4 พ.ค. เวลา 15:17 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิว April, Come She Will เมษายน พาใครบางคน กลับมา…

หลังๆพอมาดูข่าวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว มันก็เหมือนการตั้งคำถามแบบอ้อมๆ เหมือนกันนะครับ ว่า เอ๊ะ คนบ้านเค้า ไม่อยากมีครอบครัวกันเหรอ?
ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ ก็เหมือนจะ “ใช่”ครับ เทรนด์ของหนุ่มสาวแดนปลาดิบยุคนี้ คือไม่ได้มองเห็น ว่าการแต่งงานจำเป็นขนาดนั้น ฝั่งชะนียุ่นทั้งหลายมองว่า การแต่งงาน = สร้างขีดจำกัดในการทำสิ่งที่ชอบ ส่วนฝั่งชายแทร่เลือดซามูไรนั้น คือ สูญเสียความคล่องตัวทางการเงิน (ที่มา https://www.nippon.com/en/japan-data/h01864)
ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ มันก็ดูมีน้ำหนักพอกับสังคมยุคนี้จริงๆแหละ ครับ อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย
และจากสถานการณ์แบบนี้ มันก็คงเป็นที่มาเล็กๆของหนังเรื่องนี้เหมือนกันครับ 'คาวามูระ เก็งกิ' ผู้เขียนหนังสือนิยายเล่มนี้ และหนึ่งในทีมเขียนบท ของหนังคงหยิบจับ ประเด็นต่างๆเหล่านี้ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่มันจับต้องได้มากๆ จนเป็นหนังเรื่องนี้ครับ
จากประสบการณ์ดูหนังญี่ปุ่นมาหลายเรื่อง คิดว่าหนังญี่ปุ่น มันจะพล็อต แบบ Cliche เช่น ความเรียลปนแฟนตาซี แทรกดราม่า แล้วก็น้ำตาแตกตอนท้าย (เช่น Be with you หรือ I will date with yesterday you)
หลังๆ ผมเลยจับทางได้ (คือต่อให้จับทางได้ ก็อินอยู่ดี) กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่ผิดคาดที่ผมไม่ได้เจอความแฟนตาซีดรามาแบบนั้น
หลังๆ ผมเลือกดูหนัง จากแค่ชื่อ และโปสเตอร์ (เพราะคิดว่าถ้าดู Trailer = โดนสปอยไปหน่อยนึง) เลยเข้าโรงไปดูโดยที่รู้อะไรใดๆ เลย คิดว่าแค่ดูดารา ก็ดึงดูดมากพอ เพราะ Satou Takeru กับ Nagasawa Masami ก็เบอร์ใหญ่มากละ ส่วน Mori Nana นี่ไม่รู้จัก (เพราะเป็นรุ่นใหม่ๆ ลุงอย่างเราตามวงการไม่ทัน)แต่หน้าน้องคือไทป์ไอดอลรุ มาก น่ารักจริง
รีวิวแบบไม่สปอยทั้งหมด
หนังคือสะท้อนความ “เรียล” ของความสัมพันธ์ของคนยุคนี้จริง
ขออนุญาตเกริ่นสั้นๆถึงเรื่องราวของหนังสักหน่อย หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของพระเอก จิตแพทย์หนุ่ม ฟูจิ ที่กำลังจะแต่งงาน กับสัตวแพทย์หญิงยาโยอิ แต่วันนึงฟูจิ ได้รับจดหมายจากฮารุ รักครั้งแรกของเขา พร้อมกับรูปถ่ายที่ ฮารุส่งมาจากที่ต่างๆทั่วโลก ยาโยอิรับรู้ อยู่แล้วว่าแฟนเก่าของฟูจิส่งจดหมายมาหาเขา… แต่พอถึงเดือนเมษา ยาโยอิกลับหายไปจากฟูจิ ทำให้ฟูจิ ต้องหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของเขากับยาโยอิ
หนังย้อนไปถึงรักครั้งแรกของฟูจิ ช่วงที่หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ของฟูจิกับฮารุ หนังจะพูดถึง Passion ความฝันที่ทั้งคู่มีด้วยกัน อยากทำสักอย่างด้วยกัน ถึงมันจะดูเล็กน้อย แต่แค่ได้ฝันด้วยกัน มันก็คือดูมีความสุขมาก และจุดจบของความสัมพันธ์มันก็จบลงด้วยเรื่องคลาสสิค เออ เรื่องนี้มันก็ทำให้เราไม่ได้เดินต่อ แต่ความรักครั้งนั้นก็จะเป็นความทรงจำสีจางๆ แบบถูกบันทึกไว้ในแผ่นฟิล์ม ต้องล้างฟิล์มแล้วถึงจะระลึกได้คนคนนั้นก็จะยังอยู่เสี้ยวนึงของหัวใจ เป็นเรื่องราวที่อบอุ่น มีพลัง และความฝัน
