10 มิ.ย. 2023 เวลา 18:41 • ข่าวรอบโลก

เมื่อสหรัฐอเมริกาถูกทิ้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและชาติอำนาจนำในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอาระเบีย เริ่มส่อรอยร้าวตั้งแต่ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯต้นปี 2021 อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯที่กล่าวหามกุฏราชกุมาร MBS ของซาอุดิอาระเบียว่า "มือเปื้อนเลือด" จากกรณีสังหารนักข่าวที่ตุรกี
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและซาอุดิอาระเบียเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค
ในระดับโลก อิทธิพลของสหรัฐลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการขึ้นมาท้าทายอำนาจของจีนและรัสเซีย ในหลากหลายภูมิภาคทั้งเอเชียแปซิฟิค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมไปถึงอเมริกาใต้ โจทย์ของสหรัฐฯที่ต้องการรักษาสถานะอภิมหาอำนาจตั้งแต่หมดยุคสงครามเย็น ดูเหมือนจะแก้ไม่ตก ระเบียบโลกทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจก็ถูกท้าทายโดยกลุ่มขั้วมหาอำนาจ จีนและรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นการเฉิดฉายของกลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ BRICS และเส้นทางสายไหม BRI ของจีน
สงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นอีกจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าสหรัฐฯ ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาชนะรัสเซียในสงครามนี้ให้ได้ แต่ก็ยังทำไม่ได้ เมื่อสหรัฐฯ จำเป็นต้องมุ่งเป้าไปรักษาผลประโยชน์ในยุโรปและเอเชียแปซิฟิค ได้เปิดโอกาสให้มหาอำนาจได้แก่จีนและรัสเซีย เข้ามามีบทบาทอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ภาพการจับมือกันของคู่อริอย่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านเมื่อเดือนเมษายน โดยมีจีนเป็นเจ้าภาพในการเจรจานั้นเปรียบเสมือนสายฟ้าที่ฟาดเข้ากลางหัวใจของสหรัฐฯ และการคืนสมาชิกภาพชาติสันนิบาตอาหรับให้แก่ซีเรียในเดือนพฤษภาคม เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ยุคสมัยของสหรัฐฯในฐานะเจ้าโลก และเป็นผู้จัดระเบียบในภูมิภาคตะวันออกกลางได้จบสิ้นลงแล้ว
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเป็นต้นมายุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯใช้ในการรักษาผลประโยชน์ในภูมิภาคนี้คือการทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคแห่งความขัดแย้ง ที่สหรัฐฯจะแสวงหาผลประโยชน์จากการขายอาวุธ การควบคุมแหล่งน้ำมัน และการใช้อิทธิพลทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อสร้างสันติภาพ แต่เพื่อรักษาความขัดแย้งให้ดำรงอยู่ต่อไป
ยุทธศาสตร์สหรัฐฯสอดคล้องกับอิสราเอล ชาติผู้เป็นพันธมิตรที่ไม่อาจกลายเป็นอื่นของสหรัฐฯ อิสราเอลดำรงอยู่ท่ามกลางชาติอาหรับด้วยหลักนโยบายต่างประเทศที่ว่า ต้องเปลี่ยนชาติเพื่อนบ้านให้กลายเป็นมิตร และ ความมั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลางคือความไม่มั่นคงปลอดภัยของอิสราเอล ในทางกลับกัน ความไม่มั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลางคือความมั่นคงของอิสราเอล ดังนั้นสิ่งที่อิสราเอลกลัวที่สุดและต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นก็คือ ความเป็นเอกภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกกลางที่ผ่านมาเห็นได้ชัดจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ทั้งสองประเทศนี้มีความสัมพันธ์ที่ผกผันมาตลอดระยะเวลาสี่ทศวรรษ ร่วมมือเมื่อมีศัตรูร่วมกัน และเป็นศัตรูกันในยามที่มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญภายในประเทศและภูมิภาค ความสัมพันธ์อันเลวร้ายระหว่างสองประเทศในรอบล่าสุดนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่เหตุการณ์อาหรับสปริงปลายปี 2010 เมื่อเกิดสุญญากาศทางการเมืองจากภาวะการปฏิวัติที่มีทั้งสำเร็จและล้มเหลวในโลกอาหรับ
ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านต่างเร่งเข้าช่วงชิงอิทธิพลในหลายพื้นที่ อันเกิดภาวะสงครามตัวแทนในหลายสมรภูมิเช่นในซีเรีย เยเมน และอิรัก ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งกลายมาเป็นประเทศอำนาจนำในภูมิภาคได้ทุ่มสรรพกำลังในการเอาชนะคัดคานกันทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง คำถามก็คือใครได้ประโยชน์จากความขัดแย้งที่ไม่สามารถเอาชนะกันได้นี้ คำตอบก็คือสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล แล้วใครเล่าที่เสียประโยชน์จากความขัดแย้งนี้ ถ้าไม่ใช่ชาติในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ประเทศอำนาจนำในภูมิภาค (regional powers) กำลังแสวงหาประโยชน์จากการเกิดขึ้นของระบบระหว่างประเทศหลายขั้วอำนาจ (multipolarity) ที่ไม่มีประเทศมหาอำนาจใดมีอำนาจล้นฟ้าอีกต่อไป ได้เพิ่มอำนาจต่อรองให้กับชาติอำนาจนำในภูมิภาค ให้มีอิสระในการดำเนินนโยบายมากขึ้น การแสวงหาประโยชน์จากระบบหลายขั้วอำนาจนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเกิดความร่วมมือกันระหว่างชาติอำนาจนำในภูมิภาค
สภาวะความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระดับโลกและภูมิภาคตะวันออกลางนี้ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงอย่างมากต่อทั้งสหรัฐฯและอิสราเอล ดังนั้นทางรอดเดียวของสหรัฐฯและอิสราเอลก็คือ การสร้างความแตกร้าว ขัดแย้ง ให้แก่ประเทศในภูมิภาค ไม่ให้สามารถรวมตัวกันได้
ไม่สำคัญว่าสหรัฐฯและอิสราเอลจะทำอย่างไร แต่สำคัญว่า ชาติในภูมิภาคตะวันออกกลางจะรู้ทันชาติมหาอำนาจหรือไม่ ที่จริงแล้วพวกเขาอาจรู้ทันมาตลอด แต่ที่ผ่านมาไม่มีอำนาจพอที่จะไปคัดง้างชาติมหาอำนาจได้
ณ วันนี้ ชาติในภูมิภาคตะวันออกลางรู้แล้วว่า การร่วมมือกันภายในระบบโลกแบบหลายขั้วนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด แม้การร่วมมือกันหรืออย่างน้อยควบคุมความขัดแย้งไม่ให้บานปลายนั้นทำ 'ไม่ง่าย' ในภูมิภาคนี้ แต่เป็นทางออกเดียวที่จะสลัดอิทธิพลของสหรัฐฯ ไม่ให้ต้องตกเป็นทาสของสหรัฐฯอีกต่อไป
โฆษณา