22 ม.ค. 2019 เวลา 11:40 • ธุรกิจ
ความเสี่ยงของ NETFLIX คือตัวเอง / โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงความเสี่ยงของธุรกิจ Netflix
หลายคนน่าจะต้องนึกถึง คู่แข่งในธุรกิจสตรีมมิ่งวิดีโอ
หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเข้ามาแย่งเวลาในชมคอนเทนต์
แต่จริงๆ แล้ว ความเสี่ยงของ Netflix ที่มากสุดในตอนนี้
อาจไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่กลายเป็นตัวของ Netflix เอง
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Netflix ได้ออกมาพูดถึงผลประกอบการและทิศทางในอนาคตของบริษัท
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/2018
รายได้ 132,932 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5% จากไตรมาสที่แล้ว
กำไร 4,252 ล้านบาท ลดลงถึง 66% จากไตรมาสที่แล้ว
ส่วนจำนวนสมาชิกผู้ใช้บริการ
ในประเทศสหรัฐอเมริกามีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1.53 ล้านคน มาอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านคน
ทั่วโลกยกเว้นสหรัฐอเมริกาจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 7.31 ล้านคน มาอยู่ที่ประมาณ 86 ล้านคน
เราจะเห็นว่ายอดผู้ใช้บริการ Netflix ก็ยังคงมีการเติบโตขึ้นอยู่
และในส่วนของรายได้เองก็มีการเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ถ้าเรามาดูในส่วนของกำไรกลับสวนทาง..
แล้วทำไมกำไรของ Netflix ถึงหดตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว?
สาเหตุหลักของเรื่องนี้มาจาก ค่าใช้จ่ายในการสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง (Netflix Originals)
ทุกวันนี้ Netflix ใช้เงินลงทุนกับคอนเทนต์ของตัวเองไปมากขนาดไหน?
ปี 2017 อยู่ที่ประมาณ 190,000 ล้านบาท
ส่วน HBO คู่แข่งของ Netflix กลับใช้เพียงแค่ 79,000 ล้านบาทต่างกันถึงประมาณ 2 เท่า
ถ้าคิดว่า Netflix ใช้เงินลงทุนในปี 2017 เยอะแล้ว เราอาจจะคิดผิด..
เพราะในปีถัดมา Netflix ได้ประกาศงบลงทุนในการสร้างคอนเทนต์เพิ่มเป็นกว่า 250,000 ล้านบาท
แล้วการลงทุนที่มากขนาดนี้จะกระทบต่อฐานะการเงินของ Netflix หรือไม่?
ถ้าเรามาดูหนี้สินระยะยาวของ Netflix ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ปี 2016 อยู่ที่ 190,000 ล้านบาท
ปี 2017 อยู่ที่ 300,000 ล้านบาท
ล่าสุดไตรมาส 3/2018 อยู่ที่ 310,000 ล้านบาท
และนอกจากนั้นทางบริษัทยังได้กล่าวว่า
ในส่วนของกระแสเงินสดอิสระ (Free cash flow) เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาคาดว่าจะติดลบสูงถึง 95,000 ล้านบาท
เรื่องนี้จึงทำให้สถานะการเงินของ Netflix มีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเองก็ได้เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา Netflix ได้ประกาศปรับราคาแพ็กเกจสมาชิกขึ้น 16% เพื่อให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้น
แพ็กเกจ ความละเอียด SD จะถูกปรับเพิ่มจาก 8 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 9 ดอลลาร์สหรัฐ
แพ็กเกจ ความละเอียด HD จะถูกปรับเพิ่มจาก 11 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 13 ดอลลาร์สหรัฐ
แพ็กเกจ ความละเอียด UltraHD หรือ 4K จะถูกปรับเพิ่มจาก 14 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 16 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยราคาที่ปรับใหม่นี้จะเริ่มทยอยใช้จนครบทั่วโลก
ซึ่งตอนนี้ได้เริ่มใช้ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งหมดนี้เองก็น่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกเราได้ว่า
Netflix กำลังใช้เงินจำนวนมากไปกับการสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง
จุดเด่นของ Netflix Originals คือ ส่วนใหญ่แล้วจะจำกัดช่องทางการฉายอยู่เพียงแค่ใน Netflix ที่เดียวเท่านั้น
ถ้าคอนเทนต์ที่สร้างมาประสบความสำเร็จ ผู้ใช้บริการก็อาจมีจำนวนเพิ่มขึ้น และตามมาด้วยกำไรที่เติบโตขึ้น
ในทางกลับกัน ถ้าคอนเทนต์ไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ใช้บริการของ Netflix ก็อาจจะไม่เติบโต
สิ่งที่ Netflix ลงทุนไปก็กลายเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับบริษัทแทน
เรื่องนี้จึงกลายเป็นเหมือนกับดาบสองคม
และเป็นความเสี่ยงที่ Netflix เป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง..
แล้วรายได้ของ Netflix เมื่อเทียบกับ HBO เป็นอย่างไร https://www.blockdit.com/articles/5bfe0ecf6571744e15071ad7
โหลดแอป blockdit ที่ blockdit.com
โฆษณา