3 พ.ค. เวลา 04:04 • ความคิดเห็น

ลิฟท์สกปรกกับอิฐผุๆ

เอ๋ นิ้วกลมเคยเขียนเรื่องลิฟท์ขนของที่พี่เตา บรรยง พงษ์พานิชเล่าไว้ให้ฟังว่า
6
“ ในบริษัทจะมีลิฟต์ทั้งหมด 7 ตัว ในจำนวนนั้นมี 6 ตัวที่บุหนังหรูหราจากอิตาลี เพราะบริษัทอยากทำให้ดูดีสำหรับผู้มาเยือน
ลิฟต์ 6 ตัวนั้นมีหนังต่างสีสันกันไป 6 สี ส่วนอีก 1 ตัวที่เหลือเป็นลิฟต์ขนของ ซึ่งเละเทะตามสภาพลิฟต์ขนของทั่วไป
1
ทุกครั้งที่พนักงานในองค์กรขึ้นไปหาพี่เตาในห้องผู้บริหาร พี่เตาจะถามพนักงานคนนั้นว่า "คุณขึ้นลิฟต์ตัวไหนมา"
คำตอบที่ได้รับจากพนักงานมักจะเหมือนกัน คือ ถ้าขึ้นลิฟต์ขนของมา ทุกคนจะตอบได้ชัดเจน แต่ถ้าขึ้นลิฟต์บุหนังอิตาลีจะตอบไม่ได้ว่าขึ้นลิฟต์สีอะไร ตัวไหน เพราะไม่ได้สนใจ
1
พี่เตาบอกว่า "คุณเห็นไหมว่า บริษัทเรามีลิฟต์ดีๆ ตั้ง 6 ตัว แต่มันไม่ค่อยได้รับความสนใจหรอก คุณจะจำไอ้ตัวที่ไม่สวยได้มากที่สุด เห็นมันชัดสุด ส่วนตัวที่ดี ตัวที่สวย คุณก็คิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วคุณก็มักจะตอกย้ำไปอีกว่า ไอ้ตัวไม่สวยเนี่ย กดทีไรก็เจอ"
ซึ่งบ่อยครั้งเรามักจะจดจำแต่ลิฟต์ขนของนั่นเอง
แล้วทำไมคนเราถึงมักจะจำแต่ลิฟท์ขนของ.. ทางฝรั่งเรียกว่า negativity bias มนุษย์มีแนวโน้มที่จะจำเรื่องลบๆ อะไรที่ไม่ดีแม่นกว่าเรื่องดี จะเห็นของไม่ดีเด่นกว่าของดีเสมอ เป็น positive-negative asymmetry ซึ่งใช้อธิบายเรื่องที่ว่าทำไมคนมักจะจำลิฟท์ขนของสกปรกได้แม่นกว่าลิฟท์สวยๆปกติ หรือเวลาเราเจอเรื่องเศร้าโศกเสียใจถึงลืมยาก เวลาหุ้นตกจะทุกข์มากกว่าหุ้นขึ้นทั้งๆที่เป็นจำนวนเดียวกัน หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ
2
โปรเฟสเซอร์ด้านจิตวิทยา Laura Carstensen จาก Stanford University เคยอธิบายไว้ในบทความของ Washington post ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการมนุษย์มานับแสนปี เพราะการที่มองเห็นเรื่องลบ เรื่องร้าย เรื่องไม่ดีใหญ่เกินเรื่องดีไปมากก็เพราะ มนุษย์ต้องดิ้นรนอยู่รอด การที่เห็นเสือในพุ่มไม้นั้นจำเป็นกว่าการเห็นดอกไม้สวยๆ มากในสมัยก่อน เราถึงเห็นอะไรลบได้ง่ายมากจากวิวัฒนาการในอดีตเป็นต้นมา
2
ล่าสุดมีน้องคนหนึ่งบ่นเรื่องที่กำลังทุกข์จากคนห่วยๆ สองสามคนทั้งที่มีกัลยาณมิตรดีๆเป็นร้อยในชีวิต แต่คิดทีไรไอ้สองสามคนเฮงซวยก็เด่นขึ้นมาในความคิดทุกที ผมเองก็เป็นแบบนั้นอยู่บ่อยๆเช่นกัน
แล้วจะแก้กันอย่างไรดี...
1
เลยว่าจะชวนน้องเขาไปฟังเทศน์จากพระอาจารย์พรหมผ่านที่พระอาจารย์เขียนไว้กันก็น่าจะดีนะครับ….
