Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มนุษย์กล่อง
•
ติดตาม
21 ก.พ. 2019 เวลา 05:03 • ไลฟ์สไตล์
แชร์ประสบการณ์ งบน้อยก็เป็นเด็กนอกได้ กับ โครงการ
Work and Holiday ประเทศ Australia 🇦🇺
ตอนที่ 2 เริ่มต้นการเดินทางและหาบ้านพักอาศัย
หลังโพสต์ที่แล้วเราได้แชร์เรื่องราวตัวโครงการไปแล้ว
ถึงเวลาออกไปเผชิญชีวิตแบบโลกไม่สวยกันค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
การเริ่มต้นของการเดินทางเริ่มจากการจองตั๋วราคาโปรโมชั่นแบบบินตรง กรุงเทพ-เมลเบิร์น (แบบขาไปเท่านั้น)
ที่เราเลือกไปเมลเบิร์นเพราะเป็นเมืองหน้าอยู่ติดอันดับโลกค่ะเลยอยากไปลองดู
จากนั้นก็ซื้อประกันเดินทางแบบรายปี บางบริษัทมีเป็นสำหรับวีซ่า WAH โดยเฉพาะด้วยนะคะ
เตรียมกระเป๋า ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า แลกเงิน ให้เรียบร้อย ก็พร้อมเดินทางค่ะ
เราเริ่มหาบ้านจากเว็บ ออสซี่ทิป ก่อนไป 1 สัปดาห์
บ้านที่เราได้เป็นห้องเดี่ยวแบบแชร์บ้าน เจ้าของบ้านเป็นพี่คนไทยคู่แฟน เขาน่ารักมากค่ะมารับเราที่สนามบินด้วย เวลาที่ตกลงกันไว้ประมาณ 10โมงเช้า เครื่องลงประมาณ 9โมง
แต่ปัญหาก็มาเยือนชีวิตเราตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินทางเลยค่ะ
เนื่องด้วยเที่ยวบินเราถูกเลื่อนไป 18 ชั่วโมง เครื่องเลื่อนไปออกตอน บ่าย 3 และถึงเวลา ตี 3 เวลาที่นั่น
และเนื่องจากตอนบินข้ามเขตเวลาไป (เวลาที่โน่นเร็วกว่าเรา 3 ชั่วโมง) ทำเรานอนไม่หลับและไม่ได้นอนเลย และบนเครื่องก็วุ่นวายมาก มีคนคุยกันตลอดเวลา และมีเด็กร้องไห้งอแง เป็นระยะๆ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้พัก
จนเราถึงสนามบิน เรานั่งเขียนใบเข้าเมืองอยู่กำลังงงเรื่องของที่ต้อง Declare ก็กากผิดกากถูก เลยไปหาใบใหม่มาปรากฎว่ามีใบที่ภาษาไทยด้วยจ้า เรานี่แบบ... แล้วฉันนั่งงมอะไรวะ
พอไปถึง ตม. ถามอีก มาคนเดียวหรอ จะมาอยู่นานมั้ย แล้วที่พักล่ะพักที่ไหน บ้านเลขที่เท่าไหร่
แล้วที่เลือกว่ามีของที่ต้อง Declare อ่ะ มีอะไรมาบอกฉันมาสิ
เรามียาสามัญประจำบ้านไปค่ะ ก็บอกไปว่าเป็น Personal medicine ตม. ถามต่อว่าเป็นยาอะไรบ้าง เราก็บอกไปเป็นยาแก้แพ้ แก้ปวดหัว แก้ปวดท้อง
ในใจนี่คือจะถามอะไรเยอะแยะ แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ
พอออกมาข้างนอก Bus เข้าเมืองยังไม่เปิดบริการ เราไปไหนไม่ได้เลย และเราตกลงกับพี่คนที่จะไปแชร์บ้านด้วยว่าเขาจะมารับ เราโทรไปจะให้เขามารับก่อนเวลาที่นัด แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์เลย เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอที่สนามบินจนกว่าจะถึงเวลานัด
Photography by J.Mahaudomchab
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอากาศหนาวเย็นอยู่มากค่ะ หนาวแบบเลขตัวเองตลอดวันเลย ก่อนเข้าบ้านพี่เขาพาเราไปซื้อของกิน เราก็ซื้อๆไว้ พอไปถึงบ้านเรากินอะไรไม่ลงค่ะ อาบน้ำนอนเลยเพราะไม่ได้นอนเลย
และอากาศก็หนาวมากที่บ้านมี Heater แบบรวม ซึ่งพี่เขาก็ไม่ค่อยเปิดให้ เพราะมันเปลืองไฟและค่าเช่าเรารวมบิล เราอาบน้ำก็หนาวปากสั่นกัดฟันจนปวดหัวเลยค่ะ พอนอนตื่นมาก็เย็นแล้วค่ะ ตื่นมาก็กินอะไรไม่ลง อยากอาเจียนมาก พยายามฝืนกินไป เวลานอนเราสลับกลางวัน กลางคืนอยู่ หลายวัน กว่าจะหาย เพื่อนบอกว่าอาการที่เราเป็นคือ Jet lag เราก็เพิ่งรู้ว่าเป็นแบบนี้หรอ 😅
