3 พ.ค. เวลา 09:10 • ปรัชญา

ถึงเรา ..ก็มีอย่างนี้เอง เกิดดับทุกวันทุกเวลา แต่เราไม่สังเกตเองว่า มันก็มีกรรมดีกรรมชั่ว

มันก็ปนกันอยู่อย่างนี้ เราเลือกไม่ได้ เพราะจิตเรายังไม่ละเลยพอ เมื่อวานนี้อยู่ที่โน้นอยู่ที่นี่ มันก็เปลี่ยนไป ขันธ์ห้เราก็เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการศึกษาขันธ์ห้า มันก็เป็นเรื่ิองของอารมณ์กรรมต่างๆ
สมมุติว่าเราอยู่สถานที่ อีกที่หนึ่ง รูปร่างเราเป็นอย่างนี้ อารมณ์เราเป็นอย่างนี่ เราไม่คิดถึง..แล้วมันก็หายไป
คราวนี้ สิ่งไหนที่เป็นเนื้อนาบุญของเรา เป็นบารมีของเรา เราก็ได้รับสิ่งนั้น นึกให้เกิดเป็นเรื่องธรรม เรื่องกรรมนี่นะ มันก็รูปร่างมา มันก็เป็นกรรม จิตของเราก็เข้าไปอยู่ในเรือนกายแบบเป็นกรรม
เพราะฉะนั้น การที่ ..เหมือนกับเรามีกรรมมาก มีหนี้สินอย่างนี้ แต่บังเอิญเรามีโชคมีลาภ ก้อนหนึ่ง ก้อนใหญ่ สามารถโละสิ่งนั้นออกไปได้ แล้วยังเหลือเก็บไว้ใช้ไว้กิน นาบุญของเราก็เหมือนกัน บุญกุศลที่เรากระทำ ที่เรากระทำกรรมต่างๆ เราสร้างบุญสร้างกุศล เราก็ไปโละหนี้ ถ้ามีแต่มีโชคน้อยเหมือนมีหนี้สินมาก เราก็ชำระได้น้อย ก็บรรเทาไป ไม่เดือดร้อนมาก
ถ้าไม่มีเลย มีโชคมีลาภ ที่หาเงินมาใช้หนี้เค้าไม่ได้ หนี้ก้อนนั้น ก็เพิ่มพูนเพิ่มขึ้นๆ ทั้งต้นทั้งดอก เพิ่มขึ้นไปเรื่อย จนท่วมหัวท่วมตัว กรรมก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ทำบุญทำทาน สร้างกุศลบารมี เราจะลดละกรรมได้อย่างไร หนี้สินของเราที่มีอยู่ เราก็ไม่สามารถใช้หนี้เค้าได้
บังเอิญ เราสร้างบุญสร้างกุศลบารมีมากขึ้น เหมือนเรา. เราก็มีโชคไปใช้เค้ามากขึ้น..ไปตัดกรรมได้มาก แล้วในที่สุด เราก็อาจจะมี..ปฏิบัติได้ดี ..จิตเฉย ..จิตนิ่ง ..มันก็ใช้หนี้เค้าได้หมดเลย ก็เหลือนอกนั่นเราก็ต้องมา ..บุญบารมีเค้าก็ดูแล ทำอะไรได้เท่าไหร่ ..ได้เท่านั่น เพราะเรารู้แล้วว่า ..ทำสิ่งนี้ ไปเป็นเนื้อนาบุญ หรือ เป็นทุนของเรา มากขึ้นๆ แล้วทำให้ สามารถมองเห็นว่า ..เหมือนกับมีเงินมีทอง ควรจะไม่ต้องทำล่ะ อยู่เฉยๆ ก็มีกินไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกับ
บุญบารมี..เมื่อเราทำถึงที่ เราอาจจะไปพักอีกระยะหนึ่ง แล้วก็มาสร้างบุญบารมี•มากขึ้น แล้วสามารถจะแก้ไขเรื่องราวต่างๆได้หมด เราก็ไม่ต้องมาสร้างบารมีอีกแล้ว ยุติสร้างกรรม สร้างบารมี แต่นี่เรายังอยู่หมุนเวียน เปลี่ยนไปเรื่อย
การที่ให้ศึกษา ให้อยู่ ให้อยู่ตรงนี้ เรามีใจ..จิตใจอีกแบบหนึ่ง ไม่ได้สร้างกรรม สร้างความดีให้กับตัวเอง จะไปอยู่อีกที่หนึ่ง ต้องคิดโน้น คิดนี่.วุ่นวายไปหมด อม้แต่จะเดินเหินไปที่ไหน มันก็ต้อง ระมัดระวังตัว กลัวจะหกล้มหกลุก มีอันตรายเกิดขึ้น ..
