1 พ.ค. 2019 เวลา 13:46 • ประวัติศาสตร์
เมื่อน้ำผึ้งหวานกลายเป็นยาขม - เปิดแฟ้มคดีดังจ้างวานฆ่าศยามล #2 ตอนจบ
Pix Cr.thairath
บันทึกศยามล
"หลังจากตั้งท้อง สามีกลับไม่ดีใจ เขาลืมทุกคำแม้แต่คำว่า "รักฉัน" ไม่เหมือนตอนที่ฉันยังไม่ได้เป็นของเขา ไม่เคยดูแลแม้ยามใกล้คลอด จะขอบัตรประชาชนเพื่อแจ้งเป็น "พ่อของลูก" ก็ยังไม่ยอม ฉันต้องใช้ทะเบียนสมรสแทน"
7
บันทึกนี้เขียนไว้เพื่อให้ลูกได้รับรู้ ว่าแม่ต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง หากวันไหนเขาแต่งงานใหม่ จะแต่งชุดดำไปฉีกหน้าในงาน!!!!
3
วันที่ 1 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536 เวลาหนึ่งทุ่มเศษ
นายแพทย์บัณฑิต เปิดโอกาศให้หนังสือสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ เพราะตอนนี้ทั้งประเทศเข้าใจว่า เขาเป็นฆาตกรกันไปหมดแล้ว
การให้สัมภาษณ์ของ
1
นายแพทย์บัณฑิต เน้นไปในเชิงปฏิเสธว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าศยามล เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทุกข้อคำถาม และเขาก็ทราบว่า อดีตภรรยา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 30 กันยายน พร้อมกับทุกคนนั่นเอง
2
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเขามีหลักฐานยืนยันตัวตนอย่างชัดเจน เพาะช่วงนั้นเขาลาพักร้อนไปภูเก็ต และพักที่โรงแรมแปซิฟิค ไอซ์แลนด์ อีกทั้งยังไม่เคยข่มขู่อดีตภรรยา ตามที่เป็นข่าวเลย
1
วันที่ 2 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2536 เวลา 09:00 น.
นายแพทย์บัณฑิต ให้การสัมภาษณ์อีกครั้ง ที่ "จี้อันตึ้ง" อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยให้การสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวของเขาและศยามล ดังนี้
1
ผมและศยามลรู้จักกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 ตอนนั้นตัวผมเป็นแพทย์อยู่ที่ รพ.กุยบุรี หลังจากนั้นหนึ่งปี เราก็จดทะเบียนสมรสกันอย่างลับ ๆ โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่ทราบเรื่องนี้
5
ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2534
ศยามลเธอขอไปเรียนตัดเสื้อที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมต้องการแต่งงานกับเธออย่างเป็นทางการ แต่เธออ้างว่าไม่พร้อม และขอให้เธอเรียนจบก่อนค่อยแต่ง ทำให้เราทั้งสองเริ่มมีระยะห่างต่อกัน
1
ปี พ.ศ. 2532
ผมย้ายมาประจำที่หัวหิน ซึ่งเป็นบ้านเกิดผม ผมต้องออกงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์เพื่อนอยู่บ่อยครั้ง ช่วงนั้นเธอตั้งท้องและมักต่อว่าผม ว่าไม่มีเวลาให้เธอเลย จากนั้นก็มีปัญหาเรื่อยมา จนเราตัดสินใจแยกทางกัน
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วย เราตัดสินใจตอนที่ลูกสาวคลอดออกมาได้เดือนเศษ ผมขอลูกเพื่อมาเลี้ยงดูเอง แต่ศยามลเธอไม่ยอม พ่อผมเลยมอบเงินค่าเลี้ยงดูให้กับเธอ 2 ล้านบาท
ส่วนข่าวที่ว่าผมข่มขู่ศยามล เรื่องนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเราต่างคนต่างอยู่ ต่างใช้ชีวิตของตัวเองไป ร้านเสื้อของศยามลก็อยู่ห่างไกลจากคลีนิคผมมาก แล้วผมจะไปฆ่าเธอทำไม ??
