130 เท่าในช่วงเวลา 16 ปี?

Software is Eating the World…
ประโยคคลาสสิคที่นาย Marc Andreessen ได้เคยกล่าวไว้เมื่อปี 2011 ว่าซอฟต์แวร์จะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของพวกเราและจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในอนาคต
ธุรกิจของ Constellation Software ถูกก่อตั้งในปี 2006 โดยนาย Mark Leonard ที่เคยทำงานในวงการ Venture Capital มาก่อน
Mark ได้อาศัยความเชี่ยวชาญด้านการจัดสรรเงินลงทุนมาใช้กับธุรกิจโดยการเน้นซื้อบริษัทที่ทำซอฟต์แวร์เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม เช่น การเงิน เกษตร โรงงาน พลังงาน การศึกษา ค้าปลีก การแพทย์ ก่อสร้าง และอื่นๆ ทั้งหมดเรียกว่า Vertical Market Software ซึ่งแตกต่างจากไมโครซอฟท์ออฟฟิสที่เน้นให้บริการตลาด Horizontal Market Software หรือที่องค์กรในทุกอุตสาหกรรมใช้งานได้
กลยุทธ์ของบริษัทคือการเข้าซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ธุรกิจขนาดเล็กกว่า $5 ล้าน ที่เน้นว่าต้องเป็นธุรกิจขนาดเล็กเพื่อจะหลีกเลี่ยงการแข่งขันจากพวก Venture Capital ที่มองว่าบริษัทยังเล็กเกินไปและขนาดตลาดไม่ใหญ่เพียงพอ
ทาง Constellation เน้นถือหุ้นระยะยาว บริษัทได้ซื้อธุรกิจมามากกว่า 500 บริษัทแล้วตั้งแต่ก่อตั้งมา พอบริษัทเริ่มใหญ่ มีเงินทุนมากขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาเลยเริ่มซื้อธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยในเดือนมีนาคมปี 2022 บริษัทได้ซื้อธุรกิจซอฟต์แวร์โรงพยาบาลที่ชื่อว่า Allscripts โดยมูลค่ากว่า $700 ล้าน
ผมได้เข้าไปค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตเพราะอยากรู้ว่าทำไมบริษัทถึงประสบความสำเร็จหุ้นขึ้นมาได้ 130 เด้งภายในช่วงระยะเวลาน้อยกว่า 20 ปี ผมรวบรวมข้อสรุปไว้ดังนี้
1. โมเดลธุรกิจที่ขายซอฟต์แวร์มีกำไรสุทธิสูง ทั้งยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้ผู้บริหารยังมีแนวคิดอย่างแรงกล้าด้วยการนำกระแสเงินสดที่มีอยู่เข้าไปซื้อกิจการซอฟต์แวร์ขนาดเล็กเพื่อสร้างผลตอบแทนแบบทบต้นให้กับบริษัท เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดเล็กเหล่านี้มีกระแสเงินสดอิสระอยู่แล้ว เมื่อทาง Constellation ซื้อเข้ามาจึงเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้ทันที
เหมือนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เน้นย้ำเสมอว่าพวกเราจะต้องหาผู้บริหารที่นอกจากเก่ง มีความซื่อสัตย์ แล้วต้องเป็นคนที่สามารถนำเงินไปต่อยอดเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยอดเยี่ยม
2. นักลงทุนหลายๆคนที่ลงทุนในหุ้นอเมริกามานาน น่าจะพอทราบว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่นั่น เน้นให้หุ้นกับพนักงานที่เรียกว่า Stock-Based Compensation (SBC) เพื่อให้พนักงานทำงานด้วยแนวคิดการเป็นเจ้าของ การมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของยิ่งราคาหุ้นปรับตัวมากขึ้นเท่าไหร่พนักงานก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม SBC ถูกนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่กระทบต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากทุกครั้งที่แจกหุ้นให้กับพนักงาน จำนวนหุ้นในตลาดจะมากขึ้น ลดความเป็นเจ้าของของผู้ถือหุ้นเดิมลงไป