ไม่มีสิ่งไหน ที่จิตจะไม่ได้รับกรรม ไม่มีที่ไหน ..ที่ใครจะมาห้ามเรามสร้างบุญบารมี ใแล้วมันอยู่ที่ การตัดสินใจ การมองเห็นเรื่องราวต่างๆ ถ้าเรามีทุนมาก เราก็สามารถลงทุนได้ อย่างนี้ ..เรามีทุนแล้ว บุญบารมีเค้ามาแล้ว เดี๋ยว..ก็มาลงทุนสร้างบุญบารมีเพิ่มขึ้นๆ วันหนึ่งข้างหน้า เราก็ไปตัดกรรมทั้งหมดได้ นั่นคือ สิ่งที่เปรียบเทียบ เปรียบเทียบที่เรา สามารถแก้ไขเรื่องราวต่างๆได้
ในชาตินี้ ..เรายังไม่หมด แต่ทุนรอน เรามีเยอะแล้ว ชาติหน้า เราก็สามารถมาแก้ไข ไม่ใช่มาสร้างกรรมบุญ สร้สงกรรมกันต่อไป
นี่มีเรื่องบุญ ไปจากกรรม แล้วสร้างบารมี หนีกรรม กาลข้างหน้า การเกิดแก่เจ็บตาย มันก็สามารถจะตัดเรื่องราว ชอง..ไม่ต้องมีกาย ขึ้นมาได้
นี่แหละ สิ่งที่เราสะสมบุญกุศลบารมี ต้องมองให้ไกลๆ แล้วมองว่า มีประโยชน์ต่อจิตมากน้อยแค่ไหน ต้องมองให้ละเอียด แล้วถึง…อ้อ..มันมีความสำคัญ ต่อจิตของเราน่ะ ไม่ใช่มีความสำคัญกับอารมณ์กับโลก ถ้ามีร่วมกับโลก มันก็ ..กลับหมุนไปอยู่ที่เก่า เราไม่ได้อะไรเลย เราจะทำบุญเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ เพราะมันหนี ..กนีกรรมไม่ได้ ไม่สามารถจะไป มีเงินมีทองใหม่่ ที่จะไปลงทุน เป็นผลประโยชน์แก่เรา
ฉะนั้น เรามา ..มองแล้วว่า มีประโยชน์ต่อจิตของเรา ที่จะไปลงทุนแก้ไขอะไรต่างๆ นั่นแหละ การที่มาวันนี้ มาสะสมบุญกุศล ใครมองเราว่า ไม่เหมือนกันมีประโยชน์อะไรเลย ..มันก็เหมือนกัน แต่เค้าไม่รู้ว่า จิตของเราได้รับอะไร ได้พึ่งพาอะไร จากเหตุผล เพียงแต่คำเดียว ก็สามารถที่จะ..ใช้หนี้เค้าได้มากขึ้น
แต่ถ้าเราไม่มีอะไรเลย เราจะเอาอะไรไปใช้หนี้เค้า เค้ามาท่วงเราทุกวัน ไม่มีวันหยุด จนกว่าเราจะตาย ตายแล้วเกิดขึ้นมาใหม่ ก็มาท่วงอีก เพราะหนี้สิน มันยังไม่หมด จนกว่าเรา ..จนสามารถที่จะใช้แล้ว ตั้งเนื้อตั้งตัวเราได้ คือ..จิต ที่ตั้งเป็น ..อยู่ในศีลในธรรม คือ พระที่ว่า ศีลห้าครบถ้วน จิตที่เป็นสมาธิขึ้น ..ที่สามารถจะตัด เอาแสงไปตัดสีที่เป็นกรรม ที่เราสร้างกรรมออกม่ได้ นั่นแหละ วันหนึ่งข้างหน้า มันก็ต้องเกิดขึ้น ชาตินี้ไม่ตื่น เราก็สะสมไปแล้ว มีสีดแล้ว หามีดได้แล้ว เราก็สามารถตัดได้
นี่ทุกคน ไม่พยายามหา บางทีมีมีดขี้เทอะ มีแล้วเอาไปโยนทิ่งมากมายก่ายกอง ขอให้เดินทางไป มีแต่ความสุข เดินทางไป มีธรรมรักษาจิตตลอด สาธุ สาธุ สาธุ
โฆษณา