1
ผมไม่ได้เป็นพวกสัตว์เดรัจฉาน ผมแยกแยะสิ่งที่ถูก ที่ผิดได้ ผมเสียใจมาก เมื่อรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับศยามล อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นอดีตภรรยาผม และสิ่งที่แรกที่ผมต้องทำต่อจากนี้ คือ ผมต้องเอาลูกมาเลี้ยงด้วยตนเอง
5
ผมทราบเรื่องศยามลถูกฆ่าเมื่อวันที่ 30 กันยายน หลังเกิดเหตุ 1 วัน ซึ่งขณะนั้นผมอยู่ที่โรงแรมแปซิฟิค ไอซ์แลนด์ ภูเก็ต เพื่อไปร่วมงานแต่งของเพื่อนนักเรียนแพทย์ด้วยกัน
และในวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน
3
หลังจากเลิกงานแล้ว ผมก็นัดเพื่อนไปภูเก็ต เพื่อเที่ยวกันต่อ โดยออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 17:55 น. และถึงสนามบินภูเก็ต ช่วงเวลา 20:00 น. เพราะเครื่องดีเลย์ ก่อนที่จะทราบข่าวของศยามลเมื่อวันที่ 30 กันยายน จากนั้นผมก็เดินทางกลับหัวหิน ในวันที่ 1 ตุลาคม
1
และก่อนจบสัมภาษณ์ เขาได้ทิ้งท้ายกับพวกสื่อมวลชนว่า "ผมไม่ได้ฆ่าศยามล!!"
Pix Cr.diicay.blogspot
คดีนี้กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญและเป็นที่จับตามองของประชาชนทั่วประเทศ เพราะผู้ต้องสงสัยเป็นหมอ ทางด้านตำรวจนั้นไม่ได้สนใจคำให้การของแม่ศยามลและนายแพทย์บัณฑิต เพราะคำให้การทั้งคู่ไม่ตรงกับข้อมูลที่ตำรวจสืบทราบมา
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจ และถูกจับตามอง จึงทำให้การทำงานของตำรวจรวดเร็ว และมีความคืบหน้ามาก ตำรวจได้พบพยานปากสำคัญ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสาวและรู้ตัวคนที่ฆ่าศยามล ซึ่ง ประกอบด้วย ผู้จ้างวาน และผู้ลงมือ รวมทั้งสิ้น 5 คน
มีกระแสข่าวลือ กล่าวว่า นายแพทย์บัณฑิตได้ติดต่อขอเข้าพบ พ.ต.อ.พิสิทธิ์ คำแน่น (ผกก.ภ.จ.เพชรบุรี) เพื่อที่ต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและพร้อมให้ปากคำอย่างละเอียด
1
หากแต่ทางตำรวจไม่สนใจสิ่งที่นายแพทย์บัณฑิตให้การเลย เพราะตำรวจเชื่อหลักฐานและพยานมากกว่าคำให้การของนายแพทย์บัณฑิต
นายแพทย์บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ Pix Cr.thairath
วันที่ 9 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขึ้น ตอนสายของวันฌาปนกิจศพศยามล หลังสวดอภิธรรมครบ 7 วัน ทางครอบครัวของเธอได้เชิญหมอผีมาเซ่นไหว้เรียกวิญญาณศยามลหลังเสร็จสิ้นพิธีเผาศพไปแล้ว
2
จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรูปถ่ายของศยามลไปให้เจ้าหน้าที่โรงแรมหัวหินดู และปรากฎว่ามีกลิ่นศพโชยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นธูปเทียนจนทำให้เจ้าหน้าที่ต่างตกใจและกลัวกันยกใหญ่ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
1
นอกจากนี้ยังมีการบอกเล่า ว่า ครอบครัวและญาติของศยามล ได้พบเห็นวิญญาณของเธอมาปรากฎตัวให้เห็นอยู่บ่อย ๆ รวมถึงน้องอิงอิง ก็เห็นวิญญาณของแม่เธอ 2 ครั้ง
