18 ก.ค. 2019 เวลา 12:50
“When you say nothing at all” (2)
[เรื่องสั้นจากบทเพลง]
Talk//
สวัสดียามดึกค่ะ นี่เป็นเรื่องแรกที่ช่วง Talk อยู่ก่อนเรื่อง และเราก็หวังว่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายค่ะOrz
อย่างแรกก่อนเลย คือเพื่อไม่ให้คนอ่านสับสน เมื่อเครื่องดนตรีถูกจูนเสียง หากไม่จูนตามที่ sheet music กำหนด แปลว่าคนเล่นต้องหาวิธีจับตัวโน๊ตใหม่หมดค่ะ เพราะหากจะให้บทเพลงเหมือนเดิม ก็ต้องเปลี่ยนวิธีจับใหม่หมดเลย
อย่างที่สอง ตอนแรกที่คิดจะแต่ง วางพล็อตเรื่องไว้ heart warming มากๆ แต่แต่งไปมาแล้วไม่พอใจค่ะ ลบทิ้งหมดเลย
ก็เลยต้องเริ่มแต่งใหม่ค่ะ เรื่องนี้ก็อบอุ่นหัวใจ(?)เช่นกันค่ะ แต่คนเขียนเกรงว่ามันจะไม่ได้อบอุ่นแค่หัวใจ...
เอาเป็นว่า... เราไม่มั่นใจกับงานนี้มากๆ เพราะเคยแต่งอะไรแบบนี้แค่สองสามรอบ แล้วก็ไม่เคยเอาให้ใครอ่านด้วยค่ะ ดังนั้นเตรียมพบกับช่วง The roast of MidnMarry
สุดท้ายนี้ ใครที่ยังอยากรักษาควมน่ารักของเพลงนี้เอาไว้ ก็ได้โปรดอย่าเลื่อนลงไปอ่านค่ะ และถือว่าเรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง ขอให้โชคดีนะคะ รักนักอ่านทุกคนค่ะ😰💕
It’s amazing how you can speak right to my heart
Without saying a word, you can light up the dark
ทันทีที่ม่านสีแดงเปิดออก
ภาพของผู้ชมนับพันในห้องก็ปรากฏต่อสายตาของเธอ
มือข้างที่ใช้ถือคันไวโอลินกระชับแน่นขึ้น
เหงื่อเย็นๆซึมผ่านฝ่ามือและไรผม
หญิงสาวหลับตาลง ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะมองตรงไปที่ประตูด้านหลังสุดของฮอลล์
ที่ที่ผู้จัดการหนุ่มของเธอยืนอยู่...
Try as I may I could never explain
What I hear when you don’t say a thing
เพลง Brahms Violin concerto in D major Op. 77 ถูกบรรเลงขึ้นอย่างช้าๆด้วยสองแขนบาง ดวงตากลมของเธอยังคงมองไปที่ใบหน้าของเขา
ระยะทางจากบนเวทีไปจนถึงประตูด้านหลังสุดอยู่ไกลจนเธอมองไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาเป็นแบบไหน
แต่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงยิ้มอยู่
เป็นรอยยิ้มมุมปากที่เจ้าตัวชอบทำบ่อยๆ สองมือที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างทำให้แทบจะอยากกลอกตาใส่ตรงนั้นเลย
‘คิดว่าเท่รึไง?’
The smile on your face let’s me know that you need me
เขามองรอยยิ้มบางทีจุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวด้านบน
เธอดูดีทีเดียวในชุดเดรสสีแดงที่เขาเตรียมให้ มันขับให้ผิวสีขาวของเธอผุดผ่องเมื่อรวมกับแสงไฟบนเพดาน
คนนับพันพุ่งความสนใจไปที่เธอ...
