The Jesus Phone กับการชำระบาปธุรกิจโทรศัพท์มือถือตามแบบฉบับ Silicon Valley
Steve Jobs เดินขึ้นไปบนเวทีของศูนย์การประชุมในซานฟรานซิสโกเพื่อประกาศการปฏิวัติที่คู่แข่งทั้งหลายของพวกเขาจะต้องเสียใจเมื่อประเมินผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ต่ำเกินไป
ในเช้าวันที่ 9 มกราคม 2007 Steve Jobs สวมเสื้อคอเต่าอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมด้วยกางเกงยีนส์สีซีด โดยประกาศกร้าวอย่างยิ่งใหญ่ว่า
เมื่อจบการนำเสนอ เขาก็เชิญแขกรับเชิญคนสำคัญขึ้นบนเวที ทั้งห้องเงียบลงเมื่อ Stanley Sigman ซึ่งเป็น CEO ของ Cingular Wireless โผล่ออกมา เพราะเป็นบุคคลที่น้อยคนจะจินตนาการถึง ที่จะมาขึ้นเวทีพร้อมกับ Steve Jobs เพราะเคยถูก Jobs วิจารณ์อย่างหนักมาหลายปีในเรื่องอำนาจล้นฟ้าของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเหล่านี้
Stanley Sigman CEO ของ Cingular Wireless ออกมาเซอร์ไพรส์แฟน ๆ Apple (CR:Chron)
Jobs ต่อต้านการเข้าสู่ธุรกิจโทรศัพท์เป็นเวลาหลายปีเนื่องจากการควบคุมที่เข้มงวดของผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายรายใหญ่ที่มีแนวคิดแบบโบราณในเรื่องอินเทอร์เน็ตบนมือถือ
สองปีก่อนหน้าการเปิดตัวของ iPhone Sigman กล่าวว่า Cingular ได้ลงนามในสัญญาเพื่อขายโทรศัพท์ Apple แบบโครต Exclusive ที่ไม่เคยปรากฎที่ไหนมาก่อนบนโลก
มันเป็นดีลที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือไม่เคยทำกับบริษัทมือถือรายใดมาก่อนในโลกนี้แม้กระทั่งผู้นำตลาดในขณะนั้นอย่าง Nokia ก็ตามที
Apple ได้รับสัญญาที่สุดแสนพิเศษ เพราะสามารถใช้งานแบนด์วิธได้ไม่จำกัดสำหรับการใช้บริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์ที่เรียกได้ว่าสูบกินแบนด์วิธอย่างหนัก
มันคือรูปแบบการ disrupted สไตล์ Silicon Valley ซึ่ง Apple ตั้งเป้าที่จะชนะโดยไม่สนใจกฎที่กำหนดไว้
Jobs ประกาศว่าจากนี้ไป Apple Computer Inc. จะถูกเปลี่ยนเป็น Apple Inc. เขาแสดงผ่าน presentation ให้เห็นว่า ในปี 2006 มีการขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเกือบ 200 ล้านเครื่องทั่วโลก แต่โทรศัพท์มือถือนั้นมียอดขายกว่าหนึ่งพันล้านเครื่องทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกัน
Silicon Valley ไม่สามารถเพิกเฉยต่อตลาดสมาร์ทโฟนที่ Blackberrry สร้างขึ้นได้แบบห่วย ๆ อีกต่อไป
1
Jobs คาดว่าจะสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์โดยการขาย iPhone 10 ล้านเครื่องในปีถัดไป Apple กำลังเปลี่ยนรากเหง้าของคอมพิวเตอร์เพื่อคว้าส่วนแบ่งในตลาดเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
2
ฟากฝั่งของ Blackberry เอง Mike Lazaridis ผู้ร่วมก่อตั้ง RIM กำลังอยู่บนลู่วิ่งเมื่อเขาเห็นรายงานข่าวทางทีวีเกี่ยวกับข่าวของ iPhone
เขาแทบจะถีบตัวเองออกจากลู่วิ่งทันทีเมื่อเห็นข่าวดังกล่าว ยิ่งเห็นภาพ Steve Jobs โชว์ผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone ดาวน์โหลดเพลง วีดีโอ และแผนที่จากอินเทอร์เน็ตไปยังโทรศัพท์มือถือ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนบนโลกนี้
“พวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร” Lazaridis สงสัย
