24 มี.ค. เวลา 02:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Zone of Interest (2023) - วิมานนาซี

กำกับโดย Jonathan Glazer
The Zone of Interest (2023) เป็นเรื่องที่ลังเลว่าจะดูหรือไม่ดูดี เหตุผลที่ไม่อยากดู เพราะรู้สึกว่า เราได้เห็นหนังเกี่ยวกับการฆ่าล้างชาวยิวมาหลายเรื่องแล้ว ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่สุดท้ายก็ไปดูอยู่ดีหลังจากที่หนังคว้าออสการ์ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม
(ตัวหนังยังได้ Grand Prix จาก Cannes Film Festival อีกด้วย)
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- The Zone of Interest น่าจะถือว่าเป็น "หนังเหล้าเก่าในขวดใหม่" ที่ทำได้ยอดเยี่ยม เหตุการณ์หลักในเรื่อง คือ เรื่องราว ๆ ที่เราเห็นกันมานับไม่ถ้วน ทั้งจากภาพยนตร์ ภาพถ่าย หรือจากหนังสือเรียนต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้มีดีไม่เหมือนเรื่องอื่น ตรงที่หนังสลับด้านการเล่าแทน จากปกติที่มักเล่าในมุมมองของ "เหยื่อชาวยิว" เป็นมุมของ "ฝั่งนาซีผู้ล่า" แทน นั่นคือ เล่ากิจวัตรประจำวันของผู้บัญชาการค่ายกักกันที่มีบ้านอยู่ติดกับค่ายโดยตรง
หนังพาเราไปสำรวจถึงสภาพแวดล้อมและบรรยากาศต่าง ๆ ภายในบ้านของผู้คุม ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ เช่น การใช้มุมกล้องแบบวงจรปิด เสียงประกอบ การเล่นแสงเงากับอาคาร ซึ่งช่วยให้โทนหนังที่แม้จะ Realistic แต่ก็มีกลิ่นอายของความสยองขวัญที่ผู้ชมรับดูได้ ราวกับเรากำลังมอง "ปีศาจ" หรือกลุ่มก้อน "ความชั่วร้าย" ที่ปราศจากความเป็นมนุษย์ใด ๆ
- ประเด็นสำคัญที่สุด คือ การฉายกระบวนทัศน์ของเหล่านาซีว่า "ในมุมมองของเขา เขามองชาวยิวเป็นอย่างไร" แน่นอนว่า สายตาที่มองมันไม่ใช่สายตาของคนที่มีมนุษยธรรมอยู่ในจิตใจ
ว่าไปแล้ว สายตาแบบนี้จริง ๆ ก็ไม่ได้มีเฉพาะนาซี แต่เกิดขึ้นหลายที่บนโลก โดยเฉพาะในสังคมที่มีการแบ่งฝ่ายหรือแตกแยกสูง มันง่ายที่เราจะมองอีกฝั่งหนึ่งต่ำกว่า หรือมองว่า เขาเหล่านั้นมีคุณค่าน้อยกว่าเรา
ไม่ว่าจะยุค 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ, มาจนถึงเสื้อเหลืองเสื้อแดง และตอนนี้เป็นเสื้อส้ม ไปจนถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบันอย่างรัสเซีย - ยูเครน, อิสราเอล - ปาเลสไตน์ เรายังคงสังเกตเห็นสายตาเหล่านี้เสมอ
ดังนั้นก็ถือว่าหนังเรื่องนี้มีอิมแพ็คและสะท้อนโลกมนุษย์ได้อย่างเฉียบคม แถมฉายในมุมมองที่ไม่ได้ซ้ำกับเรื่องอื่น ๆ
- ชอบนัยยะของเรื่องที่ใส่ "เด็กสาว" เข้ามา หนังใส่มาได้คมมาก
- มุมกล้อง เสียงประกอบ เกรดดิ้งสีโหดมากระดับห้าดาว หลายซีนแทบจะกลายเป็นหนังสยองขวัญแล้ว ขณะที่ความสนุกค่อนข้างน้อย ชนิดที่อีกนิดหนังก็เกือบจะเป็นสารคดี
ใครนึกภาพไม่ออก ก็อาจจะนึกภาพเรื่อง Son of Saul (2015) ก็ได้แต่ยังสนุกกว่าบ้าง
(นี่ยังเผลอหลับไปบางช่วง เคลิ้มไปหน่อย )
[ สรุป ]
แม้จะไม่ได้เป็น type หนังที่ชอบ แต่รู้สึกว่า นี่คือหนังดีควรดู ถือเป็นงานที่ใหม่ พร้อมด้วยสาระ message อันทรงพลัง
ส่วนตัวเชียร์ Perfect Days (2023) ให้ได้ออสการ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่เรื่องนี้ได้แทน ก็ถือว่าทดแทนได้อยู่ ยอดเยี่ยมกันทั้งคู่
ใครสนใจแนะนำเลย น่าจะใกล้ออกโรงแล้ว !
ป.ล. หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนซึมเศร้า น่าจะทำให้ดาวน์ง่ายมาก
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
IG: benjireview

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา