## ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์จนถึงทุกวันนี้...เพราะมนุษย์ "เล่าเรื่อง" ได้ !? ##
1
...มันเกี่ยวอะไรนี่ ?
เรื่องนี้ผมอิงมาจากหนังสือที่ดังมากๆเล่มนึงชื่อ Sapiens (ประวัติมนุษยชาติ)
เค้าเล่าว่า… เมื่อ 1.5 แสนปีก่อน
เราไม่ใช่มนุษย์แค่กลุ่มเดียว
ที่เคยอาศัยบนโลกใบนี้
แต่กลับมีมนุษย์สปีชี่อื่นๆ อาศัยอยู่ด้วยในยุคนั้น
.
2
แต่ละสปีชี่ก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
กลุ่มสปีชี่ของพวกเราชื่อ "Homo Sapiens"
(โฮโม เซเปียน)
.
3
ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว
Homo Sapiens เป็นกลุ่มที่มีพละกำลังอ่อนแอกว่ากลุ่มสปีชี่อื่นๆ
(บางกลุ่ม)
.
4
(Homo + Sapiens)
คำว่า Sapiens คือ ชื่อสปีชี่
ส่วนคำว่า Homo คือ ชื่อสกุล
และ Homo ก็แปลว่า Human
เราเลยเรียกกลุ่มตัวเองว่า "มนุษย์" นั่นเอง
.
https://bornichosporelmundo.blogspot.com/2015/03/bornos-su-antiguedad-su-nombre-su_4.html
5
ต้นตอของเรื่องนี้ฮะ…
เกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีที่แล้ว
ตอนที่…มนุษย์ Sapiens ที่แอฟฟิกาตะวันออก
เริ่มออกเดินทางไกลไปยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก
ซึ่งแน่นอนแต่ละที่ก็มี เจ้าถิ่น สปีชี่อื่น ๆ คุมถิ่นอยู่
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น…
เมื่อ Sapiens เข้ารุกรานพื้นที่ต่าง ๆ !?
.
6
ช่วงนั้นเกิดความชุลมุนน่าดู มีความนัวเนีย
ซัดกันตุบตับ ฝุ่นตลบ
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขี้น…
มนุษย์ชาว Sapeins อย่างเราที่มีความอ่อนแอทางกายภาพ
มากกว่า (บางกลุ่ม)
กลับเข้ายึดสถานที่ต่างๆ ล้มล้างสปีชี่อื่น ๆ
ล้มหายตายจาก ซาโยนาระจากโลกนี้ไป
… มันเป็นไปได้ยังไง !?
.
7
Key ของชัยชนะครั้งนี้ คือ "Team work"
ซึ่งน่าแปลกที่ Sapiens เป็นกลุ่มสปีชี่เดียว
ที่รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้อย่างเหนียวแน่น
พูดง่ายๆคือ "รวมพลัง" กันสู้ได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ
.
https://www.comicbookmovie.com/avengers/avengers_endgame/avengers-assemble-in-new-hi-res-stills-from-the-avengers-endgame-compound-attack-a168434
8
และเหตุที่ผู้เขียนบอกเราว่า
ทำไม Sapiens ถึง "รวมกลุ่ม" ได้ดีกว่า ?
ก็เพราะ"ภาษา" ที่ละเอียดกว่า
ซึ่งมีความเจ๋งกว่ากลุ่มอื่นๆอยู่ 3 อย่างคือ
#1 เล่าเรื่องได้ละเอียดกว่า
ในขณะสัตว์หรือสปีชี่อื่นๆใช้เสียงเพื่อเรียกร้อง เตือนภัย แต่เซเปียนกลับ เล่าเป็นเรื่องเป็นราว เล่าเป็นภาพได้
#2 นำเรื่องราวมาจับกลุ่มนินทาได้
ไม่น่าเชื่อว่า… การนินทาก็มีข้อดีคือ
ทำให้ในกลุ่มนั้น สนิทสนมกันมากกว่าเดิม
#3 เพราะมนุษย์เล่าเรื่องราวได้
จึงสามารถคุยกันในสิ่งที่จับต้องไม่ได้
อย่างเรื่องผีสาง เทพเจ้า เกิดเป็นความศรัทธา ความเชื่อ
กลายเป็นศาสนา ตำนานที่เชื่อต่อๆกันมา
.
9
และด้วยความที่เป็นนามธรรม ที่มาจากจินตนาการนี่แหละ
ทำให้มันทรงพลังขึ้นได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มนุษย์สามารถร่วมมือกันได้ ภายใต้ ตำนาน ความเชื่อ
อุดมการณ์อะไรบางอย่างทั้งๆเพิ่งเคยมาเจอกัน หรือไม่ได้สนิทกันมาก่อน
เกิดการรวมตัวกลุ่มใหญ่ๆได้ ภายใต้ความเชื่อเดียวกัน
และเอาชนะมนุษย์สปีชี่อื่นๆที่แข็งแรงมากกว่าได้ในที่สุด
.
10
นี่คือความทรงพลังของการ "เรื่องเล่า" ที่ไม่น่าเชื่อ
และต่อมา…ก็มีคนเอาไปพลังนี้ไปใช้
รวมตัวผู้คน เปลี่ยนแปลงโลกหลายต่อหลายครั้ง
.
11
มาร์ติน ลูเทอร์ คิง กับประโยคอมตะที่โด่งดัง
"I Have a Dream" ผมมีความฝันที่จะเห็นความเท่าเทียมของมนุษย์
มาร์ตินเรียกรวมตัวผู้คนได้จำนวนมหาศาล ภายใต้ความเชื่อเดียวกัน
คือต่อต้านการเหยียดผิวและ
เรียกร้องความเท่าเทียมในอเมริกา
และทำสำเร็จในที่สุด
(แบบที่มีคนเคยพยายามมาหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่เคยสำเร็จ)
.
12
สตีฟ จ็อบ กับประโยคที่คนยุคนี้คุ้นเคย
"Think Different" สตีฟใช้ประโยคที่ว่า
ทุกอย่างที่เราทำ เพื่อท้าทายความเชื่อเก่าๆที่น่าเบื่อ
เราเชื่อในการคิดต่าง เพื่อท้าทายระบบเก่าๆ
เราจึงสร้าง Product แบบนี้ๆขึ้นมา…
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดึงคนจำนวนมากที่เชื่อแบบเดียวกัน
เข้ามาใช้สินค้าของ Apple และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
.
13
…ก็ถ้าโลกนี้มี "เวทมนตร์" อะไรซักอย่าง
ที่เรียกรวมตัวคนเข้ามาได้
เวทมนตร์นั้นคงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก…
"เวทมนตร์แห่งการเล่าเรื่อง" นี่หล่ะฮะ
.
แต่เอาจริงๆ การที่พวกเรามาฝึกเขียน หรือแม้กระทั่งอ่าน Blockdit นี่ก็เป็นการฝึกการเล่าเรื่องเช่นนะครับเนี่ยยย ^__^
เอาละฝึกกันต่อไป...ขอให้ทุกคนสนุกสนานกับการพัฒนาตัวเองนะค้าบบบ
อาเหลียง :)
หากถูกใจบทความ ฝากกดไลค์ หรือกดแชร์ เป็นกำลังให้ด้วยน้าค้าบบบบบ >< ขอบคุณทุกคนมากๆเลยที่แวะมาอ่านเพจ "เรียนแบบเศรษฐี"
ผมจะตั้งใตผลิตบทความดีๆต่อไปฮะ ❤❤❤
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
