15 พ.ค. 2019 เวลา 11:00 • บันเทิง
ฟังไปแล้ว - RECKLESS & ME งานชุดที่สองของคีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์ แจ็ค บางเออร์ ของใครหลายๆ คน
​งานชุดแรก Down in a Hole ออกมาในปี 2016 โดยทำงานร่วมกับจูด โคล นักร้อง-นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการศิลปินอีกด้วย แต่จะบอกว่าประสบความสำเร็จไหม ก็คงต้องบอกว่าไม่เท่าไหร่ เมื่ออัลบัมเปิดตัวด้วยอันดับที่ 18 และเป็นอันดับสูงสุดในชาร์ทอัลบัมแนวอเมริกานา/โฟล์ค แล้วไปได้ไกลที่สุดบนชาร์ทอัลบัมคันทรีแค่อันดับที่ 35 มียอดขายพันก็อปปี และถึงปี 2017 อัลบัม Down in a Hole ขายไปได้ทั้งหมด 8,100 ก็อปปี เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
​จะบอกว่าเป็นงานที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คงไม่ใช่ อย่างน้อยการเดินสายทัวร์สนับสนุนอัลบัมตลอดปี 2017 น่าจะบอกอะไรได้ แล้วหากได้ฟัง Down in a Hole ก็คืองานคันทรี ร็อค จิ๊กโก๋ๆ แมนๆ ได้ในความเป็นป็อป แม้ตัวเพลงอาจจะไม่ถึงกับมีลักษณะเฉพาะตัวชัดเจน แต่อย่างน้อยซาวนด์ดนตรีดิบๆ กับเสียงร้องสากๆ ฟังหนาๆ ในหลายๆ เพลงก็ถือว่าเป็นลายเซ็นที่ชัดเจนของอัลบัมได้
​ซึ่งหากเคยดูหนังอย่าง Phonebooth ก็คงจำได้ว่า เสียงจากปลายสายโทรศัพท์ที่เล่นงานตัวละครของโคลิน ฟาร์เรลล์ซะอ่วมนั้นมีเสน่ห์ขนาดไหน
​และในปีนี้คีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์เจ้าของเสียงนั้น เจ้าของอัลบัม Down in a Hole ก็มีงานชุดที่สอง Reckless & Me ออกมา โดยเป็นการทำงานร่วมกับโคลเจ้าเก่า แต่คราวนี้เขารับหน้าที่แต่งเพลงคนเดียวเกือบทั้งชุด ยกเว้น "Open Road” เพลงแรกของอัลบัมเพลงเดียวที่เป็นงานของโคล
​ทางดนตรีหลักยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เป็นงานคันทรี-ร็อค เหมือนที่ได้ยินจากอัลบัมชุดแรก แต่ที่ต่างไปก็คือ ซาวนด์ของงาน ฟังละมุนละไม ไม่ใช่จิ๊กโก๋ห้าวๆ อย่างที่เคยเป็น สุขุม นุ่มนวล และมีลูกเล่นมากขึ้น โดยเฉพาะอารมณ์ขัน อย่างใน “Blame It on Your Heart” ที่ฟังน่ารัก กุ๊กกิ๊กๆ แบบหนุ่มเจ้าชู้รุ่นใหญ่ จังหวะฮองกีทองค์สนุกๆ ของ “This is How is Done” ก็ฟังสดใส สดชื่น กว่าที่เคยได้ยินจากเพลงในลีลาเดียวกันจากอัลบัมชุดแรก แล้วหากจะกลับไปเป็นจิ๊กโก๋ ซุเธอร์แลนด์ก็ให้อารมณ์ที่แตกต่าง เหมือนที่ได้ฟังจาก “Agave”
​งานร้องประสาน ฟังละเอียด เรียบเรียงได้สวย ช่วยให้เพลงฟังเศร้าๆ ทั้งหลายฟังไม่ฟูมฟาย และให้อารมณ์แบบเข้าใจชีวิตมากขึ้น เช่นใน “Run to Him” ที่ปล่อยคนรักไปอย่างที่เธอต้องการ หรือเพลงถวิลหาอดีต “Saskatchewan” ซึ่งเจ้าตัวแต่งบนเครื่องบินขณะไปเยี่ยมแม่ที่เส้นเลือดอุดตันครั้งที่สอง และเขาคิดว่าไม่น่าจะรอดชีวิตแล้ว แต่ก็รอดมาได้ในที่สุด เนื้อหาที่พูดถึงความอบอุ่นและความรักที่ได้รับจากแม่ของเพลงนี้ สอดรับกับ “Song for a Daughter” เพลงต่อมา ที่เป็นการรำลึกถึอดีตอีกครั้ง ทั้งอารมณ์และเรื่องราว แต่หนนี้เป็นเพลงที่เขียนให้กับลูกสาว ที่ตอนนี้อายุ 31 ปีแล้ว โดยรำลึกถึงวันเวลาของเขาและครอบครัวที่ผ่านไป รวมทั้งตอกย้ำว่าความรักที่มีให้
​“When I’m over and done/ Know you were the one/ That made the love in my heart last”
​ไม่ใช่แค่ดนตรีจะนุ่มนวลมากขึ้น เสียงร้องของซุเธอร์แลนด์ก็นิ่ง และเยือกเย็นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เป็นความสอดคล้องอย่างลงตัวกับทั้งเนื้อหาและดนตรีที่นำเสนอออกมา
​หากนำไปเทียบกับอัลบัมก่อนหน้า งานชุดนี้ก็คือ การนำเสนออีกด้านของผู้ชายคนนี้ให้เห็นผ่านเสียงดนตรี หรืออีกมุมหนึ่งอาจจะมองว่าเป็นการทำงานที่เติบโตไปตามวัย ความคิด และประสบการณ์ แต่ไม่ว่าจะมองแบบไหน หรือไม่ต้องไปสนใจอะไนทำนองนี้
​Reckless & Me ก็คืออัลบัมที่ฟังสวยแบบแมนๆ อบอุ่น ละมุนละไมชุดหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ..
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง งานชุดที่สองของคีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์ Reckless & Me คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 10 พฤษภาคม 2563
แนวดนตรีอะไรที่เติบโตมากที่สุดในโลก ในปี 2018 หาคำตอบได้ที่นี่ > https://www.blockdit.com/articles/5cd14b5411ccb33f19c2c672
อ่านเแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด่วยกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
โฆษณา