21 ก.ย. 2019 เวลา 23:30 • กีฬา
แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
รู้หรือไม่ครับว่าตลอด 11 ปีหลังสุดในแสตมฟอร์ด บริดจ์ ของเชลซีนั้น พวกเขาแพ้ให้กับทีมไหนมากที่สุด ?
.
.
.
คำตอบคือแพ้ลิเวอร์พูลนี่แหละ !!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะถ้านับตั้งแต่ฤดูกาล 2008/2009 เป็นต้นมา เชลซีแพ้คาบ้านให้กับลิเวอร์พูลไปถึง 6 นัดด้วยกัน
แบ่งเป็นในพรีเมียร์ลีก 5 นัด และ ลีก คัพ อีก 1 นัด
Chelsea 0-1 Liverpool (2008/2009)
Chelsea 0-1 Liverpool (2010/2011)
Chelsea 1-2 Liverpool (2011/2012)
Chelsea 0-2 Liverpool (2011/2012) EFL
Chelsea 1-3 Liverpool (2015/2016)
Chelsea 1-2 Liverpool (2016/2017)
ลิเวอร์พูลคือทีมเดียวที่บุกไปเอาชนะเชลซีในบ้านได้มากที่สุดในระยะหลังๆ
และถ้าหากใครยังจำได้ ลิเวอร์พูลของราฟา เบนิเตช ในปี 2008 คือทีมที่บุกไปทำลายสถิติของเชลซีที่ไม่แพ้เกมลีกในบ้านติดต่อกันมากที่สุดถึง 86 นัด
อลอนโซ่ทำประตูให้ลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะเชลซี 1-0
ซึ่งสถิตินี้ถูกสร้างไว้โดย โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำไว้ในการคุมเชลซี 3 ปีแรก จนเจ้าตัวถูกปลดออกไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน นั่นแหละถึงจะมาถูกทำลายในยุคของฟิลิปเป้ สโคลารี่ ที่แพ้คาบ้านต่อลิเวอร์พูล 0-1 จากประตูโทนของซาบี อลอนโซ่
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เกมในบ้านของเชลซีก็ไม่ได้เป็นที่น่ากลัวสำหรับทีมระดับบิ๊กๆอีกเลย เพราะนัดถัดมาหลังจากที่แพ้ลิเวอร์พูลนั้น พวกเขาก็แพ้คาบ้านให้กับอาร์เซน่อลอีกครั้งที่สกอร์ 1-2
แต่สำหรับผมแล้ว ในตลอด 6 แมตช์ที่บุกไปชนะเชลซีนั้น มีอยู่แมตช์นึงที่ผมชอบมากที่สุดคือแมตช์เมื่อปี 2011/2012 ที่ลิเวอร์พูลบุกไปชนะ 2-1
หากใครจำไม่ได้....แมตช์นั้นก็คือรูปภาพด้านบนสุดนั่นแหละ
เพราะตลอด 6 เกมที่ลิเวอร์พูลบุกไปชนะเชลซีได้นัด มีแค่นัดนี้นัดเดียวที่ลิเวอร์พูลมีตัวผู้เล่นเป็นรองเชลซีอย่างเห็นได้ชัด แถมรูปเกมก็เป็นรองด้วย โดนบุกกระหน่ำตลอดทั้งเกม
ต้องรุมเข้าแท็คเกิ้ลเท่านั้นสำหรับดร็อกบา
โดยเกมนั้น อันเดร-วิลาส โบอาส จัดเต็มทั้งแลมพาร์ด ดร็อกบา มาลูด้า และมาต้า ในแนวรุก
ส่วนลิเวอร์พูลของเคนนี่ ดัลกลิช มาใน 4-4-2 สไตล์อังกฤษโบราณ ใช้คู่หน้าเป็น ซัวเรส กับ เบลลามี่
ปีกขวาเป็นเดิร์ค เค้าท์ คู่มิดฟิลด์ตรงกลางใช้ชาร์ลี อดัม กับลูคัส เลวา ส่วนปีกซ้ายเป็นมักซี่ โรดริเกวซ
ซึ่งในกรณีของมักซี่นั้นต้องบอกเลยว่าโคตรเซอไพรส์ เพราะก่อนหน้านี้ตลอด 4 นัดที่ดัลกลิชคุมทีม เขาไม่ถูกส่งลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว แต่แมตช์สำคัญเขากลับได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย
Maxi Rodriguez
แบ๊คโฟร์ของลิเวอร์พูลมีเกล็น จอห์นสัน,สเคอร์เทล,แอกเกอร์และเอนริเก้ ผู้รักษาประตูใช้เรน่า
รูปเกมลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้ดีจากการประสานงานของซัวเรส-เบลลามี่และมักซี่ ซึ่งมักซี่แม้ว่าจะยืนปีกซ้าย แต่เขามักจะถูกสั่งให้หุบเข้ามาอยู่ข้างในเป็นสามประสาน
ซึ่งเป็นสามประสานชั่วคราวในยุคนั้นมีที่สรีระที่คล้ายกันมากๆ ทั้งส่วนสูง รูปร้่าง เทคนิค ถือว่าป่วนแนวนับของเชลซีได้พอสมควรจากความเร็วของทั้งสามคน
ประตูแรกก็มาจากการประสานงานกันทั้งสามคน ก่อนหน้านั้นชาร์ลี อดัมคือผู้ที่ไปแท็คเกิ้ลแย่งบอลจากมิเกลมาได้ แล้วส่งต่อให้เบลลามีทำชิ่งกับซัวเรสก่อนจะจ่ายให้มักซี่ทำประตูให้ลิเวอร์พูลบุกนำ 1-0
Maxi ยิงให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0
ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเล่นพลาด จากการที่ปล่อยให้มาลูด้ากระชากเข้ามาใกล้กรอบเขตโทษโดยที่เกี่ยงกันวิ่งเข้าไปประกบ สุดท้ายก็ไม่มีใครบล๊อคลูกกึ่งยิงกึ่งผ่าน และเป็นสเตอร์ริดจ์เข้าไปชาร์จตีเสมอให้เชลซี 1-1
หลังจากนั้นโมเมนตั้มเข้าไปทางฝั่งเชลซีเต็มๆ
- เล่นในบ้าน
- ตัวเหนือกว่า
- ตามตีเสมอสำเร็จ
ลิเวอร์พูลของคิงเคนนี่เหมือนเจอพายุลูกใหญ่เข้าโถมเต็มหน้า เพราะเชลซีกระหน่ำบุกเข้าโจมตีทุกรูปแบบทั้งลูกบอมบ์ ลูกแทงทะลุช่อง ลูกเปิดจากด้านข้าง
แต่จนแล้วจนรอด ประตูที่สองของเชลซีก็ไม่เกิดขึ้น
จนเวลาเดินมาจนถึงท้ายเกม ที่อยู่ดีๆจังหวะบอลที่มันแทบจะไม่มีอะไร ลิเวอร์พูลด้วยสภาพทีมที่หวังแค่บุกไปแบ่งแต้มก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว ก็ดันมาได้ประตูชัยแบบช๊อคคนดูทั้งแสตมฟอร์ด บริดจ์
ไม่ใช่แค่ช๊อคแฟนเชลซีนะครับ แต่ยังช๊อคแฟนหงส์ที่ตามไปเชียร์ด้วยเหมือนกัน เพราะว่า เกล็น จอห์นสัน ที่รับบอลยาวจากชาร์ลี อดัม ผู้มีส่วนทั้งสองประตู ลากเลื้อยแตะลอดดาก แอชลี่ โคล ฝ่าตะลุยแนวรับเชลซีเข้าไปยิงด้วยซ้ายเข้าเสาสองแบบสวยสดงดงาม
ลิเวอร์พูลพลิกแซง 2-1
เพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้าไปหา Johnson หลังจากยิงประตูชัยให้ลิเวอร์พูลชนะ 2-1
นักเตะลิเวอร์พูลพากันวิ่งกรูเข้าไปหาจอห์นสันเพื่อแสดงความดีอกดีใจ
ส่วนนักเตะเชลซีได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา จนปีเตอร์ เช็ค ต้องตะโกนให้ไปหยิบบอลมาเริ่มเล่นแม้จะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 นาทีก็ตาม
นี่คือแมตช์ที่ผมชอบมากที่สุดในการบุกไปชนะเชลซี เพราะเวลาเราชนะทีมที่คู่แข่งเป็นรองเรา มันมักจะดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ชินตา แต่ถ้าเราไปเอาชนะด้วยสภาพทีมที่เราต้องตกเป็นรองเรื่องตัวผู้เล่นแล้วล่ะก็ มันจะสร้างความประทับใจให้กับผมเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่างแมตช์ที่ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาเขี่ยบาร์เซโลน่าตกรอบเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้ว ทั้งๆที่ไม่มีฟีร์มีโน่กับซาลาห์นั่นแหละ
นี่ก็คืออีกหนึ่งแมตช์ที่ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
จริงๆแล้วแมตช์ที่ลิเวอร์พูลกลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เรามักจะไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยมากนัก เพราะมันมีแค่ไม่กี่ช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลจะเป็นแจ๊ค
.
.
.
.
เพราะปัจจุบันนี้ลิเวอร์พูลในยุคของเจอเก้น คล็อปป์ นั้นเขาได้เปลี่ยนลิเวอร์พูลให้กลายเป็นยักษ์ไปเสียเอง
#ปลายสตั๊ดสีแดง
โฆษณา