27 เม.ย. เวลา 16:19 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อวันก่อนเพิ่งคุยกับหลานชายอายุ เก้าขวบ กับเจ็ดขวบค่ะ เราคุยกันเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่ตอนนี้ลุกลามมาถึงเด็กวัยประถมต้น เพราะความเลวร้ายของผู้ใหญ่ที่หวังขายและหาประโยชน์กับเด็กจนไร้ศีลธรนมขั้นสุด... ทำลายคนตั้งแต่อายุยังน้อย
ทำรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ดูน่าใช้ น่าปลอดภัย แต่ที่จริงโทษภัยมหันต์ และหนึ่งในการเริ่มใช้ของเด็กๆคือเพื่อนๆชักชวนกัน และสาเหตุุหนึ่งที่เด็กยอมลองเพราะไม่อยากจะแตกต่างกับเพื่อน อยากเป็นที่ยอมรับ อยากเข้ากกันได้ และอยากลอง
พอมีโอกาสก็เลยถามหลายชายว่า รู้จักบุหรี่ไฟฟ้าไหม
หลานๆบอกว่ารู้จัก เพราะตำรวจมาเล่าให้ฟัง
ถามต่อว่า มันมีอันตรายหรือเปล่า ตำรวจเล่าอะไรให้ฟังบ้าง เด็กๆบอกว่ามันอันตราย แล้วเขาก็ยกตัวอย่างของอันตรายต่างๆที่เขาจำได้จากการบอกเล่าของคุณตำรวจให้ป้าฟัง เขาเข้าใจกันระดับหนึ่งทีเดียว
พอสอบถามถึงความปลอดภัยในโรงเรียน เพื่อนมีใช้กันบ้างไหม มีใครมาชวนให้ดมหรือเปล่า ในโรงเรียนหรือใกล้โรงเรียนมีขายไหม เคยเห็นเพื่อนใช้ เห็นเพื่อนเอามาโรงเรียนหรือเปล่า.....​
คำตอบจากหลานยังดูไม่น่าหนักใจค่ะแต่ก็ต้องเฝ้าระวัง ใกล้ชิด และต้องให้เด็กปฏิเสธเป็น ที่สำคัญคือการกล้าปฏิเสธแล้วเอาตัวรอดออกมาให้ได้
ป้าถามว่า ถ้าเพื่อนมาชวนให้ลองจะลองไหม
เขาบอกไม่ลอง... พูดมันง่าย แต่สถานการจริงต่อหน้าเพื่อน ไม่ง่ายหรอก....
สิ่งที่เราพูดคุยกันคือ
ป้าอยากให้หนูกล้าที่จะปฏิเสธในสิ่งที่เราคิดว่าไม่มีประโยชน์กับตัวเราแน่นอนโดยเฉพาะสิ่งนั้นเป็น
อันตรายแน่ๆ ปฏิเสธเรื่องที่เราไม่ชอบทำแล้วจะเสียใจ
โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นอันตราย เรามีสิทธิ์ปฏิเสธเพื่อนที่ชวน อย่ากลัวว่าเพื่อนจะไม่รัก ไม่พอใจ ไม่ชอบเรา สิ่งที่เราเลือกและทำ จะเลือกเพื่อนมาให้เราเหมือนกัน
การปฏิเสธไม่ใช่เรารังเกียจ โกรธ หรือไม่ชอบเพื่อน แค่เราไม่ต้องการทำในสิ่งที่เพื่อนชักชวนแค่นั้น เราต้องกล้าปฏิเสธ บางครั้วก็เพื่อควาทปลอดภัยของ
ตัวเอง
นอกจากบอกเด็กๆแบบนี้ ก็เอาข้อมูลทางการแพทย์ให้เขาดู เอาตัวอย่างเคส เอาภาพปอดที่พัง ภาพสแกนสมองที่ด้ดมนิโคตินบุหนี่ไฟฟ้าให้พวกเขาดูการเปลี่ยนแปลงเปรียบเทียบกับสมองปกติ
