3 มิ.ย. 2019 เวลา 17:36 • กีฬา
🔴 รางวัลของความพยายามในวันที่เหมาะสม
🔴 จากความเจ็บปวดจากนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 ที่กรุงเคียฟ ได้ฝากรอยแผลอันมหึมาให้แก่ทั้งนักเตะ ผู้จัดการ ทีมงานสต๊าฟโค้ช และแฟนบอลหงส์แดงทุกคน
🔴 อาถรรพ์ของผู้จัดการทีมหงส์แดงที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ 3 รายการก่อนหน้านี้ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่จบลงด้วยความผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา
🔴 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมผู้ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่คู่ควรกับการนำทีมคว้าแชมป์อะไรเลย เพราะขาดบารมีและยังห่างชั้นจากอดีตกัปตันอย่าง สตีเว่น เจอร์ราด อยู่มากโข
🔴 องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้แฟนบอลหงส์แดงหลายคนท้อแท้จนไม่คิดว่าทีมจะประสบความสำเร็จได้โดยง่ายในเร็ววัน
🔴 หรือแม้กระทั่งการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 2018/2019 ทั้งที่ได้ถึง 97 คะแนน (คะแนนดังกล่าวยังมากกว่าทีมที่จบด้วยตำแหน่งจ่าฝูงอยู่หลายฤดูกาล)
🔴 จริงอยู่ว่าเป้าหมายหลักของลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้ และสิ่งที่แฟนบอลต่างหวังว่าจะเป็นจริงมากที่สุดคือการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 19 ให้สำเร็จ หลังรอคอยมากว่า 29 ปี
🔴 แต่การเป็นจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 ก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลชื่นใจ และยังเป็นการตอบสนองที่ดีหลังจากต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดช่วงระยะเวลา 4 ฤดูกาลภายใต้การนำทัพของเยอร์เก้น คล็อปป์
🔴 เบื้องหลังรอยยิ้มและความภาคภูมิใจของพลพรรคนักเตะลิเวอร์พูล รวมไปถึงผู้จัดการทีม สต๊าฟโค้ช และฝ่ายบริหารของสโมสร ต่างแฝงไปด้วยร่องรอยของประสบการณ์และจิตใจอันแข็งแกร่ง
🔴 ในเวทียุโรปปีนี้ของทัพหงส์แดงมันเต็มไปด้วยความยากลำบากเสมอ เริ่มจากการต่อสู้อย่างเลือดตาแทบกระเด็นในรอบแบ่งกลุ่ม จนสามารถเบียดเอาชนะนาโปลี 1-0 ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่ม C
🔴 ในรอบ 16 ทีมก็ต้องผ่านคู่ต่อกรที่ช่ำชองในการเล่นบอลยุโรปอย่างบาเยิร์น มิวนิค โดยที่ในนัดแรกที่แอนฟิลด์จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 และแฟนบอลทั่วโลกต่างคิดว่า “เยือนอัลลิอันซ์ อารีน่า ยังไงลิเวอร์พูลก็ไม่รอด” แต่สุดท้ายลูกทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ก็สามารถบุกไปเอาชนะทัพเสือใต้ 3-1 ถึงประเทศเยอรมนี
🔴 รอบก่อนรองชนะเลิศในการพบเจอกับปอร์โต้ ก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดนัก เพราะถึงแม้จะจบด้วยการชนะ 2-0 ในรับของตนเอง และ 4-1 ในการไปเยือนโปรตุเกส แต่รูปเกมที่ออกมาก็ทำให้แฟนบอลต้องลุ้นตัวโก่งไม่น้อย
🔴 ในนัดแรกของรอบรองชนะเลิศที่ถิ่นคัมป์นู ทัพหงส์แดงมีรูปเกมที่ไม่เป็นรองบาร์เซโลน่า แถมยังมีลุ้นทำประตูอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายผลจบออกมาแบบชนิดที่ว่าโหดร้ายสุดๆ โดยทีมเจ้าบุญทุ่มได้ทีเด็กจากหลุยส์ ซัวเรส เด็กเก่าลิเวอร์พูล และลิโอเนล เมสซี่ ช่วยกันยิงพาต้นสังกัดถล่มลิเวอร์พูลไป 3-0
🔴 ก่อนเกมรอบตัดเชือก เลก 2 สถานการณ์ยังกลับไม่เป็นใจให้กับทัพเดอะ เร้ดส์ อีก เพราะต้องใช้ผู้เล่นชุดใหญ่บดเอาชนะนิวคาสเซิ่ลช่วงท้ายเกมไป 3-2 แถมยังต้องเสียโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัวสำคัญในแนวรุก 2 รายไปด้วยอาการบาดเจ็บอีก