Mike Lazaridis ผู้ร่วมก่อตั้ง RIM รู้สึกช็อคทันทีกับการเปิดตัว iPhone (CR:CNBC)
ความอยากรู้อยากเห็นของเขากลายเป็นความคลั่ง เมื่อ Sigman ขึ้นไปบนเวทีเพื่อประกาศข้อตกลงของ Cingular ในการขายโทรศัพท์ของ Apple
ผู้บริหารจาก RIM ไม่ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เป็นเวลาหลายเดือน เพียงแค่พูดผ่านสื่อออกมาว่า “มันไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจหลักของ RIM”
ภายในปี 2007 RIM มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านรายต่อไตรมาส หุ้นของบริษัทก็กำลังพุ่งขึ้นแบบกระฉูด ใครก็ตามที่ซื้อหุ้นของบริษัทเมื่อต้นปี 1999 ในราคา 13 ดอลลาร์และถือไว้จะได้รับผลตอบแทนสูงถึงสี่สิบเท่าภายในแปดปี
Apple เล่นกระแสต่อด้วยการเปิดตัวแคมเปญ PR ที่หวือหวาอย่าง “การสัมผัสคือความเชื่อ” ซึ่งเป็นสโลแกนของโฆษณาที่ลงในสื่อสิ่งพิมพ์และทีวีที่มีนิ้วยื่นออกมาจากความมืดเพื่อสัมผัสกับโทรศัพท์
นักข่าวต่างเล่นข่าวกันอย่างเมามันโดยเปรียบเทียบภาพดังกล่าวกับผลงานอย่าง “The Creation of Adam” ซึ่งเป็นภาพวาดพระเจ้าที่ยื่นแตะนิ้วของอดัมที่โบสถ์น้อยซิสทีนในนครรัฐวาติกัน ที่ถูกวาดโดยมีเกลันเจโล
1
ภาพ The Creation of Adam ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ (CR:Wikipedia)
ภายในวันนั้น บทความดังกล่าวได้ถูกกระจายไปยังสื่อดั้งเดิมและสื่อออนไลน์เพื่อขยายความต่อไปกว่า 11,000 บทความ และดึงดูดยอดคลิกผ่าน Google ถึง 69 ล้านครั้ง
ไม่มีใครเข้าใจความต้องการทางดิจิทัลของผู้บริโภคได้ดีไปกว่า Steve Jobs หกปีก่อนการเปิดตัว iPhone นั้น Apple ได้พลิกโฉมธุรกิจเพลงท่ามกลางความกังขาของวงการด้วยการทำให้เพลงแบบพกพากลายเป็นเรื่องง่าย
ในตอนแรกค่ายเพลงไม่ยอมให้สิทธิ์แก่ Apple ในการควบคุมการจัดจำหน่ายเพลงผ่านออนไลน์ แต่ในที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
และสุดท้ายมันก็พิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด Apple ได้เสนอทางรอดใหม่ให้กับวงการเพลงที่ใกล้จะล่มสลายเต็มที Jobs ได้กอบกู้ชีวิตศิลปินที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งเมื่อเข้าสู่ปี 2007 Apple ก็ได้คิดค้นอุตสาหกรรมมือถือใหม่ขึ้นมาทั้งหมด บริษัทได้โน้มน้าวให้หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกยอมรับแนวคิดที่ถูกต่อต้านมานานหลายปี นั่นคือโทรศัพท์ที่อนุญาติให้ผู้ใช้ท่องอินเทอร์เน็ตได้เหมือนเดสก์ท็อป PC
แปดปีหลังจากที่ RIM ล้มบัลลังก์ Motorola ด้วยบริการอีเมลบนมือถือที่สุดแสนวิเศษ iPhone ก็ลุกขึ้นมาท้าทาย Blackberry ในฐานะมาตรฐานใหม่ของการสื่อสารไร้สาย
สิ่งที่ RIM และบริษัทผู้ผลิตมือถืออื่น ๆ ไม่เข้าใจ เพราะพวกเขากำลังเจอของจริงที่เป็นคู่แข่งจาก Silicon Valley ที่มีความคิดแบบแหกกฎในทุกสิ่ง
Apple ได้เปลี่ยนแนวทางในการแข่งขันโดยเปลี่ยนรูปแบบการใช้สมาร์ทโฟนจากสิ่งที่ใช้งานได้มาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ชำระบาปให้กับวงการมือถือโลกที่ติดหล่มกับความคิดเดิม ๆ มานานแสนนานนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ Losing the Signal: The Untold Story Behind the Extraordinary Rise and Spectacular Fall of BlackBerry โดย Jacquie McNish