เอาท์ดอร์เซ็กส์ กิจกรรมเซ็กส์ที่ขัดใจคนไทย
เซ็กส์นอกบ้าน หรือเซ็กส์นอกห้อง จะเป็นเหมือนรถดูดส้วม ชนกับรถขยะทันที เมื่อคุณถูกจับได้ ดราม่าหลายแหล่จะโหมใส่ชีวิต ประหนึ่งคุณเป็นแกะดำตัวเดียว ในฝูงแกะขาวที่พูดอย่างเต็มปากว่า "ฉันไม่เคย"
จารีตประเพณีไทย สอนให้เราคนไทยรู้จัก ความสำรวม เรียบร้อยทั้งกาย วาจา ใจ รวมไปถึงเซ็กส์ ที่ต้องผนวกเข้ากับเรื่องต้องห้าม(กล่าวถึง) เพราะมันมิดี มิควร
แต่ในความเป็นจริง เราเป็นเช่นนั้นจริงเหรอ หรือมันเป็นเพียงกุศโลบาย ที่ใช้เป็นมาตรฐานในการสอนสั่งบุตรหลาน ให้พึ่งระวัง อย่าคิดประดิษฐ์ท่ายาก
คำถามคือ ปัจจุบันเราเห็นความหลากหลายทางเพศ ที่นับวัน ยิ่งแบ่งแยกกลุ่มย่อย หลายร้อยหลายพันกลุ่ม จนบางทีก็เริ่มเวียนหัว กับศัพท์ใหม่ ที่นักวิชาการบัญญัติขึ้น
เซ็กส์เอาท์ดอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งศัพท์ ที่ใครต่อใครเข้าใจได้ไม่ยาก อันหมายถึง กิจกรรมเข้าจังหวะ ระหว่างชายหญิง ในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ห้องหับมิดชิด อย่างที่ควรจะเป็น
แต่ก่อนแต่ไร ถามว่าคนไทยรู้จักกิจกรรมทำนองนี้ไหม หลายคนตอบทันใดว่า "ไม่เลย" วิถีเพศเหล่านี้ พึ่งจะแพร่หลายในบ้านเรา จากการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งก็แน่ล่ะ มันมากับสื่อสาร ผ่านมวลชน บ้างก็ผ่านมวลเชี่ยล
เรื่องนี้คงเหมือนการโยนบาปให้แพะ โยนความผิดให้อารยธรรมตะวันตก บอกว่า "เธอนั่นแหละ ที่เป็นคนทำให้ฉันเป็นแบบนี้" โดยที่ฝรั่งเอง ก็คงจะออกอาการมึนงง ในดงถนนข้าวสาร อยู่เล็กน้อยเหมือนกัน
หากเราย้อนไทม์ไลน์ นั่งไทม์แมชชีน กลับไปซักครึ่งศตวรรต จะพบว่า สิ่งที่เรียกว่าห้องนอน พึ่งจะถูกคิดค้น และนำมาใช้กับชีวิตคนสมัยใหม่ เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี่เอง
ก่อนนี้บ้านของเรา ชาวสยามส่วนมาก มักอยู่ในรูปแบบอาคารเอนกประสงค์เสียมากกว่า กล่าวคือ ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว หรือแม้แต่ห้องนอน มักจะรวมกันอยู่ในพื้นที่เดียว ต่างกันเพียงเวลา และจุดประสงค์การใช้งานเท่านั้น
ความสงสัยใคร่รู้ จึงผุดเป็นคำถามขึ้นมาว่า "แล้วแบบนี้ เวลาส่วนตั๊ว ส่วนตัว อยากฟิตเจอริ่ง จะทำยังไง" วิธีที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด คือพาลูก พาหลานเข้านอนแต่หัวค่ำ รอจังหวะหลับสนิท ค่อยคิดการใหญ่ .. แต่ก็นะ หลายครั้งก็เผลอหลับไปเองทุกที
แล้วถ้าหากเป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยล่ะ มีลุง ป้า น้า อา อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน หรือน้อยกว่านั้น อาจมีลูกชาย หรือลูกสาวที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น เด็กมันไม่นอนหัวค่ำกันแล้ว
ทางออกเดียวที่พอจะนึกออก คือ เซ็กส์เอาท์ดอร์ ปฎิบัติการลับ สะท้านท้องทุ่ง ท้องนา หรือป่าเขา ก็น่าจะบังเกิด แม้จะถูกสอนมา ว่ามันมิดี มิควรก็ตาม
ทฤษฎีเจ้าป่า เจ้าเขา คืออีกหนึ่งการเรียนการสอน ที่ถูกนำมาใช้ เพื่อป้องกันนางตานี กับพี่ตานัง มาแอบพลอดรักกัน โดยไร้ผู้ใหญ่สอดส่องดูแล
ย้อนกลับไป ไม่นานเกินร้อยปี การจีบสาวในยุคที่ไม่มีความเฟี้ยวฟ้าวอย่างในปัจจุบัน ฝ่ายชายจะต้องเข้าไปที่บ้านของหญิงสาว เพื่อพบปะ พุดคุย ซึ่งมักพบเห็นภาพเหล่านี้ได้ ในช่วงหัวค่ำ
