26 เม.ย. เวลา 02:54 • ปรัชญา

นักแสดงตลก

ณ เวลาบ่ายสามโมงของทุกวัน นับเป็นช่วงตลาดนัดได้เริ่มเปิดขึ้น มีชายผู้หนึ่งมักแต่งกายออกแสดงเป็นตัวตลกให้บรรดาผู้คนที่พบผ่านได้รื่นเริง เขามักมีการแสดงอันหลากหลาย อาทิ มายากล ปั้นจักรยานล้อเดียวเเละโยนลูกบอลไขว้กันไปมา
.
ใครถูกใจในการแสดงของเขาก็สามารถบริจาคเป็นเงินใส่กล่อง เเล้วเเต่ความชื่นชอบของผู้เข้าชมจะให้มากหรือให้น้อยเขาไม่เคยบังคับ บางวันเขาได้ยืนแสดงตั้งเเต่บ่ายยันมืดค่ำ แม้นจะมีผู้เข้าชมเพียงไม่กี่คนเขาก็ยังยืนแสดงจนตลาดได้ปิดลง
ในช่วงเข้าฤดูฝน ฝนฟ้าโหมกระหน่ำเหมือนดังพายุ ทำให้เขาไม่สามารถยืนแสดงหน้าลานกว้างของตลาดได้ เขาจำต้องแต่งกายเป็นตัวตลกแล้วยืนนิ่ง เมื่อใดที่มีผู้บริจาคเขาก็จะขยับตัวทำท่าทางเฉกเช่นดังหุ่นยนต์
.
ในระหว่างผู้คนจำนวนมากมายยืนรอคอยให้ฝนนั้นได้ซาลง ได้มีหญิงวัยกลางคนนางหนึ่ง เดินเข้ามาเเล้วบริจาคเป็นจำนวนเงินหนึ่งร้อยบาท หญิงนางนี้ได้เอ่ยปากพูดกับนักแสดงตลกไปว่า
"ชีวิตเรานั้นพบเจอกับปัญหารุมเร้ามากมายที่ประดังถาโถมเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ท่านช่วยเเสดงตลกให้เราได้คลายความทุกข์ ให้เราได้หัวเราะ มีความสุขตลอดราตรีนี้ได้หรือไม่?"
.
นักแสดงตลกได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะตอบกลับหญิงสาวไปว่า "โอ้ท่านหญิงนัยน์ตาบนใบหน้าอันสง่างามของท่าน บัดนี้ช่างดูหม่นหมองยิ่งนัก ข้าน้อยคงมิสามารถจะเเสดงตลกให้ท่านได้คลายความกังวลคลายความทุกข์ในจิตใจไปตลอดยาวนานราตรีได้หรอกหนา"
แต่ ข้าน้อยมีเพียงเรื่องตลกเรื่องเดียวที่อยากจะมอบท่านได้ฟัง ดังนี้คือ อันตัวเรานั้นในสายตาผู้คนนับล้านมักมองเราเป็นเพียงตัวตลกเพราะการแต่งกายหรือการแสดงรูปลักษณ์ แต่ความเป็นจริงเเล้วมนุษย์บนโลกนี้ มักมีรูปลักษณ์มิแตกต่างจากตัวตลกโดยที่ไม่ต้องแต่กายอะไรเลยต่างหาก
บางครั้งมนุษย์เรามักแสวงหาที่พึ่งในจิตใจ หลงไปในทางที่ผิด หรือบ่อยครั้งมักปล่อยใจไปตามอารมณ์อย่างไร้จุดหมาย ชีวิตมักกลายเป็นตัวตลกให้กับความโลภ ความโกรธ ความหลง สิ่งเหล่านี้มักเป็นผู้เชยชมในยามที่เราขาดสติ เมื่อใดที่เรามีความทะยานอยากได้อยากมี หรืออยากเป็น พวกมันมักจะคอยหัวเราะเยาะ เมื่อใดที่เราเกิดความโกรธ ความเกลียด หงุดหงิด หรือไร้ซึ่งเหตุผล พวกมันมักจะคอยสะใจ เพราะสีหน้าของเรานั้นมักแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์สิ่งนั้นอยู่เสมอ
เมื่อใดที่เราปล่อยจิตใจให้เพลิดเพลินไปกับผัสสะ โดยปราศจากสติไว้คอยไตร่ตรอง ความปรารถนา มักนำพาให้เรายิ่งถลำลึก ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งยึดถือคล้อยตาม สำคัญผิดไปว่าทุกสรรพสิ่งที่เรานั้นขาดหายไปจำต้องหามาเติมเต็มเพื่อให้ใจของเราไม่เป็นทุกข์ แต่ความเป็นจริงเเล้วตัวเรานั้นคือตัวตลกของกิเลสตัณหายิ่งมีความอยากมากมายเท่าใด จิตใจก็ยิ่งสะสมความทุกข์มากมายไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นเเล้ว เพราะการมีชีวิตจึงต้องมีวันที่สิ้นสุด เราควรเกลาตนเองให้มีสติไตร่ตรองในสิ่งที่พบเห็น ในสิ่งที่ได้ยิน เเละในสิ่งต่าง ๆ ที่พบพานเข้ามาในจิตใจ เพราะจิตใจของเรานั้นไม่ใช่ตัวตลกให้กับกิเลสและตัณหาไม่ใช่ตัวตลกของอำนาจอารมณ์ใด ๆ ที่เข้ามาครอบครองเพื่อเล่นสนุกให้ภายในใจของเรานั้นต้องเป็นทุกข์เเล้วจากไปเฉกเช่นหลาย ๆ ครั้งหลาย ๆ คราตลอดที่เรายังมีลมหายใจ
หญิงสาวเมื่อได้ฟังจึงตระหนักได้ว่าเพราะความทุกข์ในจิตใจควรมีธรรมเป็นที่พึ่ง เพื่อให้จิตใจของเรานั้นคลายความทุกข์จากการเป็นตัวตลก จากความเพลินในอำนาจกิเลสเเละตัณหาใด ๆ ทั้งปวง
เธอขอบคุณชายหนุ่มตามมารยาท จากนั้นจึงเดินออกมาพร้อมกับครุ่นคิดตลอดทางว่า เหตุใดนักแสดงตลกจึงกล่าวออกมาได้อย่างผู้รู้แจ้งเห็นธรรมได้ขนาดนั้น เธอจึงคิดจะย้อนกลับไปถามว่านักแสดงตลกได้ไปศึกษาพระธรรมมาจากสำนักใด เธอจะขอฝากตัวเป็นศิษย์
.
แต่เมื่อหันกลับไป เธอก็พบว่านักแสดงตลกได้หายไปแล้ว หญิงสาวจึงคิดจะกลับมาใหม่ในวันหลัง พร้อมกับนัยน์ที่จะมองนักแสดงตลกแตกต่างไปจากเดิมคือ ท่านเป็นครูผู้รอบรู้ในพระธรรม ไม่ใช่นักแสดงตลกอีกต่อไป
Author: Never Give Up
โฆษณา