แต่พอมาถึงคนรักปัจจุบันอย่างยาโยอิ จากความเป็นหมอและผ่านประสบการณ์กันมาแล้ว จุดเกิดของความสัมพันธ์มันไม่ใช่เพราะแค่เรามีความสนใจร่วมกัน แต่กลับกัน มันเริ่มจากประสบการณ์ที่ผ่านมาร่วมกัน ยาโยอิ เข้าใจธรรมชาติของความรักและรู้ว่าตลอดไปมันไม่มีจริง วันนี้รัก พรุ่งนี้เลิก แต่สิ่งที่อยากฝืนมันคือ แล้วคือต้องทำยังไง ให้มันไม่ถึงจุดจบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่ได้ดูอบอุ่น แต่เหมือนอยู่ในที่สงบ เยือกเย็น แต่ปลอดภัย และมันไม่ใช่ความทรงจำสีจางๆ แต่คือ ภาพที่เดินต่อไป แบบวีดีโอ 4K Live ที่สตรีมไปเรื่อยๆ
สิ่งที่หนังทำได้ดีมากๆคือ ดึงอารมณ์ของผู้ชมได้ให้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้ง่ายจริง เพราะเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ส่วนนึงต้องให้เครดิตกับนักแสดงจริงๆ เพราะ Sato Takeru คือแสดงบทที่เหมือนเป็นคนที่เติบโตขึ้นในช่วงวัยรุ่น และ วัยทำงาน มีความแตกต่างในบุคลิกที่ดูเติบโตขึ้น แต่ก็ยังแสดงความซึน ส่วน Nagasawa Masami มีเสน่ห์มาก กับคาแรคเตอร์นี้ เธอเป็นคนที่แสดงให้เห็นว่าทำไมความรักมันทำให้เราต้องเสียความเป็นตัวเองยังไงบ้าง ความสุขจากการมีความรักเกิดขึ้นตอนไหน และมันจะจบลงยังไง
ที่ขัดใจนิดนึงคือ น้อง Mori Nana คือน้องหน้าเด็กมากๆๆ และน้องก็เด็กจริง (เกิดปี 2001) พอเห็นน้องมาเล่นกับพระเอก วัย 30+ มันเห็นชัดดดด แบบว่าไม่มีทางจะเป็นรุ่นน้องท่ีห่างกันไม่กี่ปี แน่นอน ฮ่าๆๆ และน้องแสดงความใส ไปทุกซีนที่น้องโผล่มา (คือเล่นบทม.ปลายก็เชื่ออ้ะ) แต่พลังการแสดงของน้องคือดีมาก น้องคือ Shine ตั้งแต่ฉากแรก ในเรื่องที่น้องควรจะเป็นแค่ความทรงจำสีซีดๆในความคิดพระเอก แต่การมีน้องมาคือความทรงจำนั้นมันเข้มขึ้นมาเรื่อยๆ จนแจ่มชัด คือ ทำให้โทนหนังมันมีชีวิต ชีวา และน่าติดตามตลอด 110 นาที
อีกสิ่งหนึ่งคือ งานภาพ คือสวยมาก Locationแต่ละที่คือ Mood and Tone ที่ทั้งเยือกเย็น อบอุ่น และสงบนิ่ง เหมือน reflect ความสัมพันธ์ของมนุษย์แหละ (อยากให้ไปดูเองว่ามันสวยขนาดไหน) มันเป็นหนังที่เหมือนดึงเรา boost เราให้ลองออกไปตามหาความฝัน หรือ ออกเดินทางแบบ “The secret life of Walter Mitty” แต่ ผสมกับความพยายามต่อสู้เพื่อความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง แบบที่เราเห็นใน
“500 days of summer” หรือ “Eternal sunshine of the spotless mind” ไปๆมาๆ ความรู้สึกจากหนังเรื่องนี้คือมันท่วมท้น มันเหมือนน้ำตาจะไหลแต่ก็แค่เอ่อมาที่ตา มันเหมือนจะเศร้าก็ไม่เศร้า จะสุขก็ไม่สุขครับ
อีกอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เพลงจบของ Michi Teyuku โดย Fuji Kaze คือ สะท้อนทุกอย่างที่เป็นความรู้สึกจากหนังเรื่องนี้ หลังจากที่หนังจบ ผมก็สังเกตว่าแทบไม่มีใครลุกออกจากโรงเลย เพราะทุกคนรออ่านคำแปล ของเพลงนี้ และมันตอบความรู้สึกทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ คือ Overflowing จริงๆ ครับ ผมชอบประโยคนึงในเพลงนี้และมันก็เหมือนเป็นสิ่งที่หนังตั้งคำถามคือ…
“無駄にしてた"愛"という言葉
今なら本当の意味が分かるのかな”
been misusing the word "love"
are we now aware of its true meaning?
แล้วทุกท่านล่ะครับ ความหมายของความรักของคุณคืออะไรครับ?
โฆษณา