🔴 รวมถึงบาร์เซโลน่าในขณะนั้น การันตีแชมป์ลีกสเปนไปแล้ว ก็พักตัวผู้เล่นอย่างสบายใจก่อนมาเยือนแอนฟิลด์ แถมการเป็นต่อ 3 ลูกจากนัดแรก คงไม่มีใครคาดคิดว่าลิเวอร์พูลจะสร้างปาฏิหาริย์พลิกเข้ารอบได้
🔴 แถมก่อนเกมดังกล่างยังมีกระแสข่าวลือว่า “ลิเวอร์พูลอาจพักตัวผู้เล่นหลักบางรายเพื่อไว้ใช้ลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว”
🔴 แต่ด้วยความเชื่อมั่น แรงใจ และเสียงกระตุ้นจากแฟนบอลในแอนฟิลด์ มันส่งผลโดยตรงให้หงส์แดงโกงความตายพลิกเอาชนะทัพเจ้าบุญทุ่มถึง 4-0 จากทีเด็ดของ ดิว็อค โอริกี้ และ จีนี่ ไวจ์นัลดุม (รวมไปถึงไหวพริบของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จากการเปิดลูกเตะมุมไว)
🔴 คราวนี้เมื่อถึงนัดชิงชนะเลิศกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สนามวานด้า เมโทรโปลิตาโน่ แม้รูปเกมจะออกมาในรูปแบบที่จืดชืดไปบ้าง แต่ลิเวอร์พูลทีมนี้ได้รับบทเรียนจากการเข้ามาเล่นในรอบนี้เมื่อปีก่อน ฉะนั้นความรัดกุมจึงมีมากขึ้น
🔴 ซาดิโอ มาเน่ เรียกจุดโทษให้ทีมได้ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ก้าวขึ้นมาสังหารประตูสำเร็จ ลบฝันร้ายจากรอบชิงฯ ในซีซั่นก่อนได้สำเร็จ
🔴 เกมรับของลิเวอร์พูลเล่นกันอย่างอดทน แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาดและแน่นอน รวมถึงอลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มหนึบ ไม่มีข้อผิดพลาดให้ทีมต้องกังวลใจ
🔴 สุดท้ายจบที่ทีเด็ดของ ดิว็อค โอริกี้ มาซัดประตู 2-0 ในนาที 87 ช่วยทีมการันตีถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ
🔴 1 ปีจากเคียฟ สู่ความสำเร็จในกรุงมาดริด มันสะท้อนให้เราเห็นว่า “ความพยายามนำพาไปสู่บทเรียนอันล้ำค่า”
🔴 จากความผิดพลาดอันหนักหน่วงของลอริส คาริอุส นำพาไปสู่การซื้อโกล์อย่างอลิสซอน เบ็คเกอร์ ในราคา 66 ล้านปอนด์ ซึ่งคุ้มค่าทุกเม็ดเงินที่ลงทุนไป
🔴 จากเกมรับที่หละหลวมและผิดพลาดง่าย ถูกแทนที่ด้วยความรัดกุมและสุขุม ภายใต้การนำของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
🔴 จากเกมเพรสซิ่งหนักหน่วงถูกแทนที่ด้วยการเล่นเชิงคุมจังหวะเกมมากยิ่งขึ้น โดยความเขี้ยวที่เพิ่มมากขึ้นของชายที่ชื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์
🔴 ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวความสำเร็จที่เกิดจากความพยายามในช่วงเวลาต่างๆ ของลิเวอร์พูลจนกระทั่งคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้อีกคำรบ รวมถึงความสำเร็จของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในครั้งที่ 7 จากการเข้าชิงบอลถ้วย (ก่อนหน้านี้สถิติ 6 ครั้ง แพ้รวด 6 ครั้ง)
🏆 สุดท้ายแล้ว “ลิเวอร์พูล” คือสโมสรที่คู่ควรแก่การคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 อย่างไม่มีข้อกังขา
👏 และขอแสดงความยินดีกับแฟนบอล นักเตะ และทีมงานของหงส์แดงทุกคน พวกคุณคู่ควรกับความสำเร็จดังกล่าว หลังจากต้องใช้พลังใจและความพยายามมาอย่างยาวนาน
🙏 Learning สำหรับการใช้ชีวิต : อย่ากลัวการที่จะผิดพลาดหรือลงมือทำบางอย่าง และจงใช้ความพยายามของคุณให้มากที่สุด เรียนรู้และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ สักวันหนึ่งคำตอบหรือปลายทางที่ดีจะมาถึงในวันที่เหมาะสม
#OnThePitch #LearningHub #Liverpool #UCL
โฆษณา