9 พ.ค. 2019 เวลา 09:00 • บันเทิง
เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Pet Sematary ฉบับปี 2019 กับปี 1989
​ก่อนจะกลายเป็นหนังสยองขวัญในปี 1989 Pet Sematary ก็คือนิยายขายดีอีกเรื่องหนึ่งของสตีเฟน คิง จากปี 1983 ที่ว่าด้วยความรักความผูกพันในครอบครัว ที่ผู้เป็นพ่อไม่ยอมรับการจากไปของสมาชิกในบ้าน ที่เมื่อมีใครจากไป ก็เลือกเอาไปฝังไว้ในสุสานลึกลับของอินเดียนแดง ซึ่งทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้งหากเป็นไปในแบบที่ 'ไม่เหมือนเดิม'
​ผ่านไป 30 ปี Pet Sematary กลับมาขึ้นจออีกครั้ง และการกลับมาครั้งนี้ 'ไม่เหมือนเดิม' เช่นเดียวกับที่ตัวละครในเรื่องเป็น และเห็นกันได้ตั้งแต่ตัวอย่าง ซึ่งน่าจะทำให้หนังสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมที่รับรู้เรื่องราวจากนิยายหรือหนังฉบับก่อนหน้ามาแล้ว
​เรื่องราวอาจจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ครอบครัวครีด ที่ประกอบด้วยพ่อ-ลูอิส, แม่-ราเชล, ลูกสาวคนโต-เอลลี และน้องชาย-เกจ กับแมวเหมียว-เชิร์ช เหมือนที่เคยเป็น พวกเขายังย้ายจากบอสตันมาอยู่ที่เมืองเล็กๆ ในเมนเพื่อหาความสงบในชีวิตไม่ต่างกัน บริเวณบ้านยังมีสุสานสัตว์เลี้ยง และพื้นที่ต้องคำสาปของอินเดียนแดง มีถนนที่รถบรรทุกวิ่งผ่านอยู่ใกล้ๆ ตัวบ้าน ซึ่งกลายเป็นตัวสร้างโศกนาฏกรรมให้เกิดขึ้นกับพวกเขา ที่เริ่มจากเจ้าเชิร์ช แล้วตามด้วยเด็กๆ ของบ้าน
เกจ เจ้าหนูที่กลายเป็นคนที่กลับมาจากป่าช้าในหนังปี 1989
​แต่หนนี้ ไม่ใช่เกจอย่างในนิยายและหนังต้นฉบับแต่เป็นเอลลี “เชื่อเถอะ พวกเรากังวลกับเรื่องนี้มาก” ลอเรนโซ ดิ โบราเวนตูรา ผู้อำนวยการสร้างกล่าว “ผมรู้สึกว่า เวลาเราทำหนังรีเมคหรือฉบับอัพเดทให้คุณดู ถ้าเราให้สิ่งที่คุณเคยเห็นมาก่อน แสดงว่าเราไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้น ผมต้องปกป้องตัวหนังฉบับดั้งเดิมด้วย แต่ก็อยากให้มีการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เช่นกันในแต่ละครั้ง คนทำเองก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ทำให้พวกเราคิดว่า 'เอาละ... มาทำแบบนี้กันดีกว่า’”
​สองผู้กำกับ เควิน โคลช และเดนนิส วิด มายเออร์ หวังว่าแฟนๆ จะเข้าใจว่าทำไมพวกเขา และผู้เขียนบท เจฟฟ์ บูห์เลอร์ ถึงตัดสินใจแบบนี้ อย่างน้อยๆ สิ่งคนที่อ่านนิยายของคิงยอมรับกันไม่ค่อยได้ตอนนิยายขึ้นจอในปี 1989 ก็คือ การที่เด็กวัย 3 ขวบ ฟื้นคืนชีพมาไล่ล่าผู้ใหญ่มากมาย แถมรูปร่างก็ดูไม่ต่างไปจากเด็กวัย 8-10 ขวบด้วยซ้ำ “ในหนังเรื่องแรก พวกเขาใช้ตุ๊กตาถ่ายทำเป็นส่วนใหญ่" วิดมายเออร์เล่า "มันหลอนๆ แล้วก็ส่งผลกระทบกับคนดูจริง แต่เดี๋ยวนี้เราได้ดูหนังอย่าง Child’s Play ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ พยายามฆ่าคน ซึ่งมันจะมีประสิทธิภาพถ้ามันใช่ แต่...” พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เอาท์ไปแล้ว และหนนี้ก็ต้องพยายามทำอะไรใหม่ๆ