น้องอิงอิง คือพยานปากสำคัญ ที่ตำรวจต้องการมากที่สุด แต่ตำรวจยังทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ ต้องรอให้เธอหายจากอาการหวาดผวาก่อนจึงจะเริ่มสอบปากคำเธอได้ มีการส่งกำลังมาคุ้มครองเด็กตลอด 24 ชั่วโมง
1
เพราะสายตำรวจรายงานมาว่า มีชายคนหนึ่งแต่งชุดซาฟารีแอบอ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบมาที่บ้านเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ พวกเขามาโดยรถตู้สีขาวลึกลับ ไม่ทราบยี่ห้อ ขับวนไปมา อยู่หน้าบ้านของน้องอิงอิง อย่างผิดปกติ
4
ทางด้าน นายแพทย์บัณฑิต ก็เก็บตัวเงียบอยู่บ้านระยะหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเช่นเดิม โดยมีเพื่อนฝูงของเขาคอยอารักขาคุ้มกันตลอดทั้งขาไปและขากลับ
วันที่ 12 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปอ่านสำนวนการสอบสวนเรื่องของศยามล ที่ สภ.อ.บ้านลาด ก่อนที่จะสั่งให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่นำสำนวนการสอบสวนนี้ไปหารือต่อที่ท่านผู้ว่าฯ โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ให้สื่อมวลชนทราบ
3
การสอบสวนคดีใช้เวลาค่อนข้างนาน และกินเวลาไปถึงครึ่งเดือน จนในที่สุด วันที่ 15 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536 เจ้าหน้าที่มีหลักฐานมากพอที่จะมัดตัวหนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆ่าศยามลได้เป็นคนแรก คือ ส.ต.อ.แผ่ว ภูเต็ง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 สังกัดค่ายพระมงกุฎเกล้า จ.ประจวบคีรีขันธ์
1
เขาถูกจับกุมในขณะที่เดินทางมาขึ้นศาลจังหวัดเพชรบุรี เพื่อไปรับคำฟ้องถึง 5 ข้อหา และเป็นคดีค้างเก่าสมัยที่เขาทำงานอยู่ที่ สภ.กิ่ง อ.แก่งกระจาน
ข้อหามีอาวุธและกระสุนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธเข้าเมืองและหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร เมาสุรา และก่อความวุ่นวาย ยิงปืนขึ้นฟ้าภายในหมู่บ้าน และปลอมแปลงเอกสาร
1
และแน่นอน ส.ต.อ. แผ่ว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทางตำรวจก็สู้ด้วยหลักฐานและพยาน เพราะมีคนเห็นว่า ส.ต.อ.แผ่วนั้นมีความสนิทสนมกับผู้บงการในฐานะผู้มีพระคุณที่ต้องทดแทน
มีพยานเห็นว่าเขาเป็นคนที่นั่งรถผู้ตายในวันที่เกิดเหตุด้วย แถมมีคดีทำร้ายร่างกายคนอื่นเพียบ และยังเป็นญาติกับนายโก ภู่เต็ง อดีตมือปืนชื่อดัง ของ ส.ส.จังหวัดเพชรบุรี อีกด้วย
ทั้งนี้ยังมีสิ่งที่ตำรวจให้ความสนใจ คือ นางตา ภู่เต็ง ซึ่งเป็นภรรยาของ ส.ต.อ.แผ่ว อดีตนางพยาบาลที่มีความสนิทสนมกับนายแพทย์บัณฑิตเป็นอย่างดี เข้ามาหาสู่กันเป็นประจำ และยังสืบพบด้วยว่า...
2
ส.ต.อ.แผ่ว ติดหนี้บุญคุณแพทย์บัณฑิต ซึ่งเขาขอความช่วยเหลือโดยการให้นายแพทย์บัณฑิตเป็นพยานในการตรวจและออกใบรับรองแพทย์ ในคดีที่เขายิงปืนขึ้นฟ้าอีกด้วย
1
วันที่ 16 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536 เวลา 17:30 น.
หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยคนแรกได้ นายแพทย์บัณฑิตก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง และยืนยันเช่นเดิมว่าตนเองบริสุทธิ์ และขออยู่หัวหินต่อไปโดยไม่คิดหนีไปไหน และย้ำว่าเขาไม่รู้จัก ส.ต.อ.แผ่ว แต่อย่างใด
2
ช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้น
มีกระแสข่าวออกมาว่า มีการออกหมายจับนายแพทย์บัณฑิต ร้อนรนไปถึงญาติพี่น้องของนายแพทย์บัณฑิตต้องโทรศัพท์ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อสอบถามข้อเท็จหรือว่าผลเป็นอย่างไร
วันที่ 19 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารายที่สองได้ คือ นายบรรจบ นิลห้อย อดีตนักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี และเป็นเพื่อนของ ส.ต.อ.แผ่ว
1
มีพยานปากเอกหลายปากยืนยันว่า นายบรรจบ ติดรถไปกับรถปิคอัพที่ขับตามรถของศยามลในคืนเกิดเหตุ ซึ่งกำลังหนีการจับกุมหลังจากได้ยินข่าวการถูกจับกุมของ ส.ต.อ.แผ่ว เพียงวันเดียว
2
กุญแจสำคัญอยู่ที่ นายบรรจบ นิลห้อย เพราะเขายอมรับให้การสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงนำตัวไปสู่การตามหาตัวผู้ร้ายอีก 2 คน เพื่อที่จะนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
3
วันที่ 20 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัว นายบรรจบ นิลห้อย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นก็นำไปสอบสวนเพื่อค้นหาตัวคนร้ายอีก 2 คน
และในวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมนายแพทย์บัณฑิต ที่โรงพยาบาลหัวหิน ภายในห้องพักแพทย์ วอร์ด 3 แผนกผดุงครรภ์ โดยพ่อของนายแพทย์บัณฑิตได้รีบติดตามมาอย่างกระชั้นชิด หลังได้ทราบข่าว
ตำรวจนำตัว นายแพทย์บัณฑิต ไปสอบสวนอย่างหนัก โดยการปิดห้องและไม่เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ แต่มีการประกาศว่า จะแถลงความคืบหน้าของคดีภายในเวลา 14:00 น. ที่ห้องประชุมพริบพรี จ.เพชรบุรี
3
เวลาต่อมา มีการแถลงข่าวการจับกุม นายแพทย์บัณฑิต ทางตำรวจมีหลักฐานที่มัดตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ นายแพทย์บัณฑิตสารภาพ พนักงานสอบสวนรู้ถึงขนาดว่าวางแผนฆ่าที่ไหน และจ่ายเงินงวดแรกไปเท่าไหร่ด้วย ซึ่งถือว่ารู้ลึกและรู้จริง จนเขาไม่สามารถหาข้ออ้างอื่นใดได้
3
กระแสข่าวคดีนี้ดังมากในช่วงนั้น ถึงขนาดประชาชนให้ความสนใจตามติดคดีวันต่อวันเหมือนติดตามละครกันไม่มีผิด ส่วนนายแพทย์บัณฑิตนั้น ก็ถูกนำตัวไปขังเดี่ยวชั่วคราว ที่ สภ.อ.เมือง จ.เพชรบุรี
3
เขามีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ มีอาการวิตกกังวล ซีดเซียว นัยต์ตาเหม่อลอย ทำอะไรเชื่องช้า และ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ทำให้นายชูศักดิ์ผู้เป็นพ่อของเขาถึงกับต้องเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอด เพราะเขากลัวลูกชายจะกดดันและเครียดจนตัดสินใจฆ่าตัวตายได้
1
Pix Cr.thairath
ไม่กี่วันต่อมาครอบครัวนายแพทย์บัณฑิตได้ยื่นเรื่องขอประกันตัว แต่ทางตำรวจปฏิเสธที่จะให้ประกันตัวทุกกรณี
