3 มี.ค. 2019 เวลา 02:50 • การศึกษา
มหากาพย์ Nokair ปีกหัก หรือแค่ พักใจ (Ep.2)
สะดุดรักวาเลนไทน์ ประท้วงครั้งใหญ่ นักบินหยุดบิน
กลายเป็นประเด็นร้อน ลุกเป็นไฟไหม้ เผากันจนย่อยยับ ด้วยสงครามเย็นปั่นประสาท ของระหว่างกลุ่มนักบิน และกลุ่มผู้บริหาร รวมทั้ง อดีต CEO สายบันเทิง...
"คนที่ทุบหม้อข้าวตัวเอง แต่ใช้ให้คนอื่นไปตาย..."
คำกล่าวของ อดีต CEO คนดัง ได้โพสต์ลงเฟสบุคในวันเกิดเหตุ
หากเป็นบุคคลทั่วไปที่ได้อ่านข้อความนี้ จากที่ไม่รู้อะไร ตื้นลึกหนาบางของปัญหา ก็สามารถเดาถึงสถานการณ์กันได้ไม่ยาก ว่าคำพูดนี้ กำลังหมายถึงใคร จนสัญญาณความขัดแย้งก็ได้เริ่มขึ้น..
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ต้องกลายเป็นวาเลนไทน์รสขม ของสายการบินนกแอร์ที่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด สายการบินนกแอร์ได้ยกเลิกเที่ยวบิน จำนวน 9 เที่ยวบิน เนื่องจากนักบินได้ทำการประท้วง โดยการ"หยุดบิน" !!
และผลพวงจากสงครามเย็น ก็ไม่ใช่ใคร คือผู้โดยสารจำนวน 1,500 คนที่ตกค้างอยู่ที่สนามบินดอนเมือง
การประท้วงที่เกิดขึ้นยิ่งเป็นการตอกย้ำ ถึงปัญหาของ "คน" ในองค์กร และความผิดพลาดในด้านการบริหารที่แท้จริงของนกแอร์ จากความขัดแย้งภายในที่มีมานาน ท้ายที่สุด ก็มาจบที่ให้คนภายนอกได้เห็น
และเฟืองตัวที่หนึ่งที่ทำงานผิดพลาดก็ได้เริ่มขึ้น
การที่นักบินประท้วงเลิกบิน จนถึงขั้นลาออก ทำให้นกแอร์ประสบปัญหาขาดแคลนนักบินอย่างหนัก เมื่อมีเครื่องบิน แต่ไม่มีคนขับ ทุกอย่างก็จบ..
ไม่ว่าจะพร้อมสักแค่ไหน เครื่องบินใหม่ เงินทุนพร้อม แต่บุคคลากรไม่พร้อม จึงส่งผลมากมาย ทั้งการดีเลย์และการยกเลิกเที่ยวบิน
ด้วยความเป็นต่อของนักบิน ที่สุดท้าย เครื่องบินก็ยังคงเป็นยานพาหนะที่ต้องการมนุษย์เป็นผู้ขับเคลื่อนอยู่ดี จึงเกิดการประท้วงโดยมี "ความเสียหาย" เป็นตัวประกัน
นกแอร์ในยุคนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม นักบิน มีความหลากหลายจากที่มา ทั้งพลเรือน และจากกองทัพทุกหมู่เหล่า ทั้งทหารบก ทหารอากาศ ตำรวจ และทหารเรือ โดยที่นักบินกลุ่มหนึ่ง จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารในคราวเดียวกัน เพราะในเรื่องของการบินแล้ว คนที่น่าจะรู้ดีกว่าใคร ก็คงไม่พ้นนักบิน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกของหลายๆสายการบิน ที่จะมีนักบิน นั่งตำแหน่งบริหารควบคู่กันไป
ซึ่งแปลว่า ทีมผู้บริหารนกแอร์ ที่อยู่ในฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบินเป็นส่วนมาก ส่วนหนึ่งจะมีตำแหน่งเป็นนักบิน
ในสังคมไทยไม่ว่าจะยุคไหน ผ่านมากี่ร้อยปี ระบบอุปถัมภ์ก็ยังคงใช้ได้ดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีคนแต่ละกลุ่ม ที่รักพวกพ้องของตัวเอง เพราะแม้แต่ตัวเราเองก็ยังห้ามไม่ได้
ความขัดแย้งภายในที่มีมาแต่เนิ่นนาน ของการแบ่งพักแบ่งพวก จนสุดท้ายเกิดความไม่พอใจของการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เมื่อสิ่งที่ตัวเองเคยมีกลับไม่มี สิ่งที่ควรจะได้กลับไม่ได้แต่กลับกลายเป็นคนกลุ่มใหม่ที่ได้รับผลประโยชน์แทน..
และสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าเกิดขึ้นกับสังคมที่ไหน ก็เกิดเป็นชนวนเปิดศึกได้ง่ายๆ เพราะเหตุเกิดคือ "การเปลี่ยนแปลง" เกือบทั้งสิ้น
และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือผลที่ตามมา ทำให้นกแอร์ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญ
นักบินที่ก่อเหตุดังกล่าว พร้อมใจกันลาออก ทั้งถูกไล่ออก และต้องการออกเอง เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเค้าต้องการ
และมากกว่าการเป็นนักบินธรรมดา คือการเป็นครูการบิน หรือ Flight intructor ที่ทำให้นกแอร์ยิ่งประสบปัญหาหนัก เนื่องจากนักบินที่ก่อเหตุส่วนหนึ่งเป็นครูการบิน ดังนั้นการที่นกแอร์จะรับนักบินใหม่ๆเข้ามา ที่มีอยู่ล้นตลาดและรอคอยงานบินกันนับร้อย ต้องจบไป เพราะการรับนักบินใหม่เข้ามา ก็ยังไม่สามารถบินด้วยตัวเองได้ คงยังต้องมีการดูแลและฝึกบินโดยนักบินที่เป็นครู..