​การปรับเปลี่ยนตัวละครที่เป็นหัวใจของเรื่องครั้งนี้ เป็นไอเดียตั้งแต่แรกของแม็ทท์ กรีนเบิร์ก ผู้เขียนเรื่อง ที่เสนอกับทางพาราเมาท์ โดยเขาบอกถึงสาเหตุในการเปลี่ยนแปลงว่า เป็นเรื่อง "ส่วนบุคคล, เนื้อหา และความเป็นภาพยนตร์"
​ในเรื่องส่วนตัว กรีนเบิร์กที่มีลูกสาว 3 คน บอกว่าเขาสนใจความสัมพันธ์ระหว่างลูอิสกับเอลลี ที่มีการคุยถึงเรื่องความตายกัน “ผมเคยคุยอะไรแบบนั้นกับลูกสาวบ่อยๆ ตอนสัตว์เลี้ยงของพวกเธอตาย” เขาเล่า “มันเป็นเรื่องที่อยู่ในใจผม”
​เรื่องเนื้อหา กรีนเบิร์กบอกว่า เขามอง Pet Sematary เป็นเรื่องแบบ King Lear ของคิง โดยเฉพาะการที่เลียร์เสียคอร์ดีเลีย ลูกสาวไป และเขาอยากย้ำความเจ็บปวดตรงนี้ให้เด่นชัดมากขึ้น
​ส่วนความเป็นภาพยนตร์ การสังหารเอลลีแทนที่จะเป็นเกจ ทำให้หนังใส่ความเป็นหนังสยองขวัญได้มากกว่าเดิม "ผมคิดถึงปีศาจวัย 2 ขวบ เอ่อ… มันก็น่ากลัวนะ แต่ถ้ามันอายุมากขึ้น เป็นเด็กที่โตเต็มที่ มันก็น่าจะสร้างการคุกคามได้มากกว่า"
เอลลี ที่เป็น ผู้กลับมาจากป่าช้าในหนังปี 2019
​แล้วคิง รู้สึกยังไงบ้างกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น? ดิ โบนาเวนตูรา ที่เคยทำหนังจากนิยายของคิง 1498 ในปี 2007 (ที่กรีนเบิร์ก เขียนเรื่องสำหรับหนังเหมือนกัน) มาแล้ว เล่าว่า พอทีมงานให้บทกับคิง "เราทุกคนแทบหยุดหายใจ พอพูดเรื่องเกี่ยวกับเอลลีที่เราตัดสินใจกัน แต่คำตอบของเขา ทำให้ทุกอย่างง่าย และสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาบอก ‘อ๋อ… ผมมองออกว่าทำไมพวกคุณตัดสินใจแบบนี้ เป็นการตัดสินใจที่ดีนะ’”
​ยิ่งไปกว่านั้นคิง ยังยืนยันมาทางอีเมล “ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงมันโอเค” เขาเขียน แล้วก็เสริมว่า “ทั้งสองเวอร์ชัน เวอร์ชันแรกที่เกจตาย และของใหม่ที่เอลลีตาย ต่างก็เป็นผลพวงจากสถานการณ์เดียวกัน ผมไม่คิดนะว่าฉบับไหนจะดีกว่า แต่ผมมั่นใจว่าผู้กำกับน่าจะพบว่าการทำงานกับซอมบีเด็กหญิง มันง่ายกว่าซอมบีเด็กที่เพิ่งเดินได้เตาะแตะ"
​หากได้อ่านนิยายของคิง การกลับมาของเกจ ไม่ใช่แค่ทำร้ายผู้คนทางร่างกาย แต่ยังเล่นเกมจิตวิทยา ที่ทำให้คนอื่นๆ กลัว และจี้จุดอ่อนของพวกเขา ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ใช่การกระทำของเกจ แต่เป็นวิญญาณที่มุ่งร้าย ซึ่งมาครอบครองร่างเจ้าหนู ที่พอแสดงออกในหนัง กลับดูไม่สมเหตุสมผล "มีหลายอย่างจากนิยายที่เราใส่กลับไปในหนัง คนที่ไม่เคยอ่านนิยายแล้วมาดู อาจจะคิดว่า เป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงจากหนังปี 1989” โคลชเผย "แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือ เราคิดว่า 'ทำไมไม่ให้เธอพูดประโยคเหล่านี้ล่ะ?’ คำพูดพวกนี้มันอยู่ในนั้นแหละ แต่ไม่ได้ถูกใส่ในหนังต้นฉบับ เพราะมันคงไม่เข้าท่า หากให้ออกมาจากปากเด็กอายุแค่ 3 ขวบ”