ป้าตามเฝ้าพวกหนูไม่ได้ และถ้าติดแล้วป้าก็ช่วยไม่ได้ สมองพัง ชีวิตพัง สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้ติด มีอย่างเดียวคือห้ามลองเด็ดขาด ห้ามดมแม้แต่นิดเดียว และคนที่จะห้ามพวกหนูได้คือตัวเด็กๆเอง... ให้ปฏิเสธแล้วเดินออกมา อย่างอยู่ตรงนั้นนาน อย่าเข้าใกล้ แล้วกลับมาบอกพ่อแม่
ชีวิตของเรา เราต้องกล้าที่จะเลือกสิ่งที่ดี ไม่ดี เราชอบ ไม่ชอบ และกล้าที่จะปฏิเสธในสิ่งที่เราไม่ต้องการ เป็นอันตรายกับชีวิตเรา แม้คนที่ชวนจะเป็นเพื่อนก็ตาม อย่ากลัวเสียเพื่อนเพราะเรื่องแบบนี้ เพื่อนกันเข้าใจกัน ทุกอย่างจะคัดเพื่อนในแบบของเราเอง
ใครทำอะไรเราไม่ว่าไม่ตัดสินดีไม่ดีค่ะ แต่เรามีสิทธิ์เลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไรด้วยเหตุผลของเราเองเหมือนกัน ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็จะยอมรับกันในแบบที่ต่างคนต่างเป็น ถ้าคบกันต่อไปก็คบไป ถ้าแตกต่างกันมาก มันก็จะค่อยๆห่างกันไปก็แค่นั้นค่ะ
การปฏิเสธ เป็นอีกหนึ่งทักษะที่เราควรมีและทำเป็นอย่างมีศิลปะ
.... หลานเรายังไม่เข้าวัยรุ่น ค่อยๆใช้เวลาคุย แลกเปลี่ยนความเห็น ไม่ใช่บังคับให้ใครเชื่อ....
ไม่มีใครบังคับลูกหลานได้จริงค่ะ ถ้าเขาไม่ยอม .....
อ๋อ... ตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยมาตั้งแต่วัยรุ่น หนุ่มสาว ทำงาน ไม่ชอบ ไม่มีความสุข ไม่ดื่มด่ำ และไม่ยึดถืออธรรมเนียมสัวคมใดๆทั้งนั้น
สเต็กเนื้อไวน์แดง สเต็กปลาไวน์ขาว ดมๆแล้วเข้าปาก กลั้วๆแล้วกลืน... ไม่เป็นค่ะ ไม่ทำ ไม่อร่อยก็ไม่อร่อย กินแล้วเมาคือไม่ปลอดภัยก็คือไม่ปลอดภัย
และรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องดื่มแห่งความไม่ปลอดภัยของการรักษาเนื้อรักษาตัว รักษาความรู้เรื่องรู้เนื้อรู้ตัว
แต่เราก็สนุกและมีความสุขกับเพื่อนได้แม้เราไม่ดื่มค่ะ เป็นเป็นคนไม่ดื่มท่ามกลางเพื่อนๆที่ดื่ม เมาดิบกับเพื่อนไปค่ะ ฟังคนเมาคุยกันก็สนุกดี เป็นเพื่อนกันคบหากันได้ แค่เขาดื่ม เราไม่ดื่ม และเราก็ไม่ได้ไปกับเขาซะทุกรอบที่เขาดื่มกัน ไปแค่ในโอกาสพิเศษที่ควรไปแค่นั้น... เพื่อนเอย รุ่นพี่เอยกินเหล้าเก่งหลายคนค่ะ เร่ก็อยู่กับพวกเขาให้เขาเอ็นดูเล่น
แค่เขาชวน เราไป เราเป็นตัวของตัวเองชัดเจน สม่ำเสมอว่าเราไม่ดื่ม ถ้าเขายังเป็นเพื่อนเราจริงๆ มันก็ยังพอไปกันได้ค่ะ แค่คนหนึ่งดื่ม อีกคนไม่ดื่ม เขาเมาเราก็แค่คอยขับรถให้ถ้าเขาไม่ไหว แต่ให้เราระวังตัว ที่ใดมีคนเมา ต้องระวังมีเรื่องค่ะ มีสติ เอาตัวให้รอด
โฆษณา