24 เม.ย. เวลา 03:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ

TERA เทรดวันแรกพุ่ง 122% ทะลุทุกราคาเป้าหมายเซียน โบรกฯ มองกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าโตเด่น

รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ที่ราคา 3.90 บาท ปรับตัวขึ้น 122% จากราคาไอพีโอที่ 1.75 บาท ทะลุกรอบราคาเป้าหมายโบรกฯ ที่ 2.20 - 2.70 บาท พร้อมมองกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าเติบโตโดดเด่น
นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA เปิดเผยว่า ภายหลังจากการระดมทุนในตลาด mai บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในระบบ T.Cloud Gen3: ต่อยอดความสำเร็จจาก T.Cloud Gen1 และ Gen2 ที่ TERA ให้บริการลูกค้ามาแล้ว มากกว่า 7 ปี ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจต่อไปในอนาคต อีกทั้งการระดมทุน จะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้ตามแผนและกรอบเวลาที่ทางบริษัทได้วางไว้
ขณะที่นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า TERA จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยจุดเด่นที่เป็น IT Solution Provider ที่สำคัญของประเทศ มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งภาคเอกชนและภาครัฐขนาดกลางและใหญ่ ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
โดยมีความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระบบ Cloud Services ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) รวมถึงระบบบริหารจัดการการขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ (Transportation Management System: TMS) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของธุรกิจ
ด้านบทบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ประเมินกำไรสุทธิ CAGR ที่ 21% ในปี 2566-2568 เพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 46 ล้านบาทในปี 2568 โดยมีปัจจัยหลัก 1. การขยายตัวของการให้บริการระบบ T.Cloud โดยในปัจจุบันมีสัญญาลูกค้ามากกว่า 100 สัญญา อัตราการรักษาลูกค้าเก่าสูงถึงประมาณ 94% 2. ขยายกลุ่มลูกค้าจากซอฟต์แวร์ Skyfrog และ 3. การเติบโตของอุปกรณ์ไอที
ทั้งนี้ บล. BYD กำหนดราคาเหมาะสมเท่ากับ 2.70 บาทต่อหุ้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ TERA อิง PER ปี 2567 ที่ 18 เท่า เชื่อว่าหลังจากเพิ่มทุน IPO TERA จะเน้นสร้างรายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นขยายงานให้บริการด้านบริการระบบ Cloud (T.Cloud) Services ที่กำลังจะพัฒนาไปยัง Gen3
ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยเพิ่มความสามารถการทำกำไร คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2566-2568 จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 26.8% ต่อปีโดยมีแผนเติบโตจากภายใน (Organic Growth) และ 2. การเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth)
ดังนั้น ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ TERA ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น อิงประมาณการ EPS ในปี 2567 ที่ 0.15 บาท อ้างอิง P/E ที่ 17.x เท่า บนค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปี คาดว่า TERA จะมีกำไรสุทธิ สำหรับปี 2566-2568 ที่ 26.8%
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ TERA ปี 2567 ที่ 2.20 บาท ด้วย P/E เป้าหมาย 15.3 เท่า โดยมีจุดเด่นให้บริการ ICT Solution ครอบคลุมทั้ง Hardware และ Software System รวมทั้งเป็นพันธมิตรระดับ Platinum Partner กับ HPE ประกอบกับมีสัดส่วนรายได้ต่อเนื่องสูงเฉลี่ยต่อปีราว 45-50% รวมทั้งฐานะการเงินที่มั่นคง มีโอกาสได้รับงานเพิ่มเติม คาดกำไรสุทธิ 3 ปี ข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง +12% CAGR 2566-2568
สุดท้ายบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า TERA ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2567 อิง PER 15.0 เท่า อยู่ที่ 2.20 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2566-2568 เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 3 ปี ที่ 28.8% CAGR หนุนจากทั้งรายได้จากการขายและรายได้และจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น
โฆษณา