พระอาจารย์พรหมผู้เขียนหนังสือชวนม่วนซื่นเล่าถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ตอนที่กำลังสร้างวัดใหม่ที่เพิร์ธ ออสเตรเลีย ท่านต้องเป็นช่างก่อสร้างเองทำทุกอย่างตั้งแต่งานหลังคา ประปาจนถึงก่ออิฐ พระอาจารย์ตั้งใจทำกำแพงอิฐอย่างประณีต ใช้เวลานานมากเพื่อให้กำแพงออกมาสวยที่สุด แต่พอก่อกำแพงเสร็จแล้ว หลังจากยืนดูด้วยความชื่นชม พระอาจารย์ก็แทบช็อคเมื่อพบว่ากำแพงที่ใช้เวลาก่อนานมากนั้นมีอิฐสองก้อนที่เอียงๆ ดูประหลาดแล้วทำให้กำแพงทั้งแผงดูไม่ดีเลย
1
พระอาจารย์ก็เครียดมาก อยากจะรื้อกำแพงแต่ก็ทำไม่ได้ เดินผ่านทีไรก็เจ็บใจทุกครั้ง เวลามีแขกมาเยี่ยมชม พระอาจารย์ก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่พาแขกไปบริเวณนั้น จนเวลาผ่านไปหลายเดือน วันหนึ่งแขกคนหนึ่งก็เปรยขึ้นมาว่า กำแพงอิฐนี่สวยดีนะ
พระอาจารย์ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า ทำไมดูยังไงถึงสวย ตาไม่ดีรึเปล่า ไม่เห็นหรือว่ามีอิฐเบี้ยวอยู่สองก้อน ทำเอากำแพงดูแย่ไปเลย
2
คำพูดที่แขกคนนั้นต่อจากนั้นทำให้พระอาจารย์พรหมเปลี่ยนทัศนคติดต่อกำแพงและต่อชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง แขกคนนั้นบอกว่าก็เห็นอยู่ว่ามีสองก้อนที่เบี้ยว แต่ก็มีอีก 998 ก้อนที่สวยงามอยู่ด้วยเช่นกัน
4
พระอาจารย์พรหมเล่าว่า เป็นครั้งแรกที่พระอาจารย์เห็นอิฐก้อนอื่นบนกำแพงนอกเหนือจากสองก้อนนั้น อิฐที่สวยงาม เรียงอย่างเป็นระเบียบล้อมอิฐสองก้อนนั้นและเยอะกว่ามาก พอเห็นอิฐดีๆ แล้ว ก็ไม่ได้อยากรื้อกำแพงนั้นอีกต่อไป
1
พระอาจารย์พรหมสรุปเรื่องราวที่ได้เรียนรู้จากกำแพงอิฐนี้ว่า คนที่มีปัญหาในชีวิตก็เพราะตามองแต่อิฐสองก้อนที่ไม่ดี และเพ่งแต่สองก้อนนั้นตลอดเวลาจนไม่เห็นสิ่งดีๆอื่นๆ พอเราเห็นแต่อิฐสองก้อน ก็จะเห็นว่าโลกนั้นไม่ดีไปหมด คนที่อยู่กับเราที่เป็นอิฐดีๆในชีวิตก็ได้รับแต่ความคิดด้านลบจากเราไปอีกด้วย จนบางทีเผลอตัวไปทุบกำแพงที่ดีนั้นไปจริงๆ
3
เราทุกคนย่อมมีอิฐที่ไม่ดีและอิฐที่ดีอยู่ แต่อยู่กันมาถึงตรงนี้ และผ่านอะไรกันมาเยอะ อิฐที่ดีย่อมมีมากกว่าอิฐที่ไม่ดีอย่างแน่นอน (คนที่อิฐไม่ดีเต็มกำแพง อิฐดีมีนิดเดียวก็มีนะครับ เรื่องนั้นคงต้องทบทวนตัวเองกันไป) รุ่นน้องผมนี่น่าจะประมาณกำแพงนี้เลย คือมีสองจากพัน คนรักเยอะมาก
3
ก็บอกเขาว่าเพียงแค่พอเริ่มรู้สึกว่าตาสลัดไม่หลุดจากอิฐสองก้อน ก็ขอให้เดินถอยห่างออกมาหน่อย แล้วพยายามมองทั้งกำแพง เราก็ยังคงน่าจะเห็นกำแพงที่แข็งแรงและอิฐส่วนใหญ่ที่เรียงอย่างเป็นระเบียบ และเริ่มเห็นอิฐสองก้อนนั้นเล็กลง หรือแทบจะไม่เห็นอีกเลย
และพอเริ่มเห็นกำแพงและอิฐส่วนใหญ่แล้ว กำแพงรวมๆก็สวยไม่เบา อย่าลืมชมกำแพง ชมอิฐก้อนอื่นๆ บ้าง รับรองได้ว่าวันที่หงุดหงิดใจจะกลายเป็นวันที่ดีของเราได้อย่างง่ายๆ เหมือนเรื่องราวของพระอาจารย์พรหมและแขกผู้มาเยือนในเรื่องนี้ ผมบอกรุ่นน้องคนนั้นไปอย่างนั้น เขาก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสบายใจ
2
ไม่ว่าใครก็จะต้องมีอิฐที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกใจในชีวิตเสมอ ผมเองก็มีอิฐสองก้อนจากหมื่นก้อนในชีวิตเช่นกัน เมื่อไหร่ที่เผลอไปจ้องนานหน่อยก็จะนึกถึงเรื่องของพระอาจารย์พรหม พอนึกได้แล้วก็ถอนออกมามองกำแพง พอเห็นกำแพงก็ทำให้เราตระหนักถึงอิฐที่ดี ที่สมบูรณ์เป็นส่วนใหญ่ รู้สึกขอบคุณอิฐก้อนอื่นๆที่มีในชีวิต มองเห็นอิฐสองก้อนตามขนาดที่มันควรจะเป็นเมื่อเทียบกับกำแพง
แล้วพอมองกำแพงใหญ่ของเราสูงตระหง่านดูสวยงามแข็งแรง ชีวิตก็ดูจะรื่นรมย์ไม่เบา ก็ต้องฝึกต้องเตือนตัวเองบ่อยๆ ให้หัดมองกำแพงเสียบ้าง เพราะไม่งั้นสัญชาติญานดิบของเราจะชอบพาไปให้เขว ให้มองแต่ของไม่ดีร่ำไปเลยนะครับ…
โฆษณา