ต่อมา มีการนำตัวน้องอิงอิง มาสอบสวน โดยการที่นำเอารูปถ่ายของผู้กล่าวหาทั้งสองโดยปะปนกับบุคคลอื่น ๆ อีกจำนวนเป็นสิบๆรูป
ผลปรากฎว่า น้องอิงอิง สามารถชี้ภาพบุคคลได้อย่างถูกต้องแม่นยำทั้งสองคนเลย ตำรวจให้การคุ้มครองน้องอิงอิง โดนพาไปซ่อนตัวในสถานที่ลับสุดยอด เพื่อไม่ให้ใครตามตัวเธอเจอ
3
วันที่ 22 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำนายแพทย์บัณฑิตเข้าตรวจค้นหาหลักฐานและเอกสารเกี่ยวกับคดีที่คลีนิคและบ้านพักของเขาที่อำเภอหัวหิน แต่ไม่มีการเปิดเผยแก่สื่อมวลชน ว่าเจอหลักฐานอะไรบ้าง ทางด้านนายแพทย์บัณฑิตยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเช่นเดิม และร้องขอทนายให้การแก่ชั้นศาลเท่านั้น
วันที่ 26 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายแพทย์บัณฑิต ไปฝากขังต่อที่เรือนจำเพชรบุรี ซึ่งเป็นที่เดียวกับ ส.ต.อ.แผ่ว ถูกนำตัวมาขังที่นี่ก่อนแล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศความคืบหน้าของคดี ว่า ทราบแล้วว่าผู้ต้องหาสองคนที่เหลือคือใคร โดยไม่เปิดเผยชื่อ เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี โดยบอกแค่ว่า คนหนึ่งหนีไปจังหวัดบุรีรัมย์ และ อีกคนหนีไปสุโขทัย
4
วันที่ 29 ตุลาคม ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่เชิญพยานบุคคลโดยไม่เปิดเผยชื่อและที่อยู่ จำนวน 3 คน ไปที่ห้องประชุมกองกำกับ จ.เพชรบุรี ทั้งสามคนให้การตรงกันว่า นายแพทย์บัณฑิตมีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมศยามล
1
วันที่ 3 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายบรรจบ นิลห้อย ไปที่เรือนจำเพชบุรี เพื่อไปชี้ตัวผู้จ้างวาน ผลคือ นายบรรจบชี้ตัวนายแพทย์บัณฑิต อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยไม่ลังเลหรือหยุดคิดใดๆทั้งสิ้น
2
Pix Cr.thairath
หลังจากถูกชี้ตัว นายแพทย์บัณฑิต กล่าวว่า "ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเขา" ก่อนที่จะกลับเข้าห้องขังไป
1
ภาพของนายแพทย์บัณฑิต ตอนนั้น ไม่มีความเป็นแพทย์หลงเหลืออยู่เลย เขาสวมชุดนักโทษ สวมเสื้อคอกลมแขนสั้นสีกรัก ที่ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกโซ่ตรวนตลอดเวลา ใบหน้าขาวซีด มีอาการเคร่งเครียดเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
1
วันที่ 10 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2536
มีการจับกุมผู้ร่วมสังหารศยามลรายที่สาม คือ นายสมหมาย สังข์เคลือบ จับได้ที่กาญจนบุรี ชายแดนประเทศพม่า หลังการจับกุมตอนแรกนายสมหมายให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
หากแต่เมื่อโดนเจ้าหน้าที่กดดันหนักเข้า เขาจึงสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการฆ่าศยามลจริง ๆ จึงส่งตัวสมหมายไปดำเนินคดีต่อที่เพชรบุรี
1
วันที่ 11 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2536
เจ้าหน้าที่จัดแถลงข่าวการจับกุม นายสมหมาย สังข์เคลือบ ที่ห้องประชุมศาลากลางเพชรบุรี ท่ามกลางนักข่าวและสื่อมวลชนที่หนาแน่น เจ้าหน้าที่เผยว่า
