13 ส.ค. 2019 เวลา 19:49 • บันเทิง
บทเรียนผู้นำ 4 ข้อ จาก "The Godfather"
ภาพยนตร์ชุด The Godfather(1972)
หนังแก๊งสเตอร์ที่กล่าวถึง ดอน วีโต้ คอลิโอเน่
เจ้าพ่อใหญ่แห่งนิวยอร์ค ผู้อยู่ในช่วงขาลง
และกำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจไปสู่ลูกชายคนใดคนหนึ่ง
เขามีลูกชาย 3 คน ที่บุคลิกแตกต่างกัน
ซันนี่ (คนโต) เป็นคนใจร้อน มุทะลุ ชอบแก้ปัญหาด้วยกำลัง
เฟรโด้ (คนรอง) เจ้าชู้ ชอบการสังสรรค์และบันเทิง ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ดูอ่อนแอ
ไมเคิล (น้องชายคนเล็ก) อดีตนายทหารหนุ่มที่ นิ่ง สุขุม ฉลาดและเหมาะสมกับการสืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อที่สุด แต่เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจสีเทาของครอบครัวสักเท่าไหร่
จนวันหนึ่ง ดอน ถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัส
เมื่ออำนาจและอิทธิพลของครอบครัวถูกท้าทาย
ไมเคิลจึงตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อกู้วิกฤตให้ครอบครัว
เขารับช่วงอำนาจต่อจากพ่อ
เรื่องราวของหนังหลังจากนั้นจึงเต็มไปด้วยการวางแผน หักเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ การช่วงชิงอำนาจกับ
แกงค์อิทธิพลอื่นๆ ขนานไปกับการทำหน้าที่ดูแล
คนในครอบครัวตามแบบฉบับของสุภาพบุรุษตระกูล
คอลิโนเน่ ตามคำสอนของพ่อที่ว่า “ผู้ชายที่ไม่ให้เวลากับครอบครัว ไม่มีวันเป็นลูกผู้ชาย”
ผมชอบการเล่าเรื่องของ The Godfather
หนังปูพื้นฐานตัวละครแต่ละตัวได้ดีมาก
ช่วงแรกของหนังอาจจะไม่หวือหวามากนัก
เราจะได้เห็นภาพของ ดอน วีโต้ คอลิโอเน่ สุภาพบุรุษใจกว้าง มากบารมี ผู้น่าเกรงขามและมีอิทธิพลมากมาย
(มาร์ลอน แบรนโด ได้รับการชื่นชมอย่างมากในการแสดงเป็นดอน วีโต้ คอลิโอเน่ ทั้งบุคลิก ท่าทาง ภาษากาย แววตา คำพูด ทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก เราเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าเขาคือเจ้าพ่อมาเฟียจริงๆ)
เราจะได้เรียนรู้นิสัยของลูกชายทั้ง 3 ของเขา
เป็นช่วงแรกที่ถ้าไม่ตั้งใจดูอาจมีหลับ
แต่เมื่อผ่านช่วงนั้นไปแล้ว หนังจะค่อยๆไต่ระดับความมันสูงขึ้นเรื่อยๆไปจนจบ...
(ไปหาดูเอาเองครับ เราจะไม่สปอยด์)
1
การบริหารงานแบบดอน วีโต้ คอลิโอเน่ เป็นสิ่งที่น่าศึกษาและนำมาปรับใช้เป็นอย่างมาก
ผมเชื่อว่า"เราสามารถเรียนรู้ชีวิตจากการดูหนังได้ เพราะหนังคือแบบจำลองของชีวิต" และนี่คือบทเรียนผู้นำจาก The Godfather
บทเรียนที่หนึ่ง :
ดอน วีโต้ คอลิโอเน่ ไม่ได้สร้างเครือข่ายด้วย "พระเดช" เพียงอย่างเดียว เขาใช้ "พระคุณ" ควบคู่ไปด้วย
ตอนต้นเรื่องเราจะเห็นผู้คนมาขอความช่วยเหลือจากดอนและดอนก็ช่วยเหลือตามสมควร ก่อนจะบอกว่า
"สักวันหนึ่งคุณจะได้ใช้ความสามารถที่คุณมีตอบแทนผม"
สิ่งนี้ภาษาวิชาการเขาเรียกว่า "ภาวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยน"(Transactional leadership) นิยามง่ายๆของคำนี้คือ ผู้นำที่ดีต้องรู้จักสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้นำต้องสามารถจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทำงานในหน้าที่ของเขาอย่างสุดความสามารถ ด้วยความเต็มใจ ซึ่งอาจแลกเปลี่ยนด้วยค่าตอบแทน ของรางวัล หรือคำชม
ขณะเดียวกันก็ต้องมี "ภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนสภาพ" (Transformational leadership)
