25 เม.ย. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Andreas Halvorsen จากอดีต หัวหน้าหน่วยซีล สู่ผู้จัดการกองทุน อันดับ 8 ของโลก

หน่วยรบพิเศษ และผู้จัดการกองทุน 2 อาชีพนี้ ดูเหมือนเส้นทางที่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้
1
อย่างไรก็ตาม คุณ Andreas Halvorsen ก็ได้ฉีกภาพในหัวของใครหลาย ๆ คน ด้วยการก้าวข้ามจาก ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยซีล แห่งราชนาวีนอร์เวย์
มาเป็นผู้จัดการ และผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ อย่าง Viking Global ซึ่งผลงานของเขาเองก็ไม่ธรรมดา ด้วยการกลายเป็นผู้จัดการกองทุน ที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุด เป็นอันดับ 8 ของโลกอีกด้วย
แล้วคุณ Andreas Halvorsen มีเส้นทางชีวิต และวิธีการลงทุนอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จได้แบบนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลกหลาย ๆ คนที่เรารู้จัก มักจะเกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา
ทว่าคุณ Andreas Halvorsen นั้น เกิดที่ประเทศนอร์เวย์ ในปี 1961 และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จนกระทั่งถึงวัยหนุ่ม เขาก็เข้ารับการศึกษา ที่โรงเรียนนายเรือของนอร์เวย์
ทำให้เมื่อจบการศึกษาแล้ว คุณ Halvorsen ก็ได้เข้ารับหน้าที่เป็น หัวหน้าหน่วยซีล ของราชนาวีนอร์เวย์ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
หลังจากอยู่ในกองทัพได้สักพัก คุณ Halvorsen ก็เบนเข็มมาสู่เส้นทางสายการเงิน ด้วยการเข้ามาเรียนต่อยังคณะเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย Williams College ประเทศสหรัฐอเมริกา จนจบการศึกษาในปี 1986
และในอีก 2 ปีต่อมา เขาก็เข้าเรียน MBA ที่มหาวิทยาลัย Stanford ซึ่งคุณ Halvorsen ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เพราะเขาได้ทุน Arjay Miller Scholar ซึ่งจะมอบให้กับนักเรียนในโครงการ MBA ที่มีผลการเรียนดีที่สุด 10% แรก อีกทั้งยังได้รางวัล Robichek Award ซึ่งมอบให้กับนักเรียนที่ทำคะแนนในวิชาการเงินดีที่สุดอีกด้วย
ด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ทำให้หลังจากจบการศึกษาในปี 1990 คุณ Halvorsen ได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้โลกของการเงิน ด้วยการเข้าทำงานกับวาณิชธนกิจระดับโลก อย่าง Morgan Stanley
และหลังจากนั้น คุณ Halvorsen ยังได้ศึกษาวิชาการลงทุน จากเจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ อย่างคุณ Julian Robertson หลังจากได้เข้าไปทำงานในกองทุน Tiger Management อีกด้วย
เมื่อบ่มเพาะวิชาจนแก่กล้าแล้ว ในที่สุดคุณ Halvorsen ก็ออกมาตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของตัวเอง ชื่อว่า Viking Global เมื่อปี 1999
โดยหลักการลงทุนของคุณ Halvorsen นั้น ก็ค่อนข้างเรียบง่าย เพราะเขาจะทุ่มซื้อบริษัทที่ดี มีคุณภาพ ในธุรกิจที่ตัวเขาเองนั้นเข้าใจ
เห็นได้จากหุ้นที่เขาถือมากที่สุด 5 ตัวนั้น ถือว่าเป็นบริษัทชั้นนำ ในอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจอยู่ ได้แก่
- Visa บริษัทตัวกลางชำระเงินรายใหญ่ของโลก ถืออยู่ 5.4%
- United Parcel Service บริษัทขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถืออยู่ 4.7%
- Workday ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ ถืออยู่ 4.2%
- APi Group ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยในอาคาร และก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ถืออยู่ 4.1%
- Meta เจ้าของ Facebook และ Instagram ถืออยู่ 3.9%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้การลงทุนอันแสนเรียบง่ายของเขา สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล ก็คือการศึกษาและวิเคราะห์หุ้นของเขาที่ไม่เหมือนใคร
เพราะเมื่อคุณ Halvorsen เจอหุ้นที่สนใจ เขาจะศึกษาภาพรวมของอุตสาหกรรม ที่บริษัทนั้นทำธุรกิจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งบริษัท รวมไปถึงซัปพลายเออร์ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้อย่างละเอียดเสียก่อน
จากนั้นเขาจึงค่อยเข้าไปคุยกับผู้บริหารของบริษัทนั้น เพื่อดูว่าผู้บริหารเหล่านั้น มีความเข้าใจ และมองเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรม ตรงกันกับคุณ Halvorsen หรือไม่
ซึ่งถ้าหากพูดคุยกันแล้ว พบว่าผู้บริหารเหล่านั้น มองเห็นภาพเดียวกันกับคุณ Halvorsen เมื่อนั้นเขาจึงจะตัดสินใจลงทุน
เพราะคุณ Halvorsen นั้น เคยกล่าวไว้ว่า ผู้คนมักจะให้ค่าบริษัทที่มีทีมบริหารที่ดีน้อยเกินไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การที่บริษัทมีทีมบริหารที่ดี จะสามารถทำให้บริษัทเติบโตได้ แม้สภาพตลาดจะย่ำแย่ก็ตาม
เพราะฉะนั้น ถ้าหากผู้บริหารของบริษัทนั้น ๆ ไม่สามารถเห็นภาพเดียวกันกับคุณ Halvorsen ได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องไปลงทุนด้วย
เนื่องจากถ้าผู้บริหารไม่เข้าใจสภาพตลาด และการแข่งขัน ในอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำธุรกิจอยู่ ก็ไม่น่าจะทำให้บริษัท สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า รูปแบบการวิเคราะห์หุ้นของคุณ Halvorsen นั้น ค่อนข้างคล้ายกับตำราพิชัยสงครามของซุนวู ที่กล่าวไว้ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
เห็นได้จากการที่เขาอดทนศึกษาข้อมูลอุตสาหกรรม ของหุ้นที่จะลงทุนอย่างใจเย็น เพื่อที่เวลาเข้าไปคุยกับผู้บริหาร เขาจะสามารถทราบได้ในทันทีว่า
ผู้บริหารคนนี้เป็น “ของจริง” ที่จะพาให้มูลค่าบริษัทเติบโต พร้อมกับสร้างผลตอบแทนคืนกลับมา ให้กับเขาและนักลงทุนในกองทุนได้หรือไม่
ด้วยการลงทุนแบบรู้เขา รู้เรา นี้เอง ก็ได้ทำให้ตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 1999 มาจนถึงปี 2023 ที่ผ่านมานี้ คุณ Halvorsen สามารถทำกำไรไปได้ถึง 1,500,000 ล้านบาท ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ทำกำไรได้มากที่สุด เป็นอันดับ 8 ของโลก
อีกทั้งยังทำให้คุณ Halvorsen มีความมั่งคั่งมากถึง 264,000 ล้านบาท จนกลายเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับ 2 ในประเทศนอร์เวย์อีกด้วย..
โฆษณา