นายสมหมาย รับหน้าที่เป็นคนขับรถปิคอัพนิสสันสีเทาดำป้ายแดง ก-7740 กรุงเทพฯ โดยขับปาดหน้ารถของศยามล และผู้ร้ายทั้งสองคน ก็เข้าล็อกตัวศยามลและอุ้มไปฆ่าในสถานที่พวกเขากำหนดไว้แล้ว เมื่อฆ่าศยามลเสร็จ ก็กลับไปรับเงินจากผู้ว่าจ้างก่อนจะรีบหลบหนีไป
7
ในขณะที่ให้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่นำเอาตัวนายสมหมาย มาชี้แจงรายละเอียดของคดีแก่สื่อมวลชนและนักข่าวด้วย โดยเขาบอกว่า นายบรรจบติดต่อเขามาแล้วบอกว่ามีงานดีมานำเสนอ
1
หากสนใจให้ไปรับงานที่บ้านของนายบรรจบ ที่ จ.เพชรบุรี และเมื่อเขาไปพบนายบรรจบ ก็ทราบว่าแผนที่ว่านั้น คือการฆ่าคน หากแต่ที่ทำไปเพราะตกบันไดพลอยโจน
1
นายสมหมายได้พูดออกสื่อว่า "ผมแค่เป็นคนขับรถเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เป็นคนฆ่าศยามล" และก่อนการแถลงข่าวจะสิ้นสุดลง ตำรวจได้ประกาศออกสื่อว่า
คนร้ายคนสุดท้าย ชื่อ นายสมหมาย เนียมศรี หรือ ลาย อายุ 63 ปี เป็นมือแทงศยามลจนตายต่อหน้าน้องอิงอิง และมีการเพิ่มผู้ต้องสงสัยอีกคน คือ นายสาธิต มีเย็น หรือ เอ๊ะ อายุ 27 ปี ทั้งสองมีประวัติติดคุก ปล้นชิงทรัพย์ และทั้งคู่รู้จักกับนายบรรจบด้วย
2
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสมหมาย สังข์เคลือบทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีการให้นายสมหมายชี้รถปิคอัพของตนเองที่ใช้ในการก่อคดี และชี้รถเก๋งของศยามล ก่อนจะเล่าเป็นฉาก ๆ ว่าเหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น !!??
4
ภาพการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ Pix Cr.thairath
เริ่มต้นทีมสังหารมารวมตัวที่บ้านของนายบรรจบ ทำการวางแผนครั้งสุดท้ายก่อนลงมือทำงาน โดยมีค่าจ้างจำนวน 1 ล้านบาท โดยมีการจ้างล่วงหน้ามาก่อนแล้ว 3 แสนบาท
ทีมสังหารทั้งหมดขับรถออกจากบ้านและมุ่งหน้าไปยั่งศูนย์การค้าหัวหิน คอมเพล็กซ์ อำเภอหัวหิน กลุ่มทีมสังหารเห็นรถของศยามลจอดในศูนย์การค้าจึงขับรถมาจอดเทียบข้างใกล้ๆ
ทีมสังหารนั่งกินข้าวอยู่ภายในร้านอาหารซึ่งอยู่ด้านล่าง และให้นายบรรจบเดินขึ้นไปดูร้าน "บารมี" อยู่บริเวณชั้นสอง ของศูนย์การค้า ซึ่งเป็นร้านของศยามลนั่นเอง
2
ศยามลยังคงอยู่ในศูนย์การค้า ทีมสังหารเลยต้องไปนั่งกินข้าวที่ร้านอีกครั้ง เพื่อรอดูลาดเลาของเธอ และรอจนนางศยามลออกมาและขับรถกลับบ้าน
2
เมื่อศยามลขับรถออกจากศูนย์การค้า ทีมสังหารจีงขับรถตามเธอทันที และขับรถตามติดเธออย่างกระชั้นชิด ไปตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไป อ.กุยบุรี เมื่อขับรถไปได้สักระยะ
ทีมสังหารจึงเริ่มขับรถปาดหน้ารถเก๋งของศยามลและลงไปใช้อาวุธมีดและปืนจี้บังคับให้ศยามลและลูกมานั่งบนเบาะตอนหน้าข้างคนขับ
โดยมีนายบรรจบและนายสมหมาย พร้อมส่งคนไปขับรถแทนศยามล หลังจากนั้นรถทั้งสองคันจึงขับรถไปจอด ณ ที่เกิดเหตุ แล้วนำโดยนายสมหมาย เนียรศรีใช้เชือกรัดคอและนำมีดแทงเข้าที่หน้าอกของศยามล 3 แผล ต่อหน้าน้องอิงอิง จนเธอถึงแก่ความตาย...
