23 เม.ย. เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

ไปงานขาวดำอีกแล้ว

คราวนี้เป็นคนแถวบ้านครับ รู้จักกันเป็นอย่างดีและเป็นลูกค้าด้วย
เขาไม่ได้มาบอกกล่าวงานนี้แต่ที่รู้เพราะเห็นผิดสังเกตว่าแต่งชุดขาวดำกันเรียกแท็กซี่เหมือนไปงานแบบนี้
ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัยมากเพราะคนเราก็ไปงานแบบนี้ที่ไหนก็ได้ แค่รู้สึกผิดสังเกตมากกว่า
สุดท้ายแฟนเดินไปซื้อของแล้วไถ่ถามเอาเพราะเห็น เลยรู้ว่าทางนั้นคุณพ่อเสียตอนสงกรานต์พอดีเลยไม่ได้บอกใครเพราะเกรงใจทุกคนด้วยว่าเป็นวันหยุดยาวและมันไม่ใช่เรื่องมงคล
อันนี้เข้าใจครับ
พอรู้เรื่องเลยรีบใส่ซองไปก่อน สักพักพอใกล้เก็บร้านผมกับแฟนเลยคิดว่างั้นไปงานนี้เลยก็แล้วกัน ไหนๆก็รู้วัดรู้ศาลากับเวลาสวดแล้ว
ผมเลยให้แฟนไปส่งแทนเพราะแฟนปีชง เขาถือครับว่าไม่ควรไปงานแบบนี้
ไม่มีปัญหา
ไปถึงก็พบว่าคนแถวบ้านมากันเยอะเลย นั่งรอจนราวๆเกือบทุ่มพระท่านจึงเดินมา
มาแค่รูปเดียว?
มาได้สักพักก็มีเสียงออกไมค์นำสวดและเชิญท่านขึ้นธรรมาสน์เทศนาธรรม
อะจิงดิ เพิ่งเคยเห็นว่ามีธรรมเทศนาในงานแบบนี้ด้วย
ท่านเทศน์เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆในชีวิตตามแนวทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เกิด แก่ เจ็บ ตาย การเตรียมตัวก่อนที่จะเสียชีวิต การไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวกูของกู และทิ้งท้ายว่าเมื่อได้ฟังแล้วก็ขอให้เก็บไปคิดด้วย
ยังไม่ต้องเชื่อ ขอให้คิดอ่านให้รอบคอบก่อนนะ
จบแล้วก็มีติดกัณฑ์เทศน์ตามธรรมเนียม เรียบร้อยแล้วก็มีพระมาสวดต่ออีกราว10นาทีเป็นอันจบพิธีกรรม
เจ้าภาพแสดงความขอบคุณและแจกของว่างให้กับแขกที่มาร่วมงาน
เรียบร้อยแล้วผมก็ลาพระพุทธ ผู้วายชนม์และเจ้าภาพกลับบ้านโดยแฟนผมรอรับอยู่ใกล้ๆศาลาที่ประกอบพิธี
แฟนว่าเขารออยู่แถวนี้นี่ล่ะ ขี้เกียจวนไปวนมา รถติด
ก็ดีเหมือนกัน
หมู่นี้มีงานแบบนี้อยู่เรื่อยๆ รู้สึกหดหู่ใจตามสมควรเหมือนกัน
ใครจะอยากให้ผู้เป็นที่รักต้องจากกันไปชั่วกาลล่ะครับ
มนุษย์เรามีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก
ของแบบนี้มันทำใจกันยากครับแม้ปากจะบอกว่าให้ปลงก็เถอะ
จะมีกี่คนที่จะปล่อยวางได้
อย่าว่าแต่คนเป็นเลย
ผู้วายชนม์ก็คงไม่แตกต่าง
จริงไหมล่ะ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา