22 ก.ย. 2019 เวลา 11:00 • ปรัชญา
แต่งเพลงกับหมู่บ้านพลัม จำไปตลอดชีวิต
สวัสดีค่ะ ใครเคยไปปฏิบัติธรรมกับหมู่บ้านพลัมบ้าง?
วารีได้ไปค่ายใหญ่นานาชาติครั้งหนึ่งเมื่อปี2012ค่ะ
จะบอกก่อนว่า ไม่ได้นิยมหรือต่อต้านอะไรเป็นพิเศษ
แต่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ได้ไปร่วมงานภาวนากับหมู่บ้านพลัม ซึ่งได้รับการชวนจากน้องสาว ตอนนั้นน้องยังเพิ่งเตรียมเรียนหมอ แต่ในวัยมัธยมนางก็เคยไปโกเอนก้า แล้วปีนั้นวารีมีปัญหากับครอบครัวมากกก แถมโลกเฟซบุ๊กยังทำเราหลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นหัวข้อกอสสิปของชาวบ้านรอบๆอีก มาสงบลงเพราะไปสนทนากับพระป่า (ชอบสายนี้มากกว่า) ทำให้เราเปิดใจ น้องเคยชวนไปๆหลายทีแล้ว เอาเพลงมาเปิดให้ฟังก็แล้ว คราวนี้ตกลง ลองไป
ค่ายภาวนามี 5 วัน แต่ละวันมีกิจวัตรเช่น เดิน ทำเวร ขอบคุณร่างกาย กินข้าวเป็นกลุ่ม ฟังเทศน์ ร้องเพลง เล่นกีฬา และภาวนาต่างๆกันไป คนที่มามีทั้งคนไทย ฝรั่ง เวียดนาม และพระลาว
ในการทำกิจกรรมมีทั้งเวทีใหญ่และกลุ่มย่อย น้องสาวเลือกกลุ่ม colorful flowers ส่วนวารีเลือกกลุ่ม green mountain มีชื่อน่ารักๆอีกหลายกลุ่ม พอถึงเวลาเข้ากลุ่มย่อยแล้วจะรู้เลยว่า ชื่อกลุ่มนี่ช่วยเลือกคนคล้ายๆกันให้มาสนทนากัน โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีทีมหลวงพี่ประจำอยู่สักสิบ แล้วก็พระอาจารย์กำกับกลุ่มละรูป บุคลิกพระอาจารย์ดูตั้งมากับชื่อกลุ่มเลย
เพื่อนคนแรกที่มาทักวารีเป็นคนเวียดนามค่ะ ชื่อพี่ฟุค เป็น working woman ชอบแนะนำอะไรมากมาย เราค่อนข้างตัวติดกันเวลาอยู่กลุ่มย่อย
หลวงพี่รูปแรกที่แนะนำตัว เป็นพระเวียดนาม วารีจะเรียกว่า หลวงพี่เข่ง เพราะชอบทำปากยิ้มกว้าง ยิ้มเก่ง และชื่อหลวงพี่มีตัว k ng ที่วารีออกเสียงไม่ถูก แล้วก็ไม่ได้ยินใครเรียกชื่อด้วย (เรียกกันแค่ brotherๆ) ตอนนั้นหลวงพี่อายุ25ค่ะ
ส่วนวารีก็อายุ24 วารีแปลกใจที่หลวงพี่บอกอายุเป็นอย่างแรก ซึ่งคนอื่นๆในกลุ่มเป็นผู้ใหญ่หมด คงไม่รู้สึกอะไร แล้วหลังจากนั้นก็มีหัวข้อให้เปิดใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ววารีก็พูดเรื่องโดดเด่นออกมา แล้วหลวงพี่ก็ขอเป็นคนออกความเห็น แล้วๆๆๆๆๆ
วารีก็แอบตกหลุมรักหลวงพี่เข้าจนได้ (โอยบาปปป)
ยังไม่พอ วารียิ่งแปลกใจเข้าไปอีก ที่หลังอาหารมื้อนี้ พี่สาวๆคนไทยพากันไปรุมสัมภาษณ์หลวงพี่ ถึงที่มาที่ไปของการบวช ยังกับว่าวารีถูกอ่านใจ แล้วคำถามที่สำคัญและหน้าด้านที่สุดก็กระเด็นมาเข้าหูวารีที่นั่งตัวแข็งอยู่ไกลๆ
..ว่าเมื่อไหร่จะสึก?
ตายๆๆๆๆ บาป บาป บาป ใครก็ได้ช่วยที
พักจากทานข้าวกลุ่ม มีเวทีใหญ่ วารีปลีกตัวไปอยู่กับน้องแทน วันนี้ก็มีเพลงให้ร้อง เพลงหนึ่งที่ง่ายและทุกคนจำได้ก็ต้องเป็น i like the roses.
i like the roses, i like the daffodils
i like the mountains, i like the rolling hills
i like the twinkling stars, when the sun goes down..
doo bedoo bedoo, bedoo bedoo bedoo
bedoo bedoo, bedoo bedoo bedoo
เนื้อมีแค่นี้แล้วก็ร้องซ้ำสองสามรอบ เอ๋อมากๆ
แต่ก็แฝงความหมายว่าใครชอบอะไรไม่เหมือนกัน แค่รับฟังแล้วเคารพความแตกต่างของกันและกัน ประมาณนี้
เทศน์ของหมู่บ้านพลัม มีอยู่บทหนึ่ง ที่ทุกคนน่าจะจำได้ คือ pebbles meditation หยิบหิน (หินแม่น้ำเรียบมนสวยหรู) มา4ก้อน สมมุติว่าแต่ละก้อนเป็น ดอกไม้ ภูเขา น้ำนิ่ง และอวกาศ ฝึกใจให้เป็นเหมือนหินทีละก้อนแล้วก็วาง สุดท้ายก็สอนให้ใจเราเป็นทุกอย่างในเวลาเดียว
แล้วพอมื้อเย็นเราก็ไปกินข้าวกับกลุ่มอีก วารีมีกระเป๋าใส่สมุดจดกับขวดน้ำใบเล็กๆ วางไว้ที่เก้าอี้ที่เลือกว่าดี ก่อนไปเข้าแถวตักอาหาร ตอนนั้นพี่ฟุคไปไหนไม่รู้ วารีก็สุ่มวางกระเป๋าไป เจอใครก็คุยได้เอง
พอกลับมาที่เก้าอี้ กระเป๋าหาย..
หาไม่ยาก มองไปรอบโต๊ะ กระเป๋าแค่ย้ายที่
ย้ายไปอยู่ที่หลวงพี่เข่ง!!!!
ว๊ากกกกกก...
ยังไม่พอ พี่แกนั่งกันที่หัวโต๊ะ พร้อมกับพระอาจารย์
พระอาจารย์เห็นวารี ก็พยักหน้าเรียกไปนั่งเลย
วารีนั่งคุยวันนั้น พอจำได้ว่า วารีบอกว่าตัวเองเป็นสีกาไม่เคยนั่งกินข้าวกับพระอย่างนี้ พระไทยต้องนั่งที่สูงแล้วคนธรรมดานั่งที่ต่ำ
ขอโทษ อันนี้พระเวียดนาม พระขำ
โอยๆๆๆๆ หวังว่าพระจะยังถือศีลไม่แตะตัวสีกานะ..
.
วันต่อมา
วารีได้ฟังเพลง beloved mother earth เพราะมาก
แต่ได้ฟังแค่ครั้งเดียว อยากจะขอบันทึกเสียง เอาไปแปล ก็เลยไปหาพี่สต๊าฟคนไทยที่น่าจะมีข้อมูล
พี่เค้าบอกว่า ได้สิ มาฝึกร้องด้วยกันก่อน นั่นไง เขากำลังจะเล่นที่เวทีใหญ่แล้ว
เนื้อร้องขึ้นกระดาน
เพลง go as a river :
i wanna go as a river, not as a drop of water.
let us flow in harmony, selfishness we surrender..
i wanna go as a river, not as a drop of water.
we learn to live mindfully, truly there for each other..
how fresh the stream of spirituality,
how wonderful to be able to see,
that we are all water,
that we are all water..
so,
i wanna go as a river, not as a drop of water.
for sure we will reach the sea, of peace love and clarity.
ฟังเพลงแล้วไม่ใช่รู้สึกอะไร แต่นี่มันตัวเราชัดๆเลย
เรากำลังเห็นแก่ตัว พยายามขอสิ่งที่คนอื่นยังไม่ได้
คราวนี้รู้แล้วว่าเราไม่ควรจะขออะไร แต่แน่ใจเหรอ
พี่สต๊าฟคนนั้นตอบอะไรวารี มึนไปหมด
นี่เค้าอ่านใจเรารึเปล่า..