หญิงสาวผู้สามารถสะกดคนทั้งห้องได้ด้วยบทเพลงเพียงบทเดียว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น
ตกหลุมที่พรางด้วยรอยยิ้มแสนร้ายเดียงสาของเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น
There’s a truth in your eyes saying you’ll never leave me
เขาเคยบอกว่าเธอเหมือนแกะในคราบหมาป่า เธอจำได้ว่างอแงใส่เขาเพราะเรื่องนั้นไปหลายรอบเหมือนกัน
ช่วยไม่ได้นี่นะ... ถ้าเธอไม่ทำตัวเหมือนแกะ
มีเหรอ ที่เขาจะจ้องเธอด้วยสายตาราวต้องมนตร์แบบนั้น
อีกอย่าง ขืนเป็นแค่แกะโง่ๆ เธอก็ตามเกมส์ของเขาไม่ทันพอดี
The touch of your hand says you’ll catch me wherever I fall
ใครจะไปคิดว่าแขนที่เรียวเล็กเป็นตะเกียบแบบนั้นจะออกแรงเล่นไวโอลินได้ ตอนที่เขาเห็นมันครั้งแรก อย่าว่าแต่สีไวโอลินเลย จะหยิบคันชักขึ้นมาถือได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ไหนจะท่าทีเก้ๆกังตอนวางไวโอลินบนบ่าอีก
ก็เลยเผลอปากพูดไปว่าอย่างเธอน่ะ ไม่มีวันทนเล่นได้จนจบเพลงหรอก
สรุปคือ เขาโดนอีกฝ่ายต้มตุ๋นจนเปื่อย
เลยต้องมายืนเฝ้าเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่แบบนี้
ไม่ยักรู้ว่านักดนตรีสมัยนี้เค้าหัดใช้มารยากันด้วย
แต่ก็เอาเถอะ เพราะเขาก็ไม่ได้เสียเปรียบซะทีเดียว
อีกอย่าง แผนของเขาก็กำลังไปได้สวย
You say it best
When you say nothing at all
ทันทีที่บทเพลงของเธอบรรเลงมาจนถึงจุดสิ้นสุด ผู้คนก็พร้อมใจกันยืนขึ้นปรบมือ ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายเหมือนเวลาเราเพิ่งฟังเทศน์ในโบสถ์
เธอก้มตัวลงจนสุด ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงจากเวที
เขารออยู่ที่ห้องพักของนักดนตรี ทั้งสองสบตากัน เธอมีใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนเขาเหยียดยิ้ม
“...” ไวโอลินตัวโปรดถูกผลักเข้าใส่อกของอีกฝ่ายซึ่งชายหนุ่มก็รับมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะวางมันลงบนเก้าอี้อย่างเบามือ
เธอยกมือขึ้นปลดยางรัดผมออก ปล่อยให้เส้นผมสีแดงตกลงที่กลางหลัง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
“คุณขี้โกง!”
“ตอนที่ตกลงกันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าทำไม่ได้” เอาอีกแล้ว ไอ้ท่าเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงแบบนั้นอีกแล้ว
“ถ้าชั้นเล่นไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง? ดีแค่ไหนแล้วที่ชั้นลองเล่นแล้วจับได้ก่อน ไม่งั้นถึงจะเพี้ยนแค่โน้ตแรก แต่ฉันต้องโดนพวกตาลุงนั่นเขียนด่ายับแน่ๆ!”
แล้วถึงไม่เล่นเพี้ยน เธอก็ไม่ได้เล่นตามชีทเพลงจริงๆ เพราะต้องดัดแปลงเอา ณ ตอนนั้นเลย ดังนั้นตามข้อคกลงที่พวกเขาเคยทำไว้ ก็เท่ากับว่าเธอแพ้พนันของเขาแล้ว
“แค่จูนให้ลดลงมาครึ่งเสียง ไม่ลำบากขนาดนั้นหรอกมั้ง?” เขายักไหล่
“...แต่คุณไม่ได้บอกก่อน!” เธอถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“สรุปคือจะให้เป็นโมฆะ?” เขาถามลองเชิง
“ไม่ ชั้นไม่ใช่คนแบบนั้น คุณจะไปก็ไป” เธอพเยิดหน้าไปทางประตูด้านขวามือ
“ไม่ได้บอกว่าจะไป” อยากเตะให้รอยยิ้มบ้าๆนั่นหายไปชะมัด...
