1 ส.ค. 2019 เวลา 01:35 • ธุรกิจ
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ...
.
คนตัดฟืนนอนหลับไปในกลางดึก
เขาฝันเห็นเทวดามาชวนให้เขาไปเที่ยวชมโลกหลังความตาย
เทวดาให้เขาเลือกว่าจะไปที่ใดก่อน
ระหว่าง "สวรรค์" กับ "นรก"
คนตัดฟืนเลือกไปดูนรกก่อน
เพราะเขาสงสัยหลายอย่างในคำสอนเกี่ยวกับนรก
.
เทวดาจึงบอกให้คนตัดฟืนหลับตา
แน่นอน เขาทำตาม
ก่อนที่เทวดาจะจูงเขาก้าวเดินไปข้างหน้าเพียง 2-3 ก้าว
แล้วก็บอกให้ลืมตา
"นี่คือนรก" เทวดาบอก ...
ที่นั้นเป็นห้องกว้าง เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นหอประชุม หรือ Hall ที่จุคนได้นับหมื่น
เกือบทั้งพื้นที่ เต็มไปด้วยโต๊ะอาหารยาวนั่งได้โต๊ะละ 50-60 คน นับเป็นร้อยๆโต๊ะ
ที่น่าแปลกใจคือ โต๊ะเหล่านั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด และน่าจะเพียงพอสำหรับทุกคนที่นั่งอยู่รอบๆ
.
เทวดาหันมาบอกคนตัดฟืนว่า
“คนเหล่านี้คือสัตว์นรก พวกเขาตายแล้วลงมาอยู่ในนรก เพราะพฤติกรรมที่พวกเขาได้ทำไว้ตอนยังเป็นมนุษย์”
คนตัดฟืนรู้สึกแปลกใจทั้งในคำพูดของเทวดาและภาพที่เห็นตรงหน้า
เหตุใดนรกจึงมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร?
และดูเหมือนว่าพฤติกรรมที่เทวดาพูดถึง ก็คงไม่ได้ร้ายแรงอะไรนักหรอก
ดูสิ ... อย่างน้อย พวกเขาก็กำลังจะได้กินอาหารดีๆ พวกนั้น
.
แต่เดี๋ยวก่อน ...
คนตัดฟืนเริ่มจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ...
ทั้งๆ ที่มีอาหารบริบูรณ์อยู่ตรงหน้าแท้ๆ
แต่เหตุใดคนที่นั่งอยู่รอบๆ โต๊ะเหล่านั้น กลับผอมแห้ง ตัวเหลือง ซีดเซียว
ราวกับว่า ไม่ได้กินอะไรมานานแรมปีล่ะ?
ทันใดนั้น
เทวดาก็อธิบายกฎของโต๊ะอาหารในนรกให้เขาทราบ
 
"ที่นี่อนุญาตให้กินอาหารบนโต๊ะได้
แต่มีกฎเหล็กอยู่ข้อเดียวคือ
ห้ามใช้มือหยิบอาหารเข้าปากโดยเด็ดขาด
สัตว์นรกได้รับอนุญาตให้ใช้ช้อนที่วางอยู่บนโต๊ะตักอาหารเข้าปากได้เท่านั้น"
คนตัดฟืนมองไปที่ช้อนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเหล่านั้นตามคำบอกเล่าของเทวดา
เขาพบว่า ช้อนพวกนั้นมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1 เมตรเลยทีเดียว
.
ไม่ทันไร ...
ชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางห้องพร้อมกระดิ่งในมือ
"นั่นคือ พญายม ยังไงล่ะ" เทวดาบอกคนตัดฟืน
"อย่างนั้นหรือ? ทำไมท่านจึงไม่ได้ดูใจร้ายเหมือนในพระคัมภีร์เลย" คนตัดฟืนสงสัย
แต่เทวดาไม่ได้ตอบอะไร
พญายมมองไปรอบๆ
ก่อนที่ท่านจะสั่นกระดิ่งสั้นๆ 1 ครั้ง
เป็นสัญญาให้บรรดาสัตว์นรกเริ่มกินอาหารบนโต๊ะ
ทันใดนั้นเอง ...
บรรดาสัตว์นรกผู้หิวโหยต่างก็พากันคว้าช้อนยาวตรงหน้า
จ้วงอาหารที่อยู่ในจานอย่างไม่คิดชีวิต
พวกเขาทำเหมือนกัน
คือ กอบโกยให้ได้มากที่สุด
... มากเท่าที่จะมากได้ ...
