19 เม.ย. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

ผลสำรวจ ชี้ “เทรนด์ทำงานไฮบริด” เติบโตทั่วอาเซียน ส่งผลให้ออฟฟิศปรับขนาดเล็กลง

ผลสำรวจ ชี้ “เทรนด์ทำงานไฮบริด” เติบโต ออฟฟิศปรับขนาดเล็กลง เน้นใช้อุปกรณ์สำนักงานขนาดกะทัดรัด รักษ์โลก และมีความยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ “เอปสัน สิงคโปร์” เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานยุคใหม่ และทิศทางการปรับตัวของออฟฟิศด้านการใช้อุปกรณ์สำนักงาน พบว่า เทรนด์การทำงานแบบ “ไฮบริด” หรือการทำงานในออฟฟิศสลับกับที่บ้าน (รวมถึง Co-working Space และคาเฟ่) กำลังเติบโตทั่วอาเซียน โดยการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เทรนด์นี้เกิดขึ้นมา
1
แม้ปัจจุบันสถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่หลายๆ บริษัทก็ยังคงใช้โซลูชันการทำงานแบบไฮบริดอยู่เหมือนเดิม โดยถือว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งให้แก่พนักงาน จึงพูดได้ว่าเทรนด์การทำงานแบบไฮบริด ไม่ใช่เพียงกระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เป็นรูปแบบการทำงานที่ยังคงอยู่และจะกลายเป็นส่วนสำคัญในไลฟสไตล์ของการทำงานในอนาคตต่อไปด้วย
จากผลสำรวจของเอปสันพบว่า เนื่องจากเทรนด์การทำงานไฮบริดขยายขอบเขตและเติบโตมากขึ้น องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงอยู่ในสถานการณ์ที่ออฟฟิศสำนักงานต่างๆ กำลังหดตัวลง (ขนาดออฟฟิศปรับเล็กลง) หลายๆ บริษัทมองหาโซลูชันในการปรับขนาดเครื่องมือและอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ให้มีขนาดเล็กลงตามไปด้วย แต่ยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อได้ทำการสำรวจในด้านการใช้อุปกรณ์สำนักงานอย่างเช่น เครื่องปริ๊นเตอร์ ของบริษัทต่างๆ ทั่วอาเซียน โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือพนักงานฝ่ายดูแลอุปกรณ์สำนักงานจำนวนกว่า 1,500 ราย พบว่า บริษัทส่วนใหญ่มองเห็นความสำคัญของเครื่องพิมพ์ขนาดกะทัดรัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดย 79% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายงานว่า ความกะทัดรัดเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาซื้อเครื่องปริ๊นเตอร์ให้สำนักงานในยุคนี้
นอกจากนี้ยังสำรวจพบว่า สำนักงานต่างๆ ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น มีความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตามแนวทางในการดูแลสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน และพยายามหาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนมาใช้ในสำนักงานมากขึ้นด้วย
จากการสำรวจพบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการจะเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์สำนักงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น เช่น เปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์มาเป็นแบบอิงค์เจ็ท เนื่องจากเป็นการพิมพ์โดยไม่ใช้ความร้อน จึงช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าด้วย
เจสเตอร์ ครุซ ผู้จัดการภูมิภาคอาวุโส สินค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจ เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หลังจากการระบาดใหญ่โควิด-19 “ชีวิตการทำงาน” ของพนักงานออฟฟิศทั่วโลกก็ถูกพลิกโฉมไปจากเดิม แม้แต่ตัวสำนักงานเองก็ก้าวข้ามรูปแบบเดิมๆ ไปเช่นกัน จากเดิมเป็นออฟฟิศเป็นออนไซต์ แต่ตอนนี้ก็เกิดเป็นออฟฟิศแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสำนักงานออนไซต์และออนไลน์ก็ยังสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยไม่มีข้อจำกัด ผ่านเทคโนโลยีด้านการประชุมทางไกล และแพลตฟอร์มการทำงานรูปแบบใหม่ๆ มากมาย
ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไร้ขอบเขตอย่างในปัจจุบันนี้ จะเห็นว่า “วัยทำงาน” สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทั้งทำงานจากที่บ้าน ที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ หรือแม้กระทั่งที่คาเฟ่ต่างๆ หรือทุกๆ แห่งที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็ทำงานได้ ดังนั้น เอปสันเองในฐานะที่เป็นองค์กรแห่งหนึ่ง ก็มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานให้สอดคล้องกับโลกยุคนี้ด้วยเช่นกัน
โดยทางบริษัทได้เปลี่ยนจากการทำงานในสำนักงานแบบดั้งเดิม มาเป็นการทำงานแบบผสมผสานด้วยไดนามิกที่เหมาะสม ไม่ได้จำกัดการทำงานอยู่ที่สำนักงานอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เปิดรับความยืดหยุ่นโดยให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือที่สำนักงานก็ได้
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเอปสันเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในสำนักงาน จึงยิ่งจำเป็นจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับเทรนด์การทำงานยุคนี้ โดยเฉพาะตอบโจทย์สำนักงานที่มีขนาดเล็กลงด้วย ล่าสุดจึงได้นำเสนอเครื่องปริ๊นเตอร์ขนาดกะทัดรัดออกสู่สายตาผู้บริโภค แต่ยังโดดเด่นด้านการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัด
นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นเครื่องพิมพ์แบบมัลติฟังก์ชัน จึงสามารถตอบสนองวิถีการทำงานแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยสามารถส่งไฟล์เอกสารดิจิทัลเข้าไปยังเครื่องได้โดยตรง หรือแม้แต่การสั่งพิมพ์ผ่านระบบคลาวน์ เป็นต้น ทั้งยังเป็นเครื่องปริ๊นเตอร์ที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนด้วย โดยผลิตภัณฑ์ของเอปสันได้รับ “การรับรองสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ยั่งยืน” จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ด้วย จึงทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม โลกการทำงานได้เปลี่ยนไปแล้ว เทรนด์การทำงานแบบไฮบริดและเรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญของการทำงานยุคนี้ และจะยังอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตข้างหน้า การปรับตัวจึงเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากใครสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีและเทรนด์ต่างๆ ได้ดีกว่า ก็ย่อมเอาชนะอุปสรรคและสามารถอยู่รอดในยุคนี้ได้
อ้างอิง: งานสัมมนาหัวข้อ “จุดเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่มาพร้อมความยั่งยืน”
โฆษณา