24 เม.ย. เวลา 07:04 • ไลฟ์สไตล์

คุณค่าคือความสุขพอเพียง

ร้านตีเหล็กชานเมือง อากงเจ้าของ
ร้านช่างตีเหล็กสูงวัยพอประมาณ
ผ่านยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอย่าง
รวดเร็วลูกค้าที่มาสั่งทำอุปกรณ์
อะไรเป็นพิเศษเหมือนสมัยก่อน
ก็แทบไม่มีร้านเลยกลายสภาพ
ไปขายพวกสินค้าสำเร็จรูปของ
ชำจำเป็นไป อากงมักนั่งอยู่ใน
ร้านตีเหล็ก
ร้านส่วนสินค้าก็วางเรียงรายอยู่
หน้าร้านไม่มีการเรียกลูกค้าไม่มี
ต่อรองราคาการค้าพอประคองตัว
รอดไปวันๆ มีกินมีใช้ไปเรื่อยๆไม่
ถึงกับขัดสน
คนในหมู่บ้านมักจะเห็นอากง
นั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่
ฟังวิทยุรับคลื่นรุ่นเก่า ข้างๆมี
โต๊ะเล็กๆวาง"กาน้ำชาดินม่วง"
อยู่ใบหนึ่งทุกวัน
กาน้ำชาดินม่วงโบราณ
มาวันหนึ่งมีพ่อค้าซื้อขายวัตถุ
โบราณเดินผ่านมาเหลือบไป
"กาน้ำชาดินม่วง"ใบนั้นถึงต้อง
ชะงักเพ่งมอง พ่อค้าเดินเข้ามา
ขออนุญาตตาแป๊ะดูกาน้ำชานั้น
พินิจพิเคราะห์ เพ่งมองอย่าง
ละเอียดรู้แน่ว่านี่เป็นงานปั้น
ชิ้นงดงามยอดเยี่ยมของศิลปิน
ชั้นเอกยุคราชวงศ์ชิงเป็นแน่แท้
พ่อค้าพอใจอย่างมากเขาเสนอ
ขอซื้อกาน้ำชาใบนั้นด้วยราคา
หนึ่งแสนหยวน อากงรู้สึกตกใจ
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปฏิเสธ
ข้อเสนอของพ่อค้าเป็นสมบัติ
เก่าแก่ตั้งแต่ยุคก๋งที่ทิ้งไว้ให้
เป็นกาน้ำชาที่ใช้ชงชาดื่มกัน
ตั้งแต่รุ่นก๋งจนมาถึงทุกวันนี้
แม้จะตัดสินใจไม่ยอมขาย
แต่หลังจากพ่อค้าผู้นั้นจาก
ไปแล้ว คืนนั้นเป็นคืนแรก
ในชีวิตที่ตาแป๊ะเริ่มรู้สึก
นอนไม่หลับเขาคุ้นเคยกับ
กาน้ำชาใบนั้นมาร่วมหกสิบปี
คิดแค่ว่าเป็นกาน้ำชาธรรมดา
ใบหนึ่ง แต่กลับมีคนมาเสนอ
ในราคาสูงถึงแสนหยวน
คล้ายกับกาน้ำชาดินเผาสมัยเราแต่คุณค่าของกาลเวลาเทียบกันไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมาก็นั่งดื่มน้ำชา
ตามปกตินิสัยหลับตาสบายๆ
กาน้ำชาก็อยู่ข้างตัวมาตลอด
แต่ตอนนี้พอมีเสียงในหัวแปลกๆ
ขึ้นมาต้องรีบนั่งตัวตรงมองดู
ว่ากาน้ำชาโบราณยังอยู่ตามปกติ
หรือเปล่ารู้สึกอึดอัดมากๆยิ่งขี้น
ที่คนในหมู่บ้านรู้ว่าเขามีกาน้ำชา
ทรงค่าราคาสูงค่าส่ง ผู้คนก็จะ
แห่มาขอดูของมีค่าชิ้นนั้น
แถมเซ้าซี้พยายามซักถามว่า
แล้วยังมีของโบราณล้ำค่าอะไร
ซ่อนอยู่อีกหรือเปล่าที่แย่ที่สุด
คือมีคนแอบย่องเข้ามาในร้าน
เพื่อค้นหาวัตถุมีค่าไม่เคยสงบเลย
เคยเงียบสงบแต่กลับไม่สงบเพราะกาน้ำชาใบเดียวที่มีความโลภของคนเท่านั้น
ชีวิตอากงแก่ๆที่เคยสงบเกิด
ความวุ่นวายขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน
พ่อค้าคนนั้นเดินทางกลับมาหา
อีกครั้ง พร้อมเงินสองแสนหยวน
มานำเสนออากงนั่งไม่ติดแล้ว
เขาตะโกนเรียกเพื่อนบ้านแถว
นั้นมารวมพลพร้อมกันที่ร้านแก
แล้วแกก็ยกค้อนเหล็กขึ้นมา
ทุบกาน้ำชาด้วยฆ้อน
ทุบลงไปที่กาน้ำชาสูงค่าใบ
นั้นอย่างแรงต่อหน้าผู้คนที่มา
มุงดูที่หน้าร้าน คิดถูกหรือคิด
ผิดนะในใจว้าวุ่นเกิดควบคุม
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น
ผ่านไป ชีวิตที่เคยสงบสุข
ของเขาก็ค่อยๆกลับมาสู่
สภาพปกติ อากงก็ยังคง
ขายหม้อ ขายขวาน ขายโซ่
คล้องคอหมาต่อไป
วันๆก็นั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้
ไม้ไผ่ตัวนั้น ฟังวิทยุที่เขาคุ้นเคย
ใช้เหยือกชงชาใบใหม่ที่แสนจะ
ธรรรมดาชงชาดื่มตามปกติ
ชีวิตสงบสบายสุขพอเพียง
อายุแกสุขเกินร้อยเเกินสงบ
จนอายุร้อยปีไปแล้วการยก
ค้อนขึ้นมาทุบลงไปที่กาน้ำชา
อย่างแรงคงไม่ใช่เพียงแค่เศษ
ดินเผาของกาน้ำชาและก็คง
ไม่ใช่แค่ธนบัตรปึกหนาที่หาย
วับไปกับตาแต่เป็นการเลือก
ที่จะมีชีวิตธรรมดาสงบสุข
มีคนกล่าวเตือนกันไว้ว่า
"คนเราต้องรู้จักคำว่า"พอ"
แล้วชีวิตจะเป็นสุข"
บางครั้ง อาจจำต้องทำชีวิตให้
สงบ จึงจะรักษาความสุขให้
อยู่กับเราได้ตลอดไป
ถ้าคุณเป็นอากงคนนั้น คุณจะ
เลือกระหว่าง"ความสุขแบบจน
หรือความทุกข์แบบคนรวย"
หลายคนคงบอกอากงสติเสีย
ไม่รู้ในหัวอากงคิดอะไรตอน
ในนั้นเนาะ
โฆษณา