3 มี.ค. 2019 เวลา 02:42 • สุขภาพ
“หู” กับ”การทรงตัว”...หน้าที่ที่สำคัญเทียบเท่ากับการได้ยิน!
เราทุกคนต่างก็รู้ว่า“หู”นั้นมีหน้าที่สำคัญคือการได้ยินเสียง
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าความจริงแล้ว”หู”ของเรานั้นมีหน้าที่อีก 1 อย่างที่สำคัญเทียบเท่ากับการได้ยิน นั่นก็คือ”การทรงตัว”
เคยได้ยินโรค”หินปูนในหู” หรือ “น้ำในหูไม่เท่ากัน”มั๊ยล่ะครับ
โรคพวกนี้คือโรคที่ทำให้เราบ้านหมุน เดินโซเซ ทรงตัวไม่ได้ ยังไงล่ะครับ
เวลาผมพูดไปแบบนี้ คนไข้ที่มาหาผมทุกๆคนก็จะเข้าใจความหมายว่าหู 2 ข้างช่วยสมดุลน้ำหนักของน้ำและหินปูนให้เท่ากัน 2 ข้างอะไรแบบนั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะครับ
เอาล่ะ มันก็ไม่ใช่ความรู้ที่คนทั่วไปต้องรู้หรอก55 แต่ผมเห็นว่ามันน่าสนุกดี วันนี้ผมเลยจะมาเล่าง่ายๆให้ฟังละกันครับ
หูของเรามีมีทั้งหมด 3 ชั้น ก็คือหูชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน โดยมีแก้วหูคั่นอยู่ระหว่างหูชั้นนอกกับชั้นกลาง
ส่วนที่สำคัญที่สุดของหูเรานั้นก็คือ หูชั้นใน โดยหูชั้นในนั้นประกอบด้วยโครงสร้าง 2 ส่วนที่ทำงานแยกกันอย่างชัดเจน นั่นก็คือ”การได้ยิน” กับ “การทรงตัว”
เราจะมาพูดถึงเรื่องการทรงตัวเป็นหลักนะครับ
โครงสร้างของหูส่วนนี้มีลักษณะคล้ายโดนัท 3 ชิ้นวางติดกันคนละแนว ก็คือในแนวแกน x, y และ z (ใครจินตนาการไม่ออก ดูรูปได้ที่commentแรกได้เลย)
ฟังเเล้วน่าทึ่งใช่มั๊ยล่ะครับ การเรียงตัวของมันเหมือนจะบอกเป็นนัยว่ามันสามารถระบุพิกัด 3 มิติได้เลยทีเดียว!
ในความเป็นจริงแล้วมันก็ทำงานคล้ายๆแบบนั้นล่ะครับ โดนัททั้ง 3 ชิ้นนั้นมีน้ำไหลวนเวียนอยู่ข้างในเหมือนไส้ของโดนัท และทิศทางการยืนและเคลื่อนไหวของเรา จะทำให้เกิดรูปแบบการไหลเวียนของน้ำในโดนัทที่แตกต่างกันไป
และรูปแบบการไหลของน้ำนี้ละครับ ที่โดนัทของเราจะแปลผลและบอกสมองของเราว่าตอนนี้ เรากำลังยืนตรงอยู่ ยืนเอียงกี่องศา หรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด ทั้งในแนวแกน x, y และ z
ลองจินตนาการว่าถ้าเราไม่มีโดนัทเหล่านี้ดูสิครับ เราจะยืนเอียงอยู่โดยที่เราไม่รู้ว่าเรากำลังยืนเอียงอยู่ เราจะเคลื่อนที่ลงบันใดในขณะที่เราไม่รู้ว่าเรากำลังเคลื่อนที่ลงอยู่ พูดง่ายๆก็คือเราจะล้มหรือทรงตัวไม่ได้ยังไงล่ะครับ
พูดมาขนาดนี้เเล้วเราคงเห็นความสำคัญของ”น้ำ”ในโดนัทแล้วใช่มั๊ยล่ะครับ ดังนั้นการมีน้ำไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง หรือการมีหินปูนขวางอยู่ ย่อมทำให้น้ำไหลเวียนไม่เหมือนเดิม และไม่สมดุลเท่ากันทั้ง 2 ข้าง โดยเฉพาะการมีหินปูนนั้น เพียงแค่เราเคลื่อนไหวส่วนหัวเร็วๆไม่ว่าทิศทางใด ก็จะทำให้หินปูนไหลโคลงเคลงไปมา ยิ่งทำให้รูปแบบการไหลเวียนของน้ำในหูมั่วซั่วไปหมด ก็เลยทำให้หู 2 ข้างทำงานไม่ไปด้วยกัน หูข้างขวาอาจบอกว่าเรากำลังยืนตรง แต่หูข้างซ้ายอาจบอกว่าเรากำลังยืนเอียง เราจึงไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในทิศทางไหนกันแน่ แม้ยืนตรงๆอยู่ก็อาจรู้สึกว่ายืนเอียง แล้วก็ทำให้บ้านหมุน เดินโซเซยังไงล่ะครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆสำหรับคนทั่วไปนะครับ เชื่อว่าทุกคนคงเคยถูกทำโทษให้ปั่นจิ้งหรีดในตอนเด็กๆกัน หลังจากที่เราหมุนตัวไม่รู้กี่ 10 ครั้ง มันก็จะทำให้น้ำในโดนัทในหูของเราไหลมั่วซั่วไร้ทิศทางไปหมด หลังจากนั้นเมื่อเราพยายามยืนตรงๆ แต่น้ำในหูของเรามันยังไม่หยุดหมุนไปด้วยเพราะแรงเฉื่อย และสภาพของคุณที่เกิดหลังจากปั่นจิ้งหรีด มันก็เกิดจากสิ่งนี้ล่ะครับ คุณอยากยืนตรง แต่คุณจะรู้สึกว่ากำลังยืนเอียงอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้คุณต้องไถลเซไปทุกๆทางที่สมองคุณบอกว่ากำลังยืนเอียงไปทางนั้นอยู่นั่นเอง!
สำหรับคนที่มีน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือมีหินปูนในหู ก็ถือว่าโชคร้ายหน่อยนะครับ โรคพวกนี้ไม่ได้อันตรายอะไร แต่มันไม่ค่อยหายขาด อาจมีช่วงหายดีไปนานจนถึงปี แต่ส่วนมากก็จะกำเริบได้อีก บางคนก็อาจจะเป็นบ่อยมากๆจนต้องได้รับการรักษาขั้นสูง เช่น ผ่าตัด แต่ก็ไม่การันตีว่าจะหาย 100% อยู่ดี ไว้ผมจะเขียนเกี่ยวกับเจ้า 2 โรคนี้ในภายหลังละกันนะครับ
บทความนี้ก็เล่าอย่างสรุปเปรียบเปรยเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็หวังว่าคนที่อ่านทุกคนจะได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับหูของเรานะครับ^^
#Healthstory
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
____________________
โฆษณา