.
เทศน์วันนี้ หัวข้อ banana meditation พระอาจารย์ท่าทางสบายๆ มาสอนการมีสติรับรู้ผัสสะทั้งรูปรสกลิ่นเสียง จากการกินกล้วยน้ำว้า เราได้รับแจกกล้วยน้ำว้าคนละลูก แล้ววารีก็ได้สัมผัสกับความกล้วยอย่างยิ่งยวดเป็นครั้งแรก ทั้งรูปกล้วย รสกล้วย กลิ่นกล้วย เนื้อกล้วย ร้อยวันพันปีไม่ชอบกล้วยน้ำว้าก็มาชอบเอาวันนี้ รู้สึกเข้าถึงความเป็นกล้วยมากจนเผลอยกมือตอบตอนจบ บอกว่ามันมีพลังมาก จินตนาการถึงเวลาเราดูโฆษณาที่กล้องซูมภาพอย่างละเอียดใกล้ๆ ปล่อยลมพัดผ่านแล้วก็แทรกเสียงดนตรี มันชัดเจนยังไงยังงั้นเลย สรุปแล้ววารีก็เป็นที่จดจำในกลุ่มใหญ่ไปอีกหนึ่งดอก
ช่วงกลุ่มย่อย มีการแจ้งข่าวว่าแต่ละกลุ่มจะต้องเตรียมการแสดงในคืนก่อนกลับ พวกพี่สาวๆเขาก็ไปประทับใจเรื่องหลวงแม่คนหนึ่ง ที่มาเล่าว่าจะแต่งดีไม่แต่งดี สุดท้ายบวช อะไรซักอย่าง บางคนก็เสนอว่าทำให้เห็นความสำคัญของการภาวนาสิ คนที่สับสนอยู่มีที่พึ่งทางใจคือการภาวนา เอาละ คนแบบไหน คนมีเงินเยอะๆ หรือลูกที่ขาดการเอาใจใส่ ได้ เสร็จแล้วเราก็พาพวกเขามาพบกับทางแห่งการภาวนา ให้แก๊งหลวงพี่(ที่ดูแลกลุ่ม)ร่วมแสดงด้วยดีไหม จะทำยังไงให้การภาวนาเป็นที่น่าจดจำ วารีเลยเสนอว่า banana meditation ไง ที่เราเพิ่งเรียนกันไป ถ้าเอามาแสดงอีกครั้งใครก็ต้องยิ้มออก
ทุกคนในกลุ่มมองวารีแบบ ว่าไงนะ แล้วก็ยิ้มออก
แต่ละคนทำหน้ายิ้มออกอย่างยุกๆยิกๆยึกๆยักๆ
แล้วในที่สุดพี่ชายคนไทยผู้ใหญ่สุดก็เสนอว่า เปลี่ยนเป็น tea meditation ดีไหม ดูรื่นรมย์ดีนะ หลวงพี่ว่าไง
เราไม่ได้สังเกตว่าหลวงพี่ทั้งหลายตอนนี้มีธุระกะทันหัน
ทุกคนก็เลยมองวารีแบบ ไปสิ ไปสิ ไปอะไร
ไปคุยไง ไปคุย คุยกับใคร
คุยกับหลวงพี่เข่ง เพราะหลวงพี่เข่งเป็นหัวหน้าแก๊ง
คือความจำเป็นที่วารีทึกทักเอาเอง
ท่ามกลางสายตา วารีฝืนเดินเข้าไปหาหลวงพี่ แล้วอธิบายว่า เนื่องจากแก๊งหลวงพี่เป็นสัญลักษณ์ของที่พึ่งทางใจ และ banana meditation คือสิ่งที่ทุกคนมีประสบการณ์ร่วมกันมากที่สุด ดังนั้น ถ้าหลวงพี่ท่านใดจะกรุณามาช่วยแสดง..