“แล้วจะขออะไร?”
ไร้เสียงตอบ มือหนาผลักให้แผ่นหลังของร่างบางชนกับกำแพงห้องที่เย็นเฉียบ ก่อนจะใช้แรงรวบข้อมือของเธอไว้ด้านบน แววตาของเขาเปลี่ยนไปจนเธอใจหาย หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะเข้มแข็งเริ่มสั่นระริกจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะ
All day long I can hear people talking out loud
“บ้าที่สุดเลย” เธอพึมพำ มือวางบนแผ่นอก ใบหน้าหวานซบลงที่บ่าของอีกฝ่าย
แอบโกรธไอ้ฟองน้ำสีดำที่ติดอยู่ทั้งด้านนอกและด้านในห้อง มันทำให้ห้องนี้เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น
ไม่รู้ว่าที่มันเต้นแรงขนาดนี้เพราะมือหนาที่สัมผัสอยู่บริเวณต้นขา หรือเพราะริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอกันแน่...
“พวกนั้นบอกว่าเธอเล่นดี บอกแล้ว คนฟังที่นี่ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก” เค้ากระซิบเบาๆ ขณะใช้มืออีกข้างรูดซิบด้านหลังชุดเดรสสีแดงแล้วปล่อยให้มันลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
หญิงสาวอยากออกปากท้วงเหลือเกินว่าราคาชุดนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย แต่ตอนนี้แค่พยายามห้ามเสียงครางของตนเองไม่ให้หลุดรอดออกมาก็ลำบากมากพอแล้ว
But when you hold me near
You drown out the crowd
เธอเงยหน้าขึ้นส่งสายตาคาดโทษไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะที่ดวงตาคู่นั้นจะต้องเบิกกว้างเพราะริมฝีปากที่ประทับลงมาบนจมูกของเธอ ใบหน้านวลขึ้นสีแดงและเห่อร้อนจนต้องเบือนหน้าหนี
“รักนะครับ” เป็นคำสารภาพรักที่ดังออกมาไม่ถูกเวลาชะมัด...
“ไม่รักค่ะ ชดใช้มาเลย” เธอพยายามดันแขนของอีกฝ่ายที่โอบรัดเอวบางของเธอไว้ให้ขยับออก แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะมันยิ่งทำให้เขาออกแรงมากขึ้นอีก
“ก็ชดใช้ให้อยู่นี่ไง” กรี๊ดออกมาเลยดีมั้ยนะ เอาให้ไอคนบ้านี่โดนจับซะให้เข็ด
แต่ห้องนี้มันเก็บเสียง ต่อให้เธอร้องให้เสียงดังกว่านักร้องโอเปร่ายังไง ข้างนอกก็ไม่มีทางได้ยินแน่นอน
วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ... ให้ตาย...
Try as they may they can never define
“คุณตามผมไม่ทันหรอกน่า:)”
“ชั้นเกลียดรอยยิ้มคุณที่สุด... อื้อ...“ เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มือบางเกาะไหล่เขาเพื่อทิ้งน้ำหนักตัว
คนรอบตัวชอบบอกว่าเธอเป็นคนแผนสูง
แต่ดูตอนนี้สิ... ไม่อยากให้พวกเขามาเห็นสภาพเธอตอนนี้เลย
ผมสีแดงเหมือนไวน์องุ่นยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตากลมโตสีมรกตเป็นประกายเพราะหยาดน้ำตา ริมฝีปากสีแดงระเรื่อบวมช้ำ
น่าหงุดหงิด..
เธอแพ้เขาอย่างหมดสภาพเลยคราวนี้
What’s been said between your heart and mine
ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างหัวใจของพวกเขาหรอก
จะมีก็แค่เสียงโวยวายจากหมาป่าที่อยู่ในคราบแกะ
และเสียงหัวเราะจากสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ในคราบหมาป่า
เหมาะสมกันดีนะ ว่ามั้ย? :)
ภาพจาก Yamaha Corporation
[ขอพื้นที่ไว้อาลัยคนเขียน 3 วิค่ะ]
อาเมนU_U

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา