18 ส.ค. 2019 เวลา 03:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
GoBe2 กินอะไรไปรู้หมด
วันนี้มา Review Tracker ที่อาจจะไม่เหมือน Tracker ออกกำลังที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ Tracker ตัวนี้ เรากินอะไรไปสามารถรู้ว่าเรากินไปกินแคลอรี่ โดยไม่จำเป็นที่ต้องกรอกข้อมูลอาหารไปเลย มาเริ่ม รีวิวกันดีกว่า
1.Tracker ตัวนี้ชื่อ Healbe Gobe ตัวที่ผมซื้อเป็นรุ่นที่ 2 Tracker ตัวนี้มีคำโปรยไว้ข้างกล่องว่า “บรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักด้วยการใช้ GoBe2” สิ่งที่ Tracker ตัวนี้ทำได้ คือ วัดแคลอรี่ที่กินเข้าไป, วัดอารมณ์, วัดระดับน้ำภายในร่างกาย, วัดความสมดุลของพลังงาน, การเผาผลาญแคลอรี่, วัดก้าว ระยะทาง, วัดการนอน, วัดหัวใจ และ วัดระดับความเครียด
2.Tracker รู้ได้อย่างไรว่าเรากินอาหารไปกี่แคลอรี่ เพราะว่ามี Technology ที่ชื่อ “Flow” เข้าวิเคราะห์ โดยจะมี Sensor ตัวนึงที่ฝังอยู่ใน Tracker ประมวลผลการกิน หลักการง่ายๆ มี ดังนี้
2.1 เมื่อเรากินอาหารเข้าไป อาหารจะเข้าสู่กระบวนการย่อยอาหาร (ขอไม่ลงรายละเอียดการย่อยอาหาร) โดยอาหารจะแตกตัวเป็นพลังงาน
2.2 กระบวนการย่อยอาหารของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดมีการย่อยอาหารไม่เหมือนกันและเมตาบอลึซึม (Metabolism) ไม่เหมือนกัน
2.3 หลังจากการดูดซึม Sensor ของ Tracker ตัวนี้จะส่งความถี่ต่ำและสูง ผ่านทางผิวหนัง เพื่อตีผลออกมาเป็นแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปและตีออกมาเป็นกราฟและข้อมูล
3.เมื่อรู้การทำงานคร่าวๆแล้ว เรามาแกะกล่องดีกว่าว่าในกล่อง Tracker ตัวนี้มีอะไรบ้าง มี ตัว Tracker, ตัวชาร์จ และสายชาร์จ
4.Download โปรแกรม HEALBE GoBe จาก App Store หรือ Play Store หลังจากนั้น Setup เครื่องผ่าน Bluetooth ในการเชื่อมต่อ การ Set up ก็จะคล้ายๆ กับการ Set up Tracker ตัวอื่นๆ (ผมดูในคลิป บางคนก็ Set up ยากครับ ผมไม่เจอปัญหานี้)
5.หลังจากการใส่ Tracker ผมจะโชว์ผลให้ดู ดังนี้
5.1 หน้าสรุปของโปรแกรมก็จะมีข้อมูล Energy Balance ซึ่งคำนวณมาจาก สิ่งที่กินเข้าไป (Intake) - สิ่งที่เผาผลาญ (Burn), Hydration Level (ระดับน้ำในร่างกาย), Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจ), Tonight Sleep (การนอน), Stress Level (ระดับความเครียด) และ Current Weight (น้ำหนักตัว ซึ่งผม Link มาจาก เครื่องชั่งดิจิตัลที่บ้าน)
5.2 เมื่อเข้ามาดูรายละเอียดข้างใน Energy Balance ก็จะเห็นข้อมูลที่เป็นกราฟว่าแต่ละช่วงเวลาเรากินหรือใช้พลังงานไปกี่แคลอรี่ (ของผมเมื่อหลังจากกินข้าวไปแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชม. กราฟถึงขึ้น)
5.3 สิ่งที่เป็น Highlight ของ Tracker ตัวนี้คือ สามารถ Tracker ได้ว่าเรากิน ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต และ โปรตีนไปเท่าไหร่
5.4 ระดับน้ำในร่างกาย ก็จะแสดงว่าน้ำในร่างกายเป็นอย่างไร (ผมค่อนข้างเป็นคนทานน้ำเยอะนะครับ แต่ทำไมระดับน้ำผมถึงต่ำ)
5.5 ระดับการเต้นของหัวใจ ก็จะบอกค่าหัวใจตอนตื่นนอน ตอนสูงสุด และต่ำสุด
5.6 ระดับความเครียดก็จะโชว์มาเป็นกราฟ ซึ่งน่าจะประมวลผลจากอัตราการเต้นของหัวใจมา
6.หลังจากการใช้งานมา ผมมีข้อสงสัยหลายข้อ ว่า เครื่องวัดแคลอรี่ถูกรึเปล่า ความแม่นยำขนาดไหน ผมเลยไปศึกษาในเวบ การวัดแคลอรี่มีความถูกต้องประมาณ 93% ซึ่งเป็นอัตราที่ผมค่อนข้างรับได้ เพราะ Tracker จะมีอัตราคลาดเคลื่อน ไม่น่าจะเกิน 10-15%
ข้อสังเกต
1.ตัว Tracker ด้านหลังเป็นทองแดง สำหรับคนที่แพ้ทองแดง อาจจะผื่นขึ้นและก็คัน (ส่วนตัวผมก็แพ้)
2.เวลาจะเข้ามาดูผลของ Tracker บางที Tracker ก็หลุดไปเฉยๆ ต้องเชื่อมต่อใหม่ (ผมเลยไม่แน่ใจว่าข้อมูลมีช่วงไหนหายไปไหม)
3.เวลาอาบน้ำผมจะถอด Tracker เมื่อกลับมาใส่ บางที Tracker ไม่ได้ Tracker ต่อ ทำให้ผมต้องปิดและเปิดเครื่องใหม่
4.หน้าจอดูเป็นรอยขีดข่วนง่ายเหลือเกิน มีวันหนึ่งผมจะต้องปิดประตูบ้านแล้วไปโดน Tracker เป็นรอยนิดหน่อย
5.แบตเตอรี่ใช้ได้ประมาณ 1 วันก็หมดแล้ว แบตไม่ค่อยทน
เครื่องเทียบกับ Apple Watch 3 42 มิลลิเมตร
โฆษณา