12 เม.ย. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศแทบไม่มีพื้นที่ทำเกษตร แต่เป็นผู้นำอาหารโลก

ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ยากต่อการขนส่งสินค้าต่าง ๆ โดยพื้นที่กว่า 64% เป็นภูเขา และเหลือพื้นที่ที่สามารถทำการเกษตรได้น้อยมาก
นี่เรากำลังพูดถึง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์..
1
แต่กลับกัน สวิตเซอร์แลนด์มีบริษัทอาหารชั้นนำของโลกอย่าง Nestlé ซึ่งเป็นบริษัทมูลค่ามากสุดของประเทศ และยังเป็นบริษัทอาหารที่มีมูลค่ามากสุดในโลกอีกด้วย
1
โดยปัจจุบัน Nestlé มีมูลค่าบริษัทราว 10 ล้านล้านบาท
แล้วทำไม ดินแดนภูเขาแห่งนี้ กลายมาเป็น ผู้นำด้านอาหารได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
เหตุผลแรกเลยคือ “เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปมานาน”
ด้วยความที่มีพื้นที่เพาะปลูกและการปศุสัตว์ค่อนข้างจำกัด
จึงบีบบังคับให้สวิตเซอร์แลนด์ ต้องเชี่ยวชาญการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากนมและชีส มาตั้งแต่อดีต
โดยสวิตเซอร์แลนด์ โฟกัสและเรียนรู้วิธีแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร มากกว่าการทำเกษตรให้ได้ปริมาณมาก ๆ แทน
และผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป เช่น นมและชีส ก็ได้กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกกว่า 84,500 ล้านบาทต่อปี
และความเชี่ยวชาญด้านการแปรรูปสินค้าเกษตรเหล่านี้ ก็กลายเป็นที่มาของบริษัท Nestlé ผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใหญ่สุดในโลกตอนนี้อีกด้วย
3
เพราะในตอนนั้น ผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Henri Nestlé เริ่มธุรกิจด้วยการผลิตอาหารสำหรับทารก ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยการผสมนมและธัญพืช
ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Anglo-Swiss Condensed Milk ที่ก่อตั้งโดยคุณ Charles และคุณ George Page ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจนมข้นหวานในสหรัฐฯ แต่มาตั้งโรงงานในสวิตเซอร์แลนด์ ก็เริ่มทำสินค้าแข่งกับ Nestlé
หลังจากที่ทั้งคู่แข่งกันไปมา จนกระทั่งเสียชีวิต กรรมการของทั้งสองบริษัท ก็ตัดสินใจควบรวมกิจการกัน
จนกลายมาเป็นบริษัท Nestlé อย่างทุกวันนี้
1
อย่างไรก็ตาม ความเชี่ยวชาญในการแปรรูปสินค้าเกษตรมานาน ไม่ได้หมายความว่า ประเทศนั้น ๆ จะเป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่มตลอดไป
1
แต่สวิตเซอร์แลนด์ สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
ก็เพราะว่า “สามารถเอาชนะข้อจำกัด ด้วยนวัตกรรม”
1
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย นั่นคือ โกโก้
ซึ่งในตอนนั้น โกโก้เป็นพืชต้นกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้
และนำเข้ามาในยุโรป โดยกองทัพเรือสเปน
ซึ่งแม้สเปนจะดัดแปลงโกโก้ ด้วยการใส่นมเข้าไป จนกลายเป็นช็อกโกแลต แต่สวิตเซอร์แลนด์ กลับเป็นผู้นำในการพัฒนาช็อกโกแลตอย่างต่อเนื่องแทน
 
ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า สวิตเซอร์แลนด์เชี่ยวชาญเรื่องผลิตภัณฑ์นมอยู่แล้ว ดังนั้นการต่อยอดและพัฒนาช็อกโกแลต จึงทำได้อย่างไม่ยาก
1
และในตอนนั้น อ้อยที่มีการปลูกในทวีปอเมริกาใต้
แล้วนำมาแปรรูปได้เป็นน้ำตาล ก็ถูกนำเข้ามาในยุโรป
โดยการผสมกับอาหารต่าง ๆ มากขึ้น
ซึ่งทำให้สวิตเซอร์แลนด์ แม้ไม่สามารถปลูกอ้อยหรือโกโก้ได้ แต่ด้วยนวัตกรรมที่มีอยู่ในมือ ก็สามารถนำวัตถุดิบขั้นต้นที่ว่า มาเพิ่มมูลค่า ผลิตเป็นอาหารและเครื่องดื่ม ส่งขายไปทั่วโลกได้
1
ส่วนเหตุผลสุดท้าย ที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่ม และยังคงเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่อง
2
นั่นคือ “ความเป็นกลาง”
3
รู้ไหมว่า สวิตเซอร์แลนด์ถูกกำหนดให้เป็นประเทศที่เป็นกลาง ภายหลังสงครามนโปเลียนสิ้นสุดลงในปี 1814 จนทำให้ประเทศนี้ รอดจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง
เรื่องนี้กลายเป็นผลดีต่อสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมีคนอพยพเข้ามาเป็นแรงงานจำนวนมาก จากการหนีสงครามและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุโรป
ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ ประกอบไปด้วยคนหลายเชื้อชาติ ทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ซึ่งคนกลุ่มนี้กลายมาเป็นแรงงานสำคัญ ในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปของประเทศ
นอกจากนี้ ความเป็นกลางยังทำให้ระบบการเงินสวิส มีความแข็งแกร่งขึ้น เพราะบรรดาเศรษฐีทั่วโลก มักใช้บริการดูแลทรัพย์สินของประเทศนี้
เมื่อระบบธนาคารแข็งแกร่ง ก็ส่งผลดีต่อธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์ ที่สามารถกู้ยืมเงินเพื่อขยายกิจการ หรือระดมทุนเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน
1
และความเป็นกลาง ยังทำให้ธุรกิจอาหารของสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวได้อย่างไม่สะดุด โดยที่โรงงานแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามเลยแม้แต้น้อย
3
แถมในช่วงสงคราม ยังสามารถขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Nestlé สามารถขายนมข้นหวานได้มหาศาล เพราะเป็นที่ต้องการในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
และเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต Nestlé เอาโรงงานของตัวเองไปตั้งที่สหรัฐฯ เพิ่มเติม ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้สวิตเซอร์แลนด์ แม้จะเป็นประเทศที่ส่วนใหญ่มีแต่ภูเขา แต่ก็กลายมาเป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกได้
1
ซึ่งเหตุผลที่สำคัญจริง ๆ นั่นคือ การมีนวัตกรรม ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรของตัวเอง แม้ตัวเองแทบจะไม่มีพื้นที่ปลูกวัตถุดิบที่จำเป็นในการผลิตเลย
หันกลับมามองประเทศไทย เรามีสินค้าเกษตรต่าง ๆ มากมาย แต่กลับขายสินค้าส่วนใหญ่ เป็นเพียงวัตถุดิบขั้นต้นเท่านั้น
คำตอบของเรื่องนี้ ก็คงหนีไม่พ้นนวัตกรรม
แบบสวิตเซอร์แลนด์ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของตัวเองได้
3
ก็ไม่แน่ว่า หากเราหันมาโฟกัสเรื่องนวัตกรรมอย่างจริงจัง
คนที่ได้ประโยชน์จริง ๆ นั่นคือ เกษตรกร ที่จะหลุดพ้นกับดักความยากจนได้สักที..
โฆษณา