​นอกจากเด็ก 3 ขวบจะดูน่าเชื่อถือน้อยกว่าแล้ว ยังทำอะไรได้ไม่มากด้วย เพราะยังแยกแยะความฝันกับความจริงจากกันไม่ค่อยได้ แต่พอเป็นเด็กที่โตกว่าอย่างเอลลี เธอก็รู้สึกและเชื่อในเรื่องที่น่าหวาดกลัว “เกจเด็กเกินไป คุณเล่นอะไรกับเขาไม่ได้มากนักหรอก “ดิ โบนาเวนตูราบอก “แต่พอเป็นเอลลี เราสามารถดึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใน ซึ่งมีผลกระทบต่อเด็กออกมาได้ด้วย เราสามารถก้าวไปในความเป็นหนังสยองขวัญจิตวิทยา ที่ว่าด้วยเด็กผู้กลับมาจากความตาย ได้จากวัยของเธอ”
​ในฉากที่เอลลีจากไป โคลชและวิดมายเออร์ ยังนำเสนอเป็นสถานการณ์พลิกผัน สร้างทั้งความระทึก ทั้งความน่าตื่นเต้น โดยเริ่มจากงานวันเกิดแสนสุข แต่แล้วจู่ๆ พวกเขาก็พาผู้ชมไปในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งส่งผลกระทบต่อได้อย่างดี ทั้งๆ ที่ไม่มีภาพอะไรให้เห็น แต่ที่อยู่ในใจผู้ชมกลับเป็นความอกสั่นขวัญแขวน “เราไม่อยากให้เห็นเยอะจนเกินไป เพราะไม่ต้องการให้เลือดกับความน่าสยดสยอง ดึงอารมณ์คนไปในฉากนี้" โคลชกล่าว
​วิดมายเออร์ เผยว่า ความคลุมเครือและความประหลาดใจในฉากนี้ เป็นเรื่องลูกเล่นพิเศษ "เป็นการผสมผสานกันระหว่างความน่าสะพึงกลัว และความหวาดหวั่น" พวกเขานำเสนอฉากนี้ด้วยสองสถานการณ์ขนานกัน เมื่อให้เกจวิ่งออกมาที่ถนน แล้วก็ป้องกันโศกนาฏกรรมหนึ่งได้ เพื่อให้เกิดอีกโศกนาฏกรรมหนึ่งแทน เพื่อตั้งใจจะย้ำถึงชะตากรรมที่ว่าด้วยความตายในฉากนี้
​“ความคิดก็คือ” วิดมายเออร์บอก “ไม่สำคัญว่า คุณพยายามขนาดไหนที่จะหยุดเรื่องร้ายๆ พวกนี้ไม่ให้เกิดขึ้น มันก็ยังเกิดขึ้นจนได้”
​เช่นเดียวกับพวกเขา ที่เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างในหนังจากนิยายและหนังฉบับก่อนหน้า หากท้ายที่สุด Pet Sematary ก็ยังคงพูดถึงเรื่องราวเดิมๆ การปล่อยวางให้กับความตาย
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Pet Sematary ฉบับปี 2019 คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ - Happy Monday หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ 15 เมษายน 2562
อ่านเแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด่วยกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
จัดอันดับ 10 ฉากหลังเครดิทท้ายเรื่องของหนังจักรวาลมาร์เวลที่เจ๋งที่สุด มีฉากไหนบ้าง ชมและอ่านเรื่องราวกันที่นี่ >> https://www.blockdit.com/articles/5cd1d3dad049d31045baab99
โฆษณา