16 มี.ค. เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์

เส้นทาง ‘สวีเดน’ กับการยุติความเป็นกลางทางการเมืองโลกที่มีมากว่า 200 ปี

เมื่อสองปีที่ผ่านมา นอกจากโลกต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดยังต้องเผชิญกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างหลายประเทศ โดยเฉพาะรัสเซีย-ยูเครน ที่ไม่มีท่าทีจะจบลง ทำให้เราเห็นภาพการสร้างพันธมิตรเป็นปึกแผ่นเพื่อสนับสนุนแต่ละฝ่ายอีกครั้ง
และเมื่อปี 2022 สวีเดนได้ร้องขอเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ซึ่งได้รับการรับรองจาก 28 ประเทศเหลือเพียง 2 ประเทศคือตุรกีและฮังการีที่ไม่ให้การรับรองสวีเดน แต่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตุรกีได้ให้การรับรองสวีเดนและกลายเป็นสมาชิกของ NATO อย่างเป็นทางการ
การเข้าร่วมของสวีเดนในครั้งนี้เป็นที่จับตามองอย่างมากเพราะเป็นการยุติบทบาทความเป็นกลางทางการเมืองโลกของสวีเดนคงไว้มาเป็นเวลากว่า 200 ปี แต่หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์พบว่าสวีเดนก็มีความเอนเอียงและไม่ได้ดำรงความเป็นกลางไว้อย่างที่เราเข้าใจกัน
และความน่าสนใจของสวีเดนจึงเป็นที่มาของบทความในวันนี้
ประวัติศาสตร์ความเป็นกลางในการเมืองโลกของสวีเดนถือกำเนิดขึ้นในปี 1812 ผ่านนโยบายชื่อว่า ‘The Policy of 1812’ โดย Jean Baptiste Bernadotte หรือ Karl Johan โดยเบอร์นาดอตต์คนนี้ก็คือทหารคนสำคัญของนโปเลียที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองแห่งสวีเดนแทนที่กษัตริย์กุสตาฟที่ 4 แห่งสวีเดนคนก่อนนี่เอง
3
ขณะนั้น ฝรั่งเศสทำสงครามกับรัสเซียอย่างหนักหน่วง โดยก่อนที่จะบุกรัสเซียในเดือนมกราคมปี 1812 ฝรั่งเศสได้เข้ามายึดพื้นที่ของสวีเดนบริเวณเยอรมันนีตอนเหนือและพื้นที่ Pomerenia ของสวีเดน โดยสาเหตุการบุกสวีเดนนั้นเป็นเพราะนโปเลียนไม่ไว้ใจเบอร์นาดอตต์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การรุกรานของฝรั่งเศสในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจแก่สวีเดนอย่างมาก สาธารณชนหลายกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศส ขณะเดียวกันก็เกิดการปฏิปักษ์ต่อสวีเดนในกลุ่มนิยมฝรั่งเศส ทำให้เบอร์นาดอตต์ต้องแก้ไขปัญหาความขัดแย้งวุ่นวายจึงทำมีการลงนามในสนธิสัญญาพร้อมประกาศให้สวีเดนเป็นกลางทางการเมือง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สวีเดนจึงไม่มีบทบาททางการทหารร่วมในสงครามอีกเลย เว้นแต่เพื่อการรักษาสันติภาพ
4
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาประวัติศาสตร์พบว่าความเป็นกลางทางการเมืองของสวีเดนนั้นไม่อาจกล่าวได้เต็มปาก เพราะสวีเดนก็มีความเอนเอียงในบทบาทการเมืองโลกมาทุกยุคสมัย เว้นแต่จะแสดงออกมากหรือน้อย
หากย้อนกลับไปในช่วงสงครามไครเมีย เมื่อฝรั่งเศสและอังกฤษกำลังต่อสู้กับรัสเซียในทะเลอ่าวบอลติก สวีเดนมีความพยายามในการส่งกองทัพไปช่วยเหลือฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่สงครามไครเมียสิ้นสุดลงเสียก่อน ทำให้ความพยายามของสวีเดนที่จะส่งกองทัพไปช่วยเหลือไม่สำเร็จ
และในช่วงสงครามฝรั่งเศส-เยอรมัน (Franco-Prussian War) ปี 1870-1871 กษัตริย์สวีเดนมีความพยายามส่งกองทัพสวีเดนไปสนับสนุนฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน หากแต่ถูกต่อต้านโดยรัฐสภาของสวีเดน ความพยายามจึงล้มเหลวเป็นครั้งที่ 2
2
และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บทบาทความเป็นกลางทางการเมืองของสวีเดนยังมีข้อกังขา ในขณะที่อังกฤษกำลังปิดล้อมนาซีเยอรมันซึ่งกำลังแพร่ขยายอิทธิพลความน่าหวาดหวั่นไปทั่วโลก แต่สวีเดนยังคงทำการค้าโดยส่งออกแร่เหล็กอันเป็นแร่สำคัญในการผลิตอาวุธสงครามของนาซีเยอรมันตลอดช่วงเวลาสงคราม ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อังกฤษและพันธมิตรปฏิบัติการ Wilfred
และถึงแม้อังกฤษจะทำการปิดล้อมท่าเรือ แต่สวีเดนก็ยังคงจัดหาแร่เล็กและชิ้นส่วนเครื่องจักรให้กับนาซีเยอรมัน รวมถึงจัดหากองกำลังเสริมติดอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหารโดยส่งผ่านเส้นทางจากสวีเดนไปยังนอร์เวย์และไปทางตะวันออกของฟินแลนด์
3
ปัจจุบัน สวีเดนได้เข้าเป็นสมาชิก NATO อย่างเป็นทางการด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สวีเดนอยู่ตรงข้ามดินแดนของรัสเซียในทะเลบอลติก เป็นการเปลี่ยนใจครั้งใหญ่หลังจากวงตนไม่เข้าร่วมกับนาโตมากกว่า 70 ปี เพราะท่าทีของรัสเซียที่รุกรานยูเครน ทำให้สวีเดนต้องหาพันธมิตรเพิ่มความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์
1
จึงกล่าวได้ว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องของความเป็นกลางหากแต่การเลือกแบบไหนเป็นรักษาผลประโยชนสูงสุดของประเทศชาติเอาไว้เสียต่างหาก
1
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
References:
โฆษณา