27 มิ.ย. 2019 เวลา 07:00 • สุขภาพ
รู้หรือไม่...คนไทย 1ใน3 ติดเชื้อวัณโรคเรียบร้อยแล้ว
ก่อนอื่นเลยทุกคนอย่าเพิ่งตกใจกับชื่อของบทความนี้นะครับ แม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม คุณจะสามารถพบคนติดเชื้อวัณโรคได้ 1 คนในทุกๆ 3-4 คนที่คุณเดินผ่าน และอาจรวมถึงตัวของคุณเอง
วัณโรคนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากๆ เล็กมากกว่าแบคทีเรียทั่วๆไป ส่วนใหญ่แล้วติดต่อโดยผู้ป่วยที่กำลังติดเชื้อไอหรือจามออกมา โดยเชื้อสามารถฟุ้งอยู่ในอากาศได้นานถึง 30 นาที แม้คนที่ไอมันจะเดินหายไปนานแล้วก็ตาม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนอย่างพวกเราเนี่ย เป็นแหล่งที่อยู่ที่ชุกชุมมากๆของเชื้อวัณโรคครับ เรียกได้ว่าคนไทยแทบทุกคนต้องเคยหายใจเอาเจ้าเชื้อวัณโรคที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเหล่านี้เข้าไปในปอดสักครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตของพวกเรา ส่วนใหญ่เคยได้เชื้อมาตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยซ้ำไป ใครที่ยังไม่เคยได้สัมผัสเชื้อตัวนี้ก็ต้องบอกว่าเสียชาติเกิดเป็นคนไทยเลยล่ะครับ
ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะครับ สถานการณ์โรควัณโรคในประเทศไทยถือว่าอยู่ในอาการหนักเลยทีเดียว และองค์กรอนามัยโลก(WHO)ก็ขึ้นบัญชีแดงประเทศเรามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ปัจจุบันนี้มีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคมากกว่าโรคเอดส์ด้วยซ้ำไป แต่ตลกร้ายก็คือ พวกเราคนไทยเกือบทุกคนต่างเคยได้สัมผัสเชื้อวัณโรคมาเรียบร้อยเสียแล้ว
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ จำนวนตัวเลขจริงๆบวกลบได้บ้าง ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน โดยสมมุติว่าทั้ง 70 ล้านคนน่าจะเคยสัมผัสเชื้อตัวนี้ เมื่อเชื้อวัณโรคเข้าสู่ปอด จะมีประมาณ 50 ล้านคน(70%ของทั้งหมด)ที่ร่างกายแข็งแรงมากๆ ไม่ยอมให้เชื้อวัณโรคเข้ามาตั้งถิ่นฐานได้แม้แต่นิดเดียว โดยเหล่าเชื้อวัณโรคที่โดนสูดเข้ามาในปอดนั้นจะถูกเม็ดเลือดขาวในร่างกายสังหารทิ้งทั้งหมด
ส่วนอีก 20 ล้านคนนั้น(30%ของทั้งหมด) จะไม่สามารถป้องกันการรุกรานของเหล่าเชื้อวัณโรคนี้ได้ ปล่อยให้เชื้อวัณโรคเหล่านั้นเข้ามาตั้งถิ่นฐานในปอด ซึ่งหมายความว่ามีคนไทยประมาณ 20 ล้านคนหรือประมาณ 1ใน3 นั้นที่ติดเชื้อวัณโรคไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งตกใจนะครับ ถ้ามีผู้ป่วยวัณโรคในประเทศไทยถึง 20 ล้านคน คนไทยคงสูญพันธ์ุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกันครับ
ในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ 20 ล้านคนนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นวัยรุ่นวัยทำงานที่ยังมีสุขภาพร่างกายเเข็งแรง คนเหล่านี้ประมาณ 18 ล้านคนนั้น(90%ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) แม้ร่างกายจะยอมปล่อยให้เชื้อเข้ามาตั้งถิ่นฐานได้ในปอด แต่ร่างกายก็ยังแข็งแรงเพียงพอที่จะ”กักขัง”ให้เชื้อมันตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณเล็กๆที่ทางเข้าของพวกมันเท่านั้น ดังนั้นผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จึงไม่มีอาการใดๆไปตลอดทั้งชีวิตแม้มีเชื้อวัณโรคอยู่ในตัวแล้วก็ตาม พวกเราเรียกสภาวะนี้ว่า”การติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง” ไม่มีอาการ ไม่สามารถแพร่เชื้อ และไม่ถือว่าเป็นผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าถ้าร่างกายไม่เเข็งแรงเมื่อไร เชื้อวัณโรคก็จะสามารถแหกคุกออกมาได้ทันที
สุดท้ายนะครับ ในส่วนอีก 2 ล้านคนที่ติดเชื้อนั้น(10%ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) ร่างกายจะไม่เเข็งแรงเพียงพอที่จะกักขังเชื้อวัณโรคไว้ได้ ปล่อยให้เชื้อวัณโรคแพร่กระจายรุกรานในปอด นี่คือจำนวนโดยประมาณของผู้ป่วยวัณโรค ผู้ป่วยที่ป่วยจริงๆ มีอาการ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที
โดยเฉลี่ยแล้วประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคที่ต้องได้รับการรักษาเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละประมาณ 1 แสนกว่าคน ผู้ป่วยเหล่านี้ถ้าไม่มารักษา ส่วนใหญ่จะต้องเสียชีวิตภายใน 5 ปี
วัณโรคนั้นเกือบทั้งหมดจะเป็นโรคติดเชื้อที่”ปอด”ครับ แต่ก็สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วทั้งร่างกายถ้าผู้ป่วยอ่อนแอมากๆ เช่นมีโรครุมเร้าหลายอย่าง หรือปล่อยให้เป็นมากๆไม่ไปรักษา เชื้อวัณโรคก็สามารถไปติดเชื้อได้ในต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่างๆ เยื่อหุ้มสมอง ตับ ไต เป็นต้น ซึ่งจะยิ่งมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้นเช่นกัน สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกก็สามารถเกิดได้ แต่ก็พบได้น้อยมากๆ
เมื่อป่วยเป็นวัณโรคแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะมีอาการตามนี้ครับ
1.ไข้ : เป็นไข้ต่ำๆเป็นๆหายๆ อาจเป็นมากช่วงเย็นๆ
2.ไอเรื้อรัง : นานกว่า 2 สัปดาห์ อาจมีเลือดหรือเสมหะปนหรือไม่ก็ได้ ถ้าเป็นมากๆอาจหอบเหนื่อยได้
3.เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
ใครมีอาการแบบนี้ก็ควรไปตรวจทันทีอย่าได้รีรอ
เอาล่ะครับ มาดูกันดีกว่าว่าคุณจะสามารถป้องกันโรคนี้ได้อย่างไรบ้าง อันดับแรกครับ ป้องกันการสัมผัสโรค แน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องเคยสัมผัสเชื้อวัณโรคกันไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่อาจได้รับเชื้อในปริมาณมากๆครับ นั่นก็คือสถานที่แออัดต่างๆ และบริเวณที่มีคนเป็นวัณโรคหรือกำลังไอเรื้อรัง
1
อันดับที่2 แม้ว่าคุณจะพยายามป้องกันการสัมผัสเชื้อมากแค่ไหนก็ตาม คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเชื้อทั้งหมดได้แน่นอน อย่างที่บอกไปครับ มีคนไทยประมาณ 1ใน3 ที่ติดเชื้อเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำด้วยก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้เเข็งแรงที่สุด เพื่อกักขังเจ้าเชื้อวัณโรคเหล่านี้ให้อยู่ในปอดของคุณต่อไป ไม่ให้ออกไปไหนได้อีกตลอดชีวิต แล้วคุณจะสามารถดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรได้บ้าง ผมขอสรุปเป็นข้อๆเเบบนี้ให้แล้วกันนะครับ
1.ดูแลสุขภาพตัวเองไม่ให้เป็นโรคเรื้อรังใดๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง เป็นต้น โดยการกินอาหารที่ถูกต้อง ลดความอ้วน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ (ในรายละเอียดแนะนำอ่านที่อื่นเพิ่มเติมละกันนะครับ)
2.โรคเอชไอวี หรือเอดส์ ห้ามเป็นเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น
3.หยุดสูบบุหรี่ตั้งแต่ตอนนี้
ถ้าคุณทำตามนี้ได้ ต่อให้คุณจะติดเชื้อแล้วหรือไม่ก็ตาม เชื้อวัณโรคนั้นก็จะไม่สามารถทำร้ายร่างกายของคุณได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าคนที่ติดเชื้อนั้น มีถึง 90% ที่ไม่ป่วยเป็นวัณโรคจริงๆ
ผมอยากบอกว่าสิ่งนี้เป็นความพิเศษอย่างหนึ่งของวัณโรคนี้ครับ แม้จะติดเชื้อแล้ว แต่ก็ยังมีทางเลือกให้เดินต่อ ขอแค่เพียงคุณดูแลสุขภาพให้ดีตลอดไป ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ เพียงพอที่จะทำให้คุณอยู่รอดปลอดภัยจากวัณโรค แม้อยู่ในประเทศที่มีเชื้อวัณโรคแพร่ระบาดมากมายอย่างประเทศไทยก็ตาม...
#Healthstory
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
Blockdit : Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว
[R]
แนวทางการวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคในประเทศไทย, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
UpToDate(แหล่งรวมข้อมูลทางการแพทย์โดยเน้นหลักฐานที่ทันสมัย)
- Tuberculosis: Natural history, microbiology, and pathogenesis
โฆษณา