หลวงพี่เข่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วกลับไปคุยกับหลวงพี่ที่เหลือเป็นภาษาเวียดนาม
จบเรื่องบทบาทของหลวงพี่ มาถึงบทบาทของสมาชิกกลุ่ม พี่สาวๆกำลังเถียงกันว่าจะแสดงส่วนที่เหลืออย่างไรดี วารีก็คิดว่า ไหนๆเราก็เด่นมาถึงจุดนี้ เลยเสนอตัวกำกับการแสดงมันซะเลย วารีเสนอการสื่อภาวะทางอารมณ์เล็กๆให้ออกมาเป็นภาษากาย ผ่านการ over acting แบบละครเวที แล้วก็ทำตัวอย่างให้ดู เช่น คนเครียดใช่มั้ย โอะๆๆๆ เครี้ยดดด!! โอะๆๆๆ เซ็งงง!!! วารีนั่งโขกสับตัวเอง แล้วพี่ๆทั้งกลุ่มก็อ้าปากค้าง ก่อนจะตบมือดีใจ ว่าเรามีคนกำกับการแสดงแล้ว เสร็จ ก็ฝากฝังวารี ให้ช่วยเขียนบท ..แต่อย่าเครี้ยดมากนะ พี่สาวคนหนึ่งบอก
วารีบอก i have to work it overnight
เงียบไปหยึกหนึ่ง ก่อนทุกคนตอบตกลง
แล้ววารีก็ถูกพยักเพยิดเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะทึกทักเอาว่า ต้องไปคอนเฟิร์มกับหลวงพี่เข่งให้โอเค ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าที่พัก วารีก็ฝืนเดินกลับไปอีก แล้วก็รวบรวมสติทักหลวงพี่เข่งให้หันมา กำชับเรื่องการแสดงส่วนของหลวงพี่ก่อน
หลวงพี่ตีมึน เธอพูดเรื่องอะไร?
ย้ากกกกกกกกกกกกกกก (ตะโกนในใจ)
วารีตอบว่า ไม่มีอะไร แล้วขอตัวกลับไปเขียนบท
ไม่รู้หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน
.
คืนนั้น น้องสาวของวารีที่เชี่ยวงานภาวนา ดันรู้สึกอยากโดดกิจกรรมพอดี พอวารีอาบน้ำเสร็จก็เดินเข้ามาเห็นพลพรรคพวกนี้ เลยขอแจม นั่งเขียนบทไม่ไปแล้วกิจกรรม เพราะน้องสปอยล์ให้เสร็จสรรพ นั่ง ยืน นอน คิดไม่ออกอยู่หลายตลบ แล้วก็หันมาจับเรื่องนักแสดงที่มีอยู่แทน ว่าใครน่าจะแสดงเป็นอะไรได้บ้าง
พี่P กับพี่F เพื่อนร่วมงานหญิงชายที่มาด้วยกัน
พี่K ชายฉกรรจ์ผิวสองสี
พี่N สาวผมสั้นก๋ากั่น
พี่D สาวอวบตาหวาน
พี่ฟุค สาวใหญ่ทำงาน
ซึ่งเบื้องต้นพี่ๆเหล่านี้ก็เสนอตัวกับบทคร่าวๆไว้แล้ว
พี่P พี่F เล่นเป็นคู่ชายหญิงที่ลังเลในการแต่งงาน
พี่N เล่นเป็นลูกพ่อแม่ไม่รัก พี่ฟุค เป็นเศรษฐีว้าวุ่น
แต่บทพูดสิ จะทำยังไงให้น่าสนใจ ฟังง่าย จำได้เร็ว
นั่งคิดจนคนเลิกกิจกรรมกลับมา คิดจนเขาปิดไฟนอน คิดด้วยว่าดีที่เตรียมไฟฉายมาใช้ส่อง
i like the roses..
ใครบางคนฮัมเพลง
ไม่รู้แว่วเสียงเพลงมาจากไหน แต่ว่าใช่! ตอนนั้นวารียังแต่งเพลงไม่เก่ง ที่ทำได้ก็คือแปลงเพลง อันที่จริงระหว่างนั่งรถมาวารีก็เพิ่งแต่งเพลงค้างไว้ แล้วเรื่องที่ไปขอบันทึกเสียงเพลง mother earth ก็เพราะอยากช่วยแต่งเนื้อภาษาไทย
ไม่มีทางเลือกอื่น แปลงเพลง the roses นี่หละ!
P: i love her, but i don't want to marry.
ฟุค: i've lots of money, but i am unhappy.
N: i've every, everything, except my parents here..
bedoo bedoo, bedoo bedoo bedoo.
องก์สอง ใส่จริตเด็กน้อยเข้าไป
N: mother, mother, mother?
ฟุค: i'm not your mother, kid.
N: father, father, father?
P: i am not marry yet!
N: flower, flower, flower!
