8 พ.ค. เวลา 03:00 • ความคิดเห็น

การก้าวผ่าน "ภาวะสิ้นยินดี"

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เรามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ “ภาวะสิ้นยินดี” ถ้าใครสงสัยว่ามันเป็นยังไงนะหรอคะ ถ้าจะให้เราอธิบายแบบตามที่เราเข้าใจคือ “ไม่เอาอะไรอีกแล้วในชีวิต” ไม่ว่ามีความรู้สึกอะไรรอบตัวทั้งในเรื่องดีและไม่ดี เอาจริงๆเลยคือ ชินชากับการดำดิ่ง เหมือนจะพ้นออกจากหลุมดำในจิตใจแล้วแต่พอร่วงหล่นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งมันน่ากลัวมากเพราะมันเป็นความรู้สึกที่พร้อมตายได้ตลอดเวลา
ในช่วงที่เรารักษาโรคซึมเศร้าเราก็เคยอยู่ในสภาวะแบบนี้เช่นกัน จุดเริ่มต้นคือในช่วงสองอาทิตย์แรกที่ไปรักษาคือมันเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีมาก ซึ่งพอรักษาไปสักพัก มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต แต่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเรื่องที่ดีที่เกิดชีวิตของเราเลย จนไม่รู้สึกว่าการรักษามันดีขึ้นแล้วจะรักษาไปทำไม นั่นคือสิ่งที่เราคิด
สิ่งแรกที่เราทำต่อมาคือการหยุดยา แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีและมันไม่ได้ช่วยทำให้ดีขึ้น แต่พอกลับไปทานยาต่อมันก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย จนเราเริ่มชินกับการที่เราเป็นที่เป็นแบบนี้แต่ยังคงไปรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่อง แต่อันจริงสิ่งที่เราควรรักษาคือจิตวิญญาณการมีชีวิตอยู่ เพราะมันคือตัวการสำคัญให้เราก้าวข้ามภาวะนี้มาได้
ที่เราได้บอกว่าการมีภาวะสิ้นยินดี มันคือการพร้อมตายได้ตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการปลงและรับมือได้เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคือจิตใจของคุณเข้มแข็งและรับมือกับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตทั้งดีและร้ายได้ แต่ของเรามันไม่ใช่แบบนั้น ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีสถาการณ์ หรือเหตุการอะไรมากระทบจิตใจนะคะ แต่เราเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความตายมากขึ้นเลย ไม่ว่าจากการดูหนัง ซีรีย์ ว่าถ้าโลกเราเกิดเหตุการณ์โลกแตก หรือภัยพิบัติจะทำยังไง แล้วถ้ามันเกิดจริงมันน่าจะดี ชีวิตของเรามันจะไม่ได้มาวนลูปแบบนี้
ตอนออกไปเที่ยวพักผ่อนเดินห้างที่ไม่ได้รู้สึกดิ่งรู้อะไรเลย แต่พอมองไปที่สะพานในช่วงค่ำที่มีรถวิ่งผ่านในตอนแรกเราชื่นชมว่ามันสวยดี แต่อยู่ดีๆเรากลับคิดว่า “โดดไปดีมั๊ยนะ โดดไปจะตายมั๊ยนะ ความตายมันเป็นยังไงกันนะ” แน่นอนทุกคนบอกได้ว่ามันคือความคิดที่แว่บเข้ามาชั่วขณะ แต่มันไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว มันเริ่มเกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นและเป็นบ่อยครั้งขึ้น