1
ที่จริงผู้จ้างวานได้สั่งพวกเขาว่า เมื่อศยามลตายแล้ว ให้ข่มขืนศพเธอด้วยเพื่ออำพรางคดี แต่ถึงเวลาจริงกลับไม่มีใครอาสาที่จะข่มขืนศพ เลยต้องใช้ก้านกล้วยมาใช้ในการกระทำชำเราศพแทน
2
หลังจากการสังหารเสร็จสิ้น พวกเขาทั้งหมดก็แยกย้ายกันหลบหนี และนำอาวุธทั้งหมดไปทิ้งตามแม่น้ำและทุ่งนา หลังจากที่จะแยกย้ายกันหนีไปต่างจังหวัด
1
นายสาธิต มีเย็น หนึ่งในผู้ต้องหา Pix Cr.thairath
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2536 เวลา 10:30 นายสาธิต มีเย็น หรือ นายเอ๊ะ เข้ามอบตัวและสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวเขาไปแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนที่มาทำข่าว
วันที่ 14 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2536 เวลา 16:30
ตำรวจทำการบุกจับผู้ร้ายรายสุดท้าย คือ นายสมหมาย เนียมศรี หลังจากที่เขาหลบหนีการจับกุมมาหลายครั้ง จนสุดท้ายจนมุมและถูกจับกุมในที่สุด และเขาก็ให้การสารภาพอย่างหมดเปลือกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
1
เป็นอันจบการสอบสวนและปิดคดีของศยามลลง
วันที่ 5 มกราคม ปี พ.ศ. 2537
อัยการจังหวัดเพชรบุรียื่นฟ้องนายแพทย์บัณฑิตและทีมสังหาร ขั้นต้นนายแพทย์บัณฑิตถูกพิจารณาคดีพิพากษาประหารชีวิต และตัดสินจำคุกตลอดชีวิตกับทีมสังหารอีกสามคน หมอบัณฑิตได้ยื่นอุทธรณ์แต่ไม่เป็นผล ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
วันที่ 23 ธันวาคม ปี พ.ศ.2539
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ หากแต่ปัจจุบันหมอบัณฑิตได้รับการอภัยโทษจากการประหารชีวิต และได้รับการลดโทษลง 1 ใน 4 ด้วย
โดยโทษประหารชีวิตจะลดลงเหลือจำคุกเพียง 40 ปี ด้านความเป็นอยู่ของนายแพทย์บัณฑิต ผู้คุมกล่าวว่า เขาเป็นผู้ต้องขังชั้นดี พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีอาการเครียด ช่วยงานได้ทุกอย่าง และยังเป็นหมอประจำแดนเลยก็ว่าได้
2
นายแพทย์บัณฑิตได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกมาเมื่อปี พ.ศ. 2552 เขาพ้นโทษและออกมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติแล้วค่ะ ส่วนทางด้านน้องอิงอิงตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วนะคะ เรียนจบแล้วด้วย ที่จุฬา เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาค่ะ
4
สภาพจิตใจตอนนี้เป็นปกติแล้ว เนื่องจากตอนที่เกิดเหตุเธอยังเด็กอยู่มากค่ะ ก็เป็นอันจบเรื่องราวคดีดังในอดีตไปแล้วนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ รู้สึกเห็นใจและสงสารน้องอิงอิง นะคะ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้วก็ตาม ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ร่วมพูดคุยกันได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมาค่า
3
หากท่านใดชื่นชอบบทความนี้ กดไลก์ กดแชร์ และกด Follow เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุก ๆ ท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
1
Cr.thairath , khlonglan.kamphaengphet.police , tnews
เรียบเรียง : Red Diary ❤
โฆษณา