D: let's enjoy a trip home..
วารีหยิบ pebbles meditation มาใช้นำทางเด็ก
D: i am a flower. i'm young and fresh and shining.
K: i am a mountain, solid every season!
F: i am the water still, reflecting everything..
doo bedoo bedoo, bedoo bedoo bedoo
เย้--เสร็จแล้ว! คร่อกกกก...
.
วันรุ่งขึ้น วารีลุกไปทำกิจกรรมเช้าไม่ไหว และทบทวนเนื้อละครเพลงอีกครั้ง
เอ่อออ pebble เธอลืม space/ที่ว่าง ไปข้อนึงนะ!
ทำไงดี = =" = =" = ="
มีเสียงคุยเจ๊าะแจ๊ะที่ม้านั่ง
ยังมีใครไม่ไปร่วมกิจกรรมอีกคะ.. วารีออกไปดู
ปรากฏว่าเป็น ngo ลาว
ชื่อองค์กรย่ออ่านได้คล้ายๆคำว่า ปาแดก
เราคุยกันเรื่อง ngo แลกเฟซฝากเพจ (ไลน์ยังไม่มี)
แล้ววารีก็ตัดสินใจเก็บเรื่อง pebble ที่ขาดไปเอาไว้แชร์ให้กลุ่มช่วยกันแก้ปัญหาตอนบ่ายแทน
.
มื้อกลางวัน วารีแอบกินคนเดียว ปรากฏว่ามีหลวงพี่ผู้หญิง ที่ชอบเดินกับหลวงพี่เข่งบ่อยๆ มีชื่อไทยเรียกว่าแม่ชียิ้ม มาตามหาวารี ถามว่าวารีจะช่วยเขียนบทกวีอะไรลงบนเว็บไซต์ของค่ายได้ไหม ..วารีงง ทำไมถึงเป็นวารีที่มาขอให้เขียนบทกวี ยังไม่ได้บอกบทละครเลย อ่านใจวารีกันอีกละเนี่ย
วารีบอกว่า ไม่สันทัดเรื่องบทกวีซะด้วย แต่มีแผนจะเขียนบทความอยู่ (วันแรกๆก็เก็บข้อมูลละเอียดจนไม่มีเวลา และวันต่อๆมาวารีถูกชวนให้เปิดใจกับกลุ่มมากกว่า) แม่ชียิ้มก็ดีใจ บอกว่าดีเลย งั้นส่งมาตามอีเมลนี้ จำๆๆ (ตอนนี้วารีก็ยังจำได้ แต่กลัวจำผิด) ผ่านมา7ปี ไม่ได้เขียนบทความให้ วารีจึงมาลงเอยอยู่ที่โพสนี้ และไม่รู้ว่าจะส่งไปถึงเวียดนามได้รึเปล่า
วารีเดินไปถึงกิจกรรมกลุ่มตอนบ่าย
คิดๆๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรื่อง space.. เออๆๆ ก็ที่ว่างมันไม่มีตัวตนไง มันเลยไม่ต้องมีตัวแทนใช่มั้ย งั้นเราก็ใส่บทพูดตอนท้ายไปซื่อๆก็ได้ ว่า
..and can you see that there is space? just find one!
เดินเข้าไปนั่งแป้นแล้นอยู่ในนั้น ขณะที่กลุ่มกำลังอภิปรายกันเรื่องกิจกรรมที่เสร็จไปเมื่อเช้า และเราไม่รู้เรื่อง..
"อาจารย์คะ ถ้าเราอยากเริ่มต้นใหม่ แต่เค้าไม่อยากจะเริ่มใหม่กับเรา เราจะทำยังไงดี?" พี่สาวคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา
อ่าละสิ กิจกรรมตามตารางเมื่อเช้า คือการเริ่มต้นใหม่ หวังว่ามันจะเป็นเรื่องของเค้า และไม่ได้พาดพิงถึงเรานะ วารีเหงื่อแตก
พระอาจารย์กระแอม และตอบไปตามธรรมบท พี่ๆเริ่มสะกิด ไม่มีคำถามว่าหายไปไหน คำถามที่ใช่คือ เสร็จรึยัง และเราก็ตอบไปตามสถานการณ์ว่า ต้องขอความเห็นจากทุกคนอีกนิดนึงค่ะ
พอดีว่ามีพี่สาวคนนึงร้องว้าย เจอตัวบุ้งในสวน วารีