27 มิ.ย. 2019 เวลา 00:54 • ธุรกิจ
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผมสงสัยว่าทำไมดัชนี SET ขึ้นแต่หุ้นเราไม่เห็นไปไหน เพื่อหาคำตอบนั้นผมเลยทำการทดสอบย้อนหลังกลับไปในช่วงปี 2016-2019 ปัจจุบัน
ผลทดสอบการจำลองพอร์ตโฟลิโอการลงทุน จำนวน 1,000 พอร์ต แต่ละพอร์ตจะซื้อหุ้นแบบสุ่ม จำนวน 100 ตัว ด้วยเงินจำนวนตัวละ 1 ล้านบาท หรือพอร์ตละ 100 ล้านบาท ซื้อแล้วถือยาวตั้งแต่ปี 2016.01.01 ถึง 2019.06.24 เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนของแต่ละพอร์ตกับผลตอบแทนของดัชนี SET โดยพบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของทุกพอร์ตโฟลิโออยู่ที่ 2.09% ขณะที่ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นจากระดับ 1286.29 มาอยู่ที่ 1716.00 จุด เพิ่มขึ้น 35.82% หรือค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของพอร์ตทั้ง 1,000 พอร์ตแพ้ตลาดถึง 33.73% ทั้งนี้เมื่อดูที่ 200 พอร์ตโฟลิโอแรกที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด (ได้ผลตอบแทนสูงที่สุด 20% แรก) มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 10.34% ซึ่งถือว่าสูงขึ้นมากจากค่าเฉลี่ยทั้งหมด แต่ก็ยังแพ้ตลาดอยู่ถึง 25.48% ทั้งนี้เมื่อดูที่พอร์ตที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดหรืออาจพูดได้ว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดหรือโชคดีที่สุดใน 1,000 คน มีผลตอบแทนอยู่ที่ 20.23% แต่ก็ยังแพ้ตลาดอยู่ดี
มาดูที่ความเสี่ยงกันบ้าง โดยวัดจากค่า %Maximum Drawdown (%DD) หรือการที่พอร์ตมีมูลค่าลดลงจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด (ผลขาดทุนสูงที่สุด) พบว่า ค่าเฉลี่ย %DD ของทั้ง 1,000 พอร์ตอยู่ที่ -26.50% ขณะที่ดัชนี SET ปรับตัวลดลงเพียง -15.8% ส่วนพอร์ตที่เก่งที่สุดในจำนวนพันพอร์ตมีค่า %DD อยู่ที่ -14.87% ซึ่งถือว่าชนะ SET ไปแบบเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งหมดนี้อาจสรุปได้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่รวมถึงตัวผมเองด้วยที่ลงทุนกระจายไปในหุ้นกลุ่มต่างๆ ที่ไม่ได้ถือหุ้นจำกัดอยู่แต่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 มีผลการลงทุนที่แพ้ตลาดอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ของผลกำไรและความเสี่ยง ดังนั้นนักลงทุนก็อาจจะรู้สึกอึดอัดว่าทำไมดัชนี SET ขึ้น แต่หุ้นในพอร์ตตัวเองกลับไม่ขึ้น ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ผมสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะหุ้นขนาดใหญ่บางกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น เป็นตัวดึงให้ดัชนีปรับสูงขึ้นมาก
**หมายเหตุ ผลตอบแทนในการทดสอบนี้ไม่นับรวมเงินปันผล
ข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ เป็นการเขียนเพื่อแบ่งปันความคิดเห็นเท่านั้นครับ
ตารางแสดงผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการทดสอบย้อนหลังของพอร์ตโฟลิโอจำของจำนวน 1,000 พอร์ต (แบบย่อ)
โฆษณา