ครั้งนึงมันก็ขึ้นขณะที่เราทำกับข้าวกำลังหั่นอาหาร เรากลับคิดว่าถ้าใช้มีดแทงตัวเองมันจะเจ็บแค่ไหนกันนะ ซึ่งมันไม่ได้ดูเป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกันได้เลยใช่มั๊ยคะ และมันก็เริ่มเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จนวันนึงที่เราเกิดเรื่องที่เรารับมือไม่ไหวจนทำร้ายร่างกายตัวเอง ในตอนแรกเราก็คิดว่าเออมันก็คงแค่ครั้งเดียวอารมณ์ชั่ววูบแต่มันไม่ใช่เลย เราเลือกมันทุกครั้งในการระบายความรู้สึกเศร้าของเราออกมา เพราะเราไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้แต่มันเจ็บ มันทรมานจนเลือกแบบนี้และเราได้มีการบอกคุณหมอและปรับการนัดที่ถี่ขึ้น จนเราไม่ได้เสพติดการทำร้ายร่างกายตนเอง แต่เรากลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเรามันตายไปแล้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้มันแค่เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินไปเท่านั้น
พอคุณหมอได้ยินเราบอกไปแบบนั้น คุณหมอถามว่า “ความสุขของเราคืออะไร” เรานิ่งเงียบไป คิดแล้วคิดอีกแต่ก็หาคำตอบไม่ได้ จนคุณหมอบอกกับเราว่า “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นมาถามใหม่ว่าเราชอบทำอะไร” พอคุณหมอเห็นเราที่ทำหน้าครุ่นคิดว่าเราชอบทำอะไร อยากทำอะไร คุณหมอก็บอกว่า “ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ค่ะ เอาไว้เป็นการบ้านมาตอบคราวหน้านะคะ”
เชื่อมั๊ยคะว่า ประโยคนี้มันส่งกับเรามาก เพราะเวลาเราอยู่คนเดียวจริงๆ เรากลับคิดว่า เออ เราชอบอะไรวะ เราอยากทำอะไร เราคิดไปหลายเรื่องมาก จนเราได้รู้ว่า เรื่องที่เราทำมาตลอดชีวิต แม้กระทั่งตั้งเป้าหมายในชีวิตมันไม่ใช่ความต้องการของเราและพอมันไม่สำเร็จเราก็ไม่มีความสุข และพอพยายามหลายครั้งแล้วมันไม่สำเร็จมันก็ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่มีแรงที่อยากจะสู้ต่อแล้ว
แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นที่จะไปเริ่มต้นใหม่ เรียนใหม่ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและเงิน มันดูสิ้นหวังใช่มั๊ยคะ แต่จริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ เพราะในระหว่างที่เรานึกย้อนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เรากลับจำได้ว่าเราชอบสิ่งนี้มากนะ และเราไม่ได้ทำมานานมากแล้วเป็นทศวรรษได้ ซึ่งก็คือ “การอ่านหนังสือ”
ย้ำนะคะว่าไม่ใช่หนังสือเรียน เพราะเราเรียนในสาขาที่ไม่ชอบและต้องอ่านหนังสือหรือตำราเยอะจนรู้สึกว่าจะอ่านหนังสืออื่นไปอีกทำไม เราเกลียดการอ่านหนังสือ ซึ่งจริงๆเราไม่ได้เกลียดการอ่านหนังสือ เราแค่ต้องอ่านในสิ่งที่เราไม่ชอบเท่านั้น พอคิดได้แบบนั้น วันรุ่งขึ้น เราไปร้านหนังสือเลย ไปเลือกหนังสือที่อยากอ่าน และเราก็แทรกกิจกรรมที่เราชอบให้เราได้ทำในทุกๆวัน หรืออย่างน้อยในสัปดาห์นั้นต้องทำ
มันมากไปกว่านั้นอีกคะ เราพบว่าเราอยากลองทำเพจตั้งนานแล้ว เพราะชอบแต่งหน้า ซื้อของ ป้ายยาคนรอบข้าง แต่ไม่กล้าทำ เลยตัดสินใจทำเพจ แต่เพจที่ทำคือเพจ “SavageDysthymia” ซึ่งตอนนั้นเราแค่รู้สึกว่าโลกนี้มันไม่พื้นที่ให้เราอยู่เลย เราเลยสร้างเพจนั้นเป็นโลกของเรา ไว้เราประสบการณ์โลกซึมเศร้า กับสิ่งที่เราอยากบอก ซึ่งต่อมานะ เราได้ทำ Podcast ได้สัมภาษณ์ในนิตยสารชีวจิต กับรายการวิทยายุ คือเราไม่ได้เงินกับการทำสิ่งที่เราชอบเลยนะ แต่เรามีความสุขมาก มาก แบบ ก ล้านตัว
สิ่งนั้นมันเป็นสำคัญและกำลังใจให้เราก้าวข้ามผ่านมาได้ จิตใจเรามันไม่ได้ตายด้านกับชีวิต มันไม่ได้มีชีวิตอยู่เพราะแค่หัวใจยังคงทำงาน แต่มันเป็นเหมือนความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเราเลย เราอยากมีชีวิตที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แม้จะไม่ได้ทำทุกอย่างที่ชอบแต่การได้ทำในสิ่งที่ชอบบ้างมันก็เป็นพลังที่ช่วยให้ความเข้มแข็งกับจิตใจ แม้ว่าชีวิตมันจะไม่ได้เป็นดั่งที่หวังหรือตั้งใจไว้
แต่ว่าหลังจากที่เรากลับมาทำงาน การแบ่งเวลาทำสิ่งเหล่านี้ก็น้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ได้ทำเลย จนเรามีเหตุการณ์การแมเนีย (Mania) รอบล่าสุด กลับทำให้เราได้คิดว่าตอนนี้จิตใจเราส่งสัญญาณแล้วว่ามันไม่โอเคมากๆแล้วนะ ดูแลหน่อย ใส่ใจกันบ้าง เราถึงได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ชอบอีกครั้ง แต่ไม่ได้ทำในเพจเดิมเพราะลืมรหัสผ่านทุกอย่างเลย 5555 โชคดีว่าโลกสมัยนี้มันยังมีพื้นที่ให้เราได้จับจองโดยไม่เสียเงิน ซึ่งก็คือพื้นที่ทางออนไลน์เนี่ยแหละคะ ^^
ถ้าเพื่อนๆคนไหนที่กำลังรักษา หรือ กำลังคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะสิ้นยินดี หรือ กำลังอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือไม่ว่าจะอยู่ในสถาการณ์อะไรก็ตามที่รู้สึกว่าจิตใจมันไม่ไหว
สิ่งเราบอกทุกคนนะคะ คือ "เวลามันจะเยียวยาทุกอย่างเอง แต่คนที่จะทำให้เวลามันได้เยียวยาคือตัวคุณเองนะคะ" ลองกลับไปนึกทบทวนดูนะคะว่า เราชอบทำอะไร อยากทำอะไร ถ้าสิ่งที่เราชอบหรืออยากทำนั้นมันยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้เพราะมีเหตุปัจจัย อยากบอกให้รู้นะคะว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวค่ะ เราก็เป็น
สิ่งที่เราอยากทำคือ การอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงาน ใช้ชีวิตแบบวันๆออกไปกินของอร่อย ซื้อของเล็กน้อย กลับมาบ้าน เราแต่สิ่งที่เราชอบและอยากทำเท่านั้น แต่ติดอย่างเดียวติดเรื่องเงินค่ะ เราก็หวังอยู่ตลอดนะคะว่าวันที่ 1 กับ 16 ของทุกเดือน เราจะทำความฝันนี้สำเร็จ 555 แต่แม้ว่าสิ่งที่อยากทำจะไม่สามารถทำตอนนี้ได้ แต่เราเชื่อว่ามันต้องมีสิ่งที่คุณอยากทำ ชอบทำ และสามารถลงมือทำในตอนนี้ได้ทันทีอย่างแน่นอนค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และก็ขอรับกำลังใจจากทุกคนที่ได้อ่านโพสต์นี้ด้วยค่ะ
ปล. ขอขอบคุณเจ้าของทวิต @Comfortsoul ด้วยนะคะ เห็นทวีตนี้พูดถึงเรื่องนี้ เลยได้มาเขียนโพสต์นี้ค่ะ
#depression #โรคซึมเศร้า #depressionhurt #mentalhealthmatters #heartrecage
โฆษณา