แต่ทาง Constellation ทำกลับกันกับการแจกหุ้นทั่วไปคือไม่ได้ให้หุ้นพนักงานด้วยการออกหุ้นใหม่แต่บริษัทซื้อหุ้นในตลาดฯมาให้พนักงานในรูปแบบโบนัส โดยกำหนดไม่ให้พนักงานขายหุ้นได้ภายในสี่ปีเพื่อต้องการให้มีมุมมองเป็นเจ้าของในระยะยาว
ข้อดีของการทำแบบนี้คือไม่ได้เป็นการกระทบผู้ถือหุ้นเดิมเพราะหุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่เป็นการซื้อหุ้นคืน แทนที่จะมาเก็บไว้ในบริษัท ก็ให้พนักงานไปเป็นลักษณะของโบนัส ข้อดีก็คือทำให้พนักงานมีแรงกระตุ้นในการสร้างธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นรวมทั้งไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิมอีกด้วย
3. Constellation สามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้มากกว่า $1,000 ล้านในปี 2021 โดยแทนที่จะเอาเงินสดนั้นแช่ไว้เฉยๆในบัญชีงบดุลหรือฝากธนาคารที่ได้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน ผู้บริหารพยายามมองหาโอกาสในการใช้เงินซื้อธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ โดยเล็งไปที่ธุรกิจที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่าให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามถ้าบริษัทมองไม่เห็นโอกาสก็ยังเลือกทางที่จะปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเฉพาะกาลในบางครั้งด้วย
4. ข้อสุดท้าย ตรงกับที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้บอกย้ำเสมอกับนักลงทุนทั่วโลกว่าการซื้อหุ้นคืนของบริษัทเป็นสิ่งที่ดีเขาเห็นด้วย เพราะช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องเสียภาษีทันทีเหมือนการได้รับเงินปันผลที่ต้องจ่ายภาษีทันที อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นคืนของบริษัทที่ซื้อในราคาที่สูงเกินไปกว่ามูลค่าที่เหมาะสมจะเป็นการทำร้ายผู้ถือหุ้นของบริษัท
ในทางตรงกันข้ามถ้าบริษัทสามารถใช้เงินซื้อหุ้นคืนได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมมากๆ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยอดเยี่ยม
จากกรณีศึกษาของบริษัท Constellation ผมสรุปได้ว่าการที่เราเลือกบริษัทลงทุนต้องให้น้ำหนักกับโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้จำนวนมาก นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือการที่มีผู้บริหารที่สามารถนำเงินของเราไปต่อยอดได้ดี ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างมั่นคงในอนาคตระยะยาว
ผมเคยมีประสบการณ์ในหุ้นไทย ตอนนั้นลงทุนในธุรกิจร้านอาหารที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเข้าตลาดมาแล้วมีเงินจำนวนมากเหลืออยู่แต่บริษัทจะนำเงินไปฝากในธนาคารได้ดอกเบี้ย 2-3% เท่านั้น ทั้งที่โอกาสการที่เข้าซื้อธุรกิจและต่อยอดไปน่าจะมีผลดีกับนักลงทุนได้มากกว่า แต่บริษัทกลับเลือกที่จะไม่เสี่ยง จึงทำให้ธุรกิจไม่โตอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้ครับ #130เด้ง
บทความนี้สนับสนุนโดย Phillip Global Markets ของหลักทรัพย์ฟิลลิป ซึ่งมีประสบการณ์ให้บริการลงทุนหุ้นและฟิวเจอร์สตลาดต่างประเทศกว่า 15 ปี มีจุดเด่นคือบริการ support 24 ช.ม. โดยเจ้าหน้าที่คนไทย �โทร. 02-635-3055 Line: @phillipglobal (คลิก: https://lin.ee/q0bIxVg ) �หรือ https://www.phillip.co.th/th/global/stocks
โฆษณา