พวกเขาตวัดอาหารที่ตักได้เข้าปาก
แต่ช้อนยาว 1 เมตรทำให้พวกเขาบางคนต้องพยายามยืดหัวให้มากขึ้น
บางคนต้องพยายามอ้าปากให้กว้างขึ้น
และ
บางคนต้องยืดแขนออกไปให้มากขึ้น
ช้อนของแต่ละคนกระทบกัน
แกว่งกวัดตวัดข้ามกัน
บ้างก็ฟาดฟันกันไปมา
เหมือนกับว่าช้อนที่อยู่ในมือนั้น เป็นมีดเป็นดาบก็ไม่ปาน
บรรดาคำข้าว คำอาหารที่ควรจะได้เข้าปาก
กลับร่วงหล่นเละเทะ ไร้ความหมายอยู่บนโต๊ะบ้าง เรี่ยราดอยู่ตามพื้นบ้าง
ความวุ่นวายเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีเลยสักคนที่ได้ลิ้มรสอาหารในจานอย่างเต็มปากเต็มคำ
อย่างดีที่สุด ก็พองับได้เศษข้าวที่ปลิวมา กระเด็นมา
จากแรงเหวี่ยงของช้อนที่กระทบกันของคนข้างๆ
.
ผ่านไปนานพอสมควร
พญายมสั่นกระดิ่ง
ช้อนของแต่ละคนก็หายวับไป
พวกเขาพากันลุกออกจากโต๊ะไปด้วยความโกรธ คับแค้น และเสียใจ
บางคนถึงขนาดทุบตีตัวเอง
พวกเขาจนปัญญาที่จะเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช้อน
พวกเขาจนปัญญาที่จะเลือกคนนั่งด้วยเพื่อให้ช้อนไม่เกี่ยวกัน
พูดง่ายๆ ...
พวกเขาถนัดที่จะกอบโกย
แต่กลับจนปัญญาที่จะกอบโกยอาหารเข้าปากตัวเองให้ได้มากที่สุดในนรกแห่งนี้
.
"พญายมไม่เคยใจร้ายกับพวกเขาเลย
ท่านมาที่นี่ทุกๆ วัน เพื่อสั่นกระดิ่งอนุญาตให้สัตว์นรกกินอาหารที่ญาติของพวกเขาทำบุญมาให้"
เทวดาอธิบายต่อ
"แต่พฤติกรรมที่พวกเขาได้ทำไว้ตอนยังเป็นมนุษย์ มันไม่เคยหายไปจากพวกเขาเลย ... "
คนตัดฟืนพยักหน้า
.
เขาตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เขาเห็น
เทวดาหันมายิ้มให้และบอกให้เขาหลับตาอีกครั้ง
ก่อนจะจูงมือเขาก้าวไปข้างหน้าอีก 2-3 ก้าว
แล้วสั่งให้ลืมตา
.
คนตัดฟืนลืมตา
"นี่คือสวรรค์" เทวดาบอก ...
มันคือห้องแบบเดิม ทุกอย่างเหมือนกัน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นห้องเดียวกัน
อาหารก็อลังการเหมือนๆ กัน
และช้อนก็ยาวพอๆ กัน
แต่คนที่อยู่ในห้องนี้ กลับยิ้มแย้มแจ่มใส และกำลังกินอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข โดยไร้วี่แว่วพญายมหรือใครที่จะมาคอยควบคุมเวลา
.
"อย่างนี้นี่เอง ... "
คนตัดฟืนอุทาน
ภาพที่เขาเห็นคือ
ชาวสวรรค์ต่างใช้ช้อนยาวนั้นตักอาหาร
แล้วป้อนคนที่นั่งตรงข้าม
พวกเขาจะถามกันว่า "คำนี้ ท่านอยากทานอะไร"
คนที่นั่งตรงข้ามก็จะถามอย่างนี้เช่นกัน
เมื่อพวกเขาต่างรู้ความปรารถนาของคนที่นั่งตรงข้ามแล้ว
พวกเขาก็จะบรรจงตักและป้อนอาหารนั้นให้แก่กัน
แน่นอน ... ในทุกๆ คำ จบลงด้วยการขอบคุณ
.
ทันทีที่พวกเขาอิ่ม
ช้อนทิพย์ยาว 1 เมตร ก็ค่อยๆ หายวับไปเอง
.
เทวดาเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่แล้วหันมาทางคนตัดฟืน
"ท่านล่ะ อยากทานอะไร เชิญมานั่งด้วยกันสิ"
คนตัดฟืนรีบกุลีกุจอเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"แล้วท่านล่ะ อยากทานอะไร"
.
เทวดาและคนตัดฟืนพากันหัวเราะ
.
- จบ -
===============================
หากท่านเป็นคนตัดฟืน ...
ท่านได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้?
.
.
- ผู้กองเบนซ์ -
ปล. ท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มามากแล้วนะครับ
เพราะผมก็ได้ยินมาอีกทีเช่นกัน
ปล. ถ้าชอบ เอาไปเล่าให้คนอื่นๆ ฟังก็ได้นะครับ
โฆษณา