แน่นอนว่าเธอและเขา ก็มีหัวใจ เราจึงได้เรียนรู้การขอขมา เมื่อสาวเจ้าตั้งท้อง (โดยไม่ได้ตั้งใจ).. เรื่องนี้สนับสนุนทฤษฎี เซ็กส์เอาท์ดอร์เหมือนกัน เพราะแต่ก่อนสมัยโบราณ มันไม่มีม่านรูด หรือรีสอร์ทให้นอนตากแอร์อย่างในปัจจุบัน
คำว่า "เซ็กส์" เริ่มเข้าสู่ประเทศไทย และเป็นที่รู้จักราวช่วง พศ. 2500 ชายที่พูดคำนี้ จะถูกมองเป็นพวกหมกมุ่น ลามก จก-กะ-เปรต ทันที
เช่นเดียวกัน หากเป็นผู้หญิง คำนี้จะส่งให้เธอกลายเป็นดาวเด่น ส่งแสงเจิดจรัส แต่ไม่ใช่ในแง่ที่ดี เป็นแง่ของหญิงสำส่อน ไม่รู้จักพอนั่นเอง
วันคืนล่วงเลย เวลาก็ผ่านไป ไวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซ็กส์ กลายเป็นคำที่ผู้คนรู้จักกันในวงกว้าง และลดระดับความรุนแรงของความหมายลงมา แต่มันก็ยังไม่ใช่คำที่น่าเอ่ยซักเท่าไหร่
"เซ็กส์เอาท์ดอร์" กลายเป็นคำผสม ที่ขัดต่อจารีตประเพณีไทย มันคือสิ่งไม่ดี ไม่งาม และไม่ควรทำ เหตุผลแรกคือมันขัดต่อคำสอน วัฒนธรรม จารีตของเรา เหตุผลอย่างที่สองคือ มันขัดต่อกฎหมาย (หากมีคนมาเห็น)
อันที่จริง คนไทยเราก็เชื่อฟังมาโดยตลอดนะ ส่วนจะปฎิบัติตามหรือไม่ คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเราค้นพบว่า มีคนอยู่หลายคนกลุ่ม ที่ใช้ความสุนทรีสไตล์นี้ ควบคู่ไปกับการดำรงค์ชีวิต
คนกลุ่มหนึ่งถูกเรียกว่า exhibitionists หมายถึง คนที่ชอบโชว์นั่นเอง การไปแสดงท่วงท่าลีลา ในสถานที่สาธารณะ จึงกลายเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง
มีข้อถกเถียงกันอยู่ไม่น้อยว่า มันเป็นความชอบเฉพาะกลุ่ม หรือมันเป็นโรคชนิดหนึ่งกันแน่ กล่าวคือ มีแนวโน้มหรือเปล่า ที่พวกเขาเหล่านั้น จะเข้าข่ายความผิดปกติทางจิต
กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่คล้ายกับกลุ่มแรก แตกต่างตรงที่ ไม่ได้ต้องการโชว์ความเด็ดสะระตี่ แต่ต้องการความตื่นเต้น ความสนุกเร้าใจ ยิ่งสถานที่เสี่ยงมากเท่าไหร่ ความเร้าใจยิ่งทวีคูณ
กลุ่มถัดมา เป็นกลุ่มของนักเรียน นักศึกษา หรือเยาวชน ที่ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง ในสถานการณ์ของหนุ่มสาว วัยกลัดมัน บางทีการหาห้องหับที่มิดชิด ก็เป็นอุปสรรคอยู่เหมือนกัน
ลำดับถัดไป เป็นการประกอบอาชีพลักษณะหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มตลาดล่าง ถามว่าทำไมต้องเอาท์ดอร์ คำตอบคือ เพราะเวลา และราคา บีบให้ต้องทำอะไรแบบนี้
ยังมีเซ็กส์ของชายแท้ ที่โลกไม่ต้องรู้ หรือเหล่าชายที่แอ๊บแมน ไม่สามารถประกาศก้องให้ใครรู้ได้ ก็มักเลือกสถานที่ประกอบการ "ต้มถั่วดำ" ในพื้นที่ ที่ไม่ใช่ห้องเหมือนกัน
เซ็กส์ซ่อนชู้ แม้จะดูแล้วกลุ่มนี้มักเลือกโรงแรม รีสอร์ท หรือม่านรูดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ต้องเอาท์ดอร์เพราะสถานการณ์บังคับ
กลุ่มสุดท้ายถูกเรียกว่า casual sex มันคือรูปแบบของการตระเวนมีเซ็กส์ ประมาณว่า ถ้าเจอก็เจอ ถ้าใช่ก็ใช่ เจอกัน สบตา ส่งสัญญาณ รู้กัน .. เมื่อเสร็จกิจก็แยกทาง ไม่ต้องจำหน้า ไม่ต้องรู้ชื่อ และไม่ต้องกลับมา
ถึงแม้บ้านเรา จะยังรู้สึกว่า เรื่องราวข้างต้น ยังไม่ได้เลวร้ายมากนัก คืออาจมีบ้าง แค่คนส่วนน้อย แต่ความเป็นจริง จารีตประเพณีของไทย ที่เคยสอนสั่งกันมา อาจถูกซ่อนไว้ด้วย เอาท์ดอร์เซ็กส์ ก็ได้
- 6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