นั่นคือการสร้างแรงจูงใจเชิงนามธรรมในการปฏิบัติงาน ดอนมักจะถือว่าผู้ร่วมงานทุกคนคือพี่น้อง
เขาทำให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง และมองเห็นความสำคัญในงานที่ทำ
(อ้างอิง http://suthep.crru.ac.th/)
1
บทเรียนที่สอง :
ผู้นำคือผู้บริหาร
ผู้นำไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง
ขอแค่รู้ว่าจะใช้ความสามารถของแต่ละคนไปในทางไหน
เจ้าพ่อมักจะไม่ลงมือเอง เขาจะกระจายงานและมอบหมายหน้าที่ให้ลูกน้องแต่ละคนทำ และไม่ว่าหน้าที่นั้นจะเป็นอะไร
ผู้นำต้องส่งเสริมให้การปฏิบัติงานนั้นบรรลุผล หากผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถจัดการให้สำเร็จได้ ผู้นำก็มีหน้าที่ชี้แนะแนวทาง ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือแผนสำรอง เพื่อจัดการให้สามารถดำเนินงานให้สำเร็จให้ได้
ครั้งหนึ่งดอนส่งคนไปเจรจากับผู้ที่เจรจาด้วยยาก
การเจรจาในครั้งแรกไม่บรรลุผล
สิ่งที่ดอนให้แนวทางแก่ลูกน้องคือ เราจะมอบ"ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้" เขาเปลี่ยนรูปแบบการเจรจาและสร้างเงื่อนไขที่เป็นไปได้แทน
(ไปดูในหนังเองครับเล่ามากไม่ได้แต่จะบอกว่าฉากนี้ทรงพลังมาก)
บทเรียนที่สาม :
ผู้นำที่ดีต้องถ่ายทอดความเป็นผู้นำได้ จะมีผู้นำบางประเภทที่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องได้ตัดสินใจเลย และเมื่อใดที่ไม่มีผู้นำคอยตัดสินใจ ลูกน้องก็ไม่กล้าตัดสินใจใดๆเลย
ที่เลวร้ายที่สุดคือ หากไม่มีการถ่ายทอดความเป็นผู้นำไว้ เมื่อผู้นำจากไป อาจไม่มีใครขึ้นมาแทนที่เขาได้เลย
1
ดอน นั้น ส่งผ่านความเป็นผู้นำของเขาให้ไมเคิล
และเมื่อดอนเกษียณตัวเอง เขาก็ให้ไมเคิลทำหน้าที่แทน
และไมเคิลก็ส่งต่ออำนาจตัดสินใจบางเรื่องให้ทอม ที่ปรึกษาของเขาเช่นกัน
เรื่องนี้ในองค์กรใหญ่ๆค่อนข้างให้ความสำคัญ
หลายองค์กรมีวัฒนธรรมให้ผู้บริหารใหญ่ที่ใกล้เกษียณอายุต้องวางแผนและสอนงานคนที่คาดหมายให้มาบริหารงานต่อ ให้เข้าใจและบริหารงานต่อได้เมื่อเขาเกษียณ (มีการวางแผนล่วงหน้า 2-4 ปี เลยทีเดียว)
บทเรียนที่สี่ :
ผู้นำที่ดีต้องมีธรรมาภิบาล
แม้ว่าเรื่องราวใน The Godfather เป็นเรื่องเกี่ยวกับแกงค์มาเฟียที่ไม่ได้มีคุณธรรมไปเสียทุกเรื่อง ยังมีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันอยู่
แต่เราก็เห็นคุณธรรมของดอนที่คอยช่วยเหลือคนตัวเล็กๆในชุมชนให้ได้รับความยุติธรรม
หรือแม้กระทั่งการปฏิเสธที่จะทำธุรกิจค้ายา ที่ดอนมองว่าไม่จำเป็นต้องทำเพราะเป็นธุรกิจที่ทำลายผู้คนและสังคม
ผมว่าเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญครับ เพราะทุกการกระทำของผู้นำส่งผลแก่คนหมู่มาก หากผู้นำไร้ซึ่งจริยธรรม
ความเดือดร้อนย่อมตกแก่คนหมู่มาก แม้แต่เจ้าพ่อมาเฟียยังต้องมีคุณธรรมบางอย่างไว้ยึดถือ
แล้วผู้นำอื่นๆจะละทิ้งเรื่องนี้ไปได้อย่างไร...
ผมหวังว่า บทเรียน 4 ข้อที่ผมถอดมาจาก "ดอน วีโต้ คอลิโอเน่" คงเกิดประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านในการบริหารงาน บริหารคน
ผมเขียนบทความนี้ด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมากเพราะอยากตอบแทนมิตรภาพดีๆที่ผู้อ่านมีให้กับเพจของผมเสมอมา
หวังว่าคงจะชอบกันนะครับ
1
มิตรภาพคือทุกสิ่งทุกอย่าง สำคัญกว่าพรสวรรค์ สำคัญกว่ารัฐบาล มันเกือบจะเท่าความสัมพันธ์ในครอบครัว - The Godfather -
1
โฆษณา