เราอยู่กับพวกพี่ได้แค่อาทิตย์เดียวก็ย้ายออกค่ะ เนื่องจากติดเรื่องการเดินทาง ด้วยความที่ไปครั้งแรก เราก็ไม่รู้ทิศรู้ทาง บ้านที่ได้อยู่ชาญเมือง เรียกว่า zone 2 ซึ่งออกจากตัวเมือง Melbourne ไป 40นาที เดินทางโดยรถไฟสายเดียวเท่านั้น และตัวบ้านก็อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ 2 กิโลเมตร อยู่ห่างจาก Supermarkets 3 กิโลเมตร ทำให้เราลำบากในการต้องเดินเท้าออกไปขึ้นรถและซื้อของค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
ตอนที่ตกลงกันพี่เจ้าของบ้านเขาบอกว่าบ้านห่างจากสถานีรถไฟเพียง 10 นาที เขาบอกว่ามันไม่ไกลจากสถานี มี Supermarkets ด้วย
ซึ่งคือเขามีรถยนต์ขับมันก็เลยแปปเดี๋ยวไงค่ะ แต่ในความเป็นจริงเราเดินเท้าและต้องใช้เวลาถึง 20 นาทีกว่าจะไปถึงสถานีรถไป และต้องเดิน 30 นาที เพื่อไปหิ้วของกินมาตุนไว้ทำอาหารที่ Supermarkets
โซนที่เราอยู่ติดชายทะเล ทำให้ลมแรงมากเป็นพิเศษ ยิ่งลมแรงมาก ยิ่งหนาวมากค่ะ เราเดินกลับบ้านนี่หน้าชา ไมเกรนขึ้นทุกวันเลยค่ะ เราเลยทนไม่ไหว อีกอย่างถ้าเราจะออกไปทำงานยังไง มันลำบากมากค่ะ
เราจะโทษพวกพี่เขาก็ไม่ได้เพราะพี่ขับรถยนต์ตลอดคงประเมินระยะเวลากับระยะทางพลาดไป แต่เขาก็แฟร์กับเราตรงที่เขาบอกว่าเขาเข้าใจว่าบ้านเขาอยู่ไกลเลยขอให้แจ้งล่วงหน้า 1 อาทิตย์ ก่อนย้ายออกก็พอ เราก็แจ้งย้ายออกเลยค่ะ
และหาบ้านใหม่ในเว็บออสซี่ทริปเช่นเดิมค่ะ
เว็บ
http://www.aussietip.com
เป็นเว็บสำหรับหาบ้าน หางานของคนไทย ในเมลเบิร์นค่ะ
ระบบการแชร์บ้านที่ออสเตรเลียเป็นแบบนี้ค่ะ
ทุกอย่างคือแชร์บ้านหมด แตกต่างกันตรงที่ ห้องนอนส่วนตัวคนเดียวหรือห้องนอนแชร์
ค่าเช่าคิดเป็นราย week จะรวมบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าแก๊ส หรือไม่ตามตกลงกัน
มีค่ามัดจำบ้านและเงื่อนไขการอยู่ขั้นต่ำ และต้องแจ้งออกล่วงหน้าด้วยค่ะ
อันนี้ก็ตามแต่เจ้าของบ้านกำหนดอีกเช่นกันค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
ถ้าอยากเดินทางสะดวกก็อยู่ในเมืองมี Free Tram Zone คือเดินทางในเมืองฟรี แต่ราคาห้องนอนส่วนตัวก็แพงมาก ห้องนอนแบบแชร์ก็ยังจัดว่าแพงอยู่ ถ้าเทียบกับออกมานอกเมืองหน่อย แต่ได้ห้องนอนส่วนตัวในราคาที่เท่าห้องนอนแชร์ แต่อย่าลืมว่าออกมานอกเมืองก็มีค่าเดินทางเพิ่มแทนด้วย ต้องลองคำนวณเปรียบเทียบกันดูว่าชอบแบบไหน
ดังนั้นเรื่องบ้านอยู่ที่ความพึงพอใจส่วนตัวล้วนๆค่ะ
ส่วนตัวเราเลือกห้องนอนส่วนเดี่ยวค่ะ ออกมานอกเมือง 20 นาทีค่ะ
บ้านใหม่เรา มีรถไฟผ่าน 2 สาย เดิน 5 นาที จากบ้านถึงสถานี
มี Tram ผ่าน 3 สาย ใกล้ Supermarkets 2 ที่
บ้านเก่าไปหน่อยค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ ขอแค่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ใกล้แห่งซื้อของกิน ก็พอค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
และก็ถึงเวลาย้ายเข้าบ้านใหม่พร้อม เริ่มต้นชีวิตใหม่กันค่ะเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีใช่มั้ยค่ะ แต่นี่เพิ่งเริ่มต้นค่ะยังมีประสบการณ์ที่เราเจออีกมากมายที่อยากมาแชร์ ทั้งเรื่องการหางาน การทำงาน และเรื่องถูกเอาเปรียบจากคนไทยด้วยกันเป็นยังไงในรูปแบบไหน รอติดตามกันนะคะ
ตอนต่อไปเราจะแชร์ถึงการทำงานค่ะ ว่าเราหางานยังไงเคยทำงานอะไรมาบ้างค่ะ เจออะไรในที่ทำงานบ้าง
รอติดตามตอนหน้านะคะ
หากเราไม่ออกจากกล่องเราจะไม่รู้เลยว่าโลกข้างนอกเป็นอย่างไร และพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
#มนุษย์กล่อง
สามารถย้อนอ่านตอนอื่นๆได้ตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ
ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5c6d353927e76348eb4d6613
3 บันทึก
7
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Work and Holiday Visa พาฉันไป Australia 🇦🇺
3
7
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย