23 เม.ย. เวลา 12:30 • ธุรกิจ

สรุป 3 ข้อ จาก Meta สูตรยิงแอดบน Facebook ให้ไม่โดนแบน - MarketThink

Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีฐานผู้ใช้มากที่สุดในโลก มากกว่า 3.19 ล้านคนต่อวัน
จึงไม่แปลกเลยที่ผู้ประกอบการหลายคน จะเลือกใช้ช่องทางนี้ มาใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ดตาม ในช่วงหลัง ๆ ก็มีนักโฆษณาหลายคนต้องเจอกับปัญหาการยิงแอดบน Facebook แล้วโดนระบบปฏิเสธหลายครั้ง เนื่องจาก “ผิดกฎชุมชน”
จนเหล่านักโฆษณาต้องมีการรื้อเนื้อหาของโฆษณาใหม่ และกลายเป็นว่าเป็นการเสียงบประมาณเยอะขึ้นกันโดยใช่เหตุ
แล้วสาเหตุที่หลาย ๆ คนยิงแอดแล้วโดนปฏิเสธ คืออะไร ?
MarketThink ได้สรุป 3 ข้อ ยิงแอดแบบผ่านฉลุย ไม่โดนแบนบน Facebook
ซึ่งได้มาจากอินไซต์ของ Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ให้ฟังกันแบบเข้าใจง่าย ๆ
Meta บอกว่า Facebook จะมีวิธีการตรวจสอบโฆษณา อยู่ด้วยกัน 3 แบบก่อนจะได้โพสต์สู่สายตาผู้ใช้ คือ
1. ครีเอเตอร์ลงชิ้นงาน > ระบบตรวจสอบชิ้นงานโดยระบบอัตโนมัติ > ชิ้นงานผ่านเกณฑ์ > ได้โพสต์
2. ครีเอเตอร์ลงชิ้นงาน > ระบบตรวจสอบชิ้นงานโดยระบบอัตโนมัติ > ชิ้นงานไม่ผ่านเกณฑ์ > ตรวจสอบชิ้นงานโดยมนุษย์ > ชิ้นงานผ่านเกณฑ์ > ได้โพสต์
3. ครีเอเตอร์ลงชิ้นงาน > ระบบตรวจสอบชิ้นงานโดยระบบอัตโนมัติ > ชิ้นงานไม่ผ่านเกณฑ์ > ตรวจสอบชิ้นงานโดยมนุษย์ > ชิ้นงานไม่ผ่านเกณฑ์ > แก้โฆษณาใหม่
จะเห็นว่าโฆษณาบน Facebook ทุกชิ้น จะถูกระบบตรวจสอบเป็นขั้นแรกก่อนเสมอ
ซึ่งทาง Meta บอกว่า ส่วนใหญ่แล้ว โฆษณาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ของระบบตรวจสอบบน Facebook จะเกิดจากการทำผิดกฎ 2 ข้อนี้
1. ตัวโฆษณามีการเปิดเผยหรือพยายามสื่อถึงรูปลักษณ์ หรือรูปร่างในอุดมคติ ที่ผู้คนควรเอาเป็นแบบอย่าง
พูดง่าย ๆ คือ Meta ไม่ต้องการให้มีการสร้างค่านิยม ว่าแบบไหน “ดี หรือ ไม่ดี” บน Facebook
ดังนั้นถ้าโฆษณาตัวไหนมีเนื้อหาที่ชี้ให้เห็นว่า “ขาว” ดีกว่า “ดำ” หรือ “ผอม” ดีกว่า “อ้วน”
ซึ่งเป็นการทำให้คนเห็นรู้สึกแย่กับตัวเอง ว่าทำไมตัวเองไม่ผอมและขาวแบบในโฆษณา
ก็จะมีแนวโน้มที่จะถูกระบบปฏิเสธจนไม่ได้โพสต์ได้ง่าย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาที่ชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของก่อนและใช้ผลิตภัณฑ์ (Before VS After)
ว่าใช้ผลิตภัณฑ์แล้วผอมลงหรือขาวขึ้น.. แบบนี้จะถูกระบบตรวจสอบและไม่ให้ผ่านแน่นอน
ทีนี้ ทาง Meta ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า ถ้าอยากชูผลลัพธ์ของการใช้ผลิตภัณฑ์จริง ๆ
ก็แนะนำให้นักโฆษณา เน้นไปที่การสื่อสารผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้จริง
เช่น การกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อจากลูกค้าของแบรนด์จริง ๆ
หรือทำโฆษณาที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป และมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน จะมีโอกาสผ่านเกณฑ์มากกว่า
นอกจากนี้ เท่าที่มีข้อมูลการใช้อินฟลูเอนเซอร์มาแสดงให้เห็นผลลัพธ์ ก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ จะยังไม่ผิดกฎของ Facebook ณ ตอนนี้
เพราะเป็นโพสต์แบบ Organic ไม่ใช่การยิงแอดนั่นเอง
2. งานโฆษณาไม่มีคุณภาพ ที่อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสน หรือก่อให้เกิดความสับสนกับผู้ใช้ส่วนรวมได้
ซึ่ง Meta ได้นิยามคอนเทนต์ที่ไม่มีคุณภาพเอาไว้ 9 ข้อ หลัก ๆ ตามนี้
1). โฆษณาที่ที่มีการตัดภาพบางส่วนมากจนเกินไป จนผู้ใช้ต้องคลิกที่โฆษณาเพื่อดูรูปภาพขนาดเต็ม
รวมไปถึงใช้ข้อความโฆษณา Click Bait เพื่อจูงใจให้ผู้คนคลิกโฆษณา
2). โฆษณาที่มีคำแนะนำหรือคำสัญญาที่เกินจริง เช่น กินยาแบรนด์ A จะช่วยให้ผอมภายใน 5 วัน
หรือ ลงทุนกับเรารับผลตอบแทนเดือนละ 300%
3). โฆษณาโปรโมตผลิตภัณฑ์ บริการ แผนการ ที่ Facebook มองว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอกลวง เอาเงิน หรือ ขโมยข้อมูลส่วนตัว
4). โฆษณาที่สื่อถึงการเลือกปฏิบัติระดับบุคคล เช่น เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ สีผิว ชาติกำเนิด ศาสนา อายุ เพศ เพศวิถี อัตลักษณ์ทางเพศ สถานะครอบครัว
รวมถึง ความทุพพลภาพทางร่างกาย
5). โฆษณาที่มีการการลิงก์ไปยังหน้าเพจที่มีเนื้อหาทางเพศ
6). โฆษณาที่มีสัดส่วนการนำเสนอโฆษณาสูงกว่าเนื้อหา
7). ใช้โฆษณาที่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่มี Pop-up เยอะเกินไปจนบังเนื้อหาโฆษณา
8). โฆษณา ที่เป็นภาพระยะใกล้เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของบุคคล
9). โฆษณาที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ผู้ใช้จะไม่สามารถออกจากหน้าเว็บได้
ทั้งหมดที่ว่าจะครอบคลุมเนื้อหาทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอข้อความหรือรูปภาพ
โดย Facebook จะใช้เวลาตรวจสอบเนื้อหาภายใน 24 ชั่วโมง
และในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้น ว่าตัวโฆษณานั้นจะเข้าข่ายผิดกฎที่ว่ามาหรือไม่
ดังนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงทำโฆษณาแล้วโดนแบน ก็ควรหลีกเลี่ยงการทำโฆษณาให้มีเนื้อหาแบบที่กล่าวมา ก็จะมีโอกาสผ่านเกณฑ์ของ Facebook ได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายนี้ปิดท้ายกันด้วยข้อสงสัยที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า
การแปะลิ้งก์ในเนื้อหาบน Facebook แล้วจะโดนลด Reach จริงไหม ?
Meta บอกว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าอยากให้โพสต์ฮิตต้องทำให้ฐานของผู้ติดตาม
มี Engage กับโพสต์เยอะ ๆ จะทำให้คอนเทนต์ไปไกลได้มากที่สุดนั่นเอง..
อ้างอิง : งานแถลงข่าว Do & Don’t: Meta แชร์เคล็ดลับช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก
เชื่อมต่อกลุ่มลูกค้าผ่านโฆษณาที่ปลอดภัยและมีความโปร่งใส จัดโดย Meta ประเทศไทย
โฆษณา