แล้ว นักบินที่มีชั่วโมงบิน หรือกัปตันผู้มากประสบการณ์จะหาได้จากที่ไหน เพราะปัจจุบันก็ขาดแคลนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สุดท้ายก็ไปจบลงที่ การทำสัญญาว่าจ้างนักบินราคาแพง จากบริษัทโบอิ้ง..
แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสกว่าเสมอ เมื่อกลุ่มนักบินที่มีปัญหาได้ออกไป คนกลุ่มใหม่ก็เข้ามาแทน ปัญหาเดิมๆอาจจะหมดไป แต่คงต้องหวังต่อ ว่าจะไม่เกิดปัญหาเดิมๆขึ้นมาอีกครั้ง
จากปัญหาทั้งหลายที่มีอยู่เป็นทุนเดิม มาเจอกับสภาวะเช่นนี้ นกแอร์จึงเหมือนนกที่ถูกยิง ด้วยอาการรวยรินเหลือเกิน..
และนี่ก็คือที่มาของ งบการเงินในปี 2559 ที่เจ็บหนักกว่าปีอื่นๆ และยังหายสงสัยว่าทำไม การบินไทย จึงปฏิเสธในการเพิ่มทุนครั้งแรก..
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ สิ่งที่นกแอร์จะต้องเสียมากมายคงไม่พ้นเรื่อง "เงิน"
นอกจากจะต้องชดเชยเที่ยวบินให้กับผู้โดยสาร โดยการเปลี่ยนเครื่องบินไปกับสายการบินพันธมิตร อีกทั้งต้องจ่ายเงินเยียวยาค่าเสียเวลา ค่าเช่าเครื่องบินที่ต้องสูญไปแต่ละวัน โดยที่เครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้
รวมถึงค่าบำรุงรักษาเครื่องบินที่เสียไปในทุกๆวัน
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเดิมยังคงอยู่และเพิ่มเติมคือค่าความเสียหาย แต่รายได้ที่ลดลง เพราะทุกวินาทีที่เครื่องบินอยู่บนพื้นดิน นั่นแปลว่า รายได้จะไม่เกิด แต่เกิดเป็นหนี้สินแทน
ยังไม่รวมถึงการจ้างคน ที่ต้องจ่ายเท่าเดิมหรือมากขึ้นเพื่อมาช่วยแก้ปัญหา เพราะสุดท้ายวิธีที่จะช่วยปลดล็อควิกฤตนกแอร์ในขณะนั้น หนทางที่ดีที่สุดคือ การหานักบินชุดใหม่ จากการว่าจ้างนักบิน โบอิ้ง ด้วยสัญญาค่าจ้างราคาแพง แต่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้นก กลับมาบินบนท้องฟ้าได้อีกครั้ง..
แต่สิ่งที่เสียไปและยากที่จะกู้กลับมา ก็คือ "ความเชื่อมั่น"
แม้ว่าเวลาต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่อดีต CEO สายบันเทิงได้ลาออก และเปลี่ยนประธานบอร์ดบริหาร หุ้นNOKได้ดีดตัวขึ้นมาระยะหนึ่ง แต่การบริหารก็ยังคงไม่สามารถทำกำไรได้ ในขณะที่คู่แข่งอย่าง แอร์เอเชีย ยังคงสามารถทำกำไรได้ทุกปี
แต่กลุ่มที่น่าหนักใจที่สุดคงไม่พ้น ตระกูล จุฬางกูร ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องระดมทุนกันอีกกี่ครั้ง เพื่อฟื้นคืนชีพ นกให้กลับมาผงาดได้อีก
Credit:http://www.thansettakij.com/content/309902
จนล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 ได้มีการเพิ่มทุนอีกรอบ มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 908.79 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,499.25 ล้านบาท เป็นจำนวน 3,408.05 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน และต่อสู้กับการแข่งขันในสนามโลวคอสต์อย่างเต็มที่
การลดต้นทุนของนกแอร์ที่ล่าสุด ทำโดยการ ปลดประจำการเครื่องบิน ATR จำนวน 2 ลำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เหลือไว้เพียงแต่ เครื่องบินแบบ 737-800 NG และ Q400 จึงอาจเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มฟื้นฟูตัวเองของนกแอร์อีกครั้ง
ส่วนนักลงทุนรายย่อย ใครที่ยังมีความหวังและเชื่อมั่นในนกยักษ์ ก็คงต้องถือกันยาววววไป จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ถอนทุนคืนซักที....
สุดท้ายก็คงทำได้แค่ส่งกำลังใจ และรอวันที่นกเหล็กจะกลับมามีแต่รอยยิ้มบนฟ้าได้อีกครั้ง..
ถึงปีกหักก็รักเธอ 🤟
จนเมื่อมีข่าวล่าสุดหลุดรอดออกมา เกี่ยวกับการรวมหุ้น ของ นกแอร์ และแอร์เอเชีย ที่มีการเจรจากันไป แต่ยังไม่ทราบถึงผลสรุป ว่าจะเป็นอย่างไร
หากเป็นจริงที่แอร์เอเชีย จะเข้าซื้อหุ้นต่อจากกลุ่ม จุฬางกูร จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? นกเหล็กจะได้กลับมาผงาดอีกครั้งหรือไม่ หรือจะกลายเป็นแค่นกน้อยในตำนาน..
โปรดติดตามตอนต่อไป...
Have a good day✈
#แอร์ป้าห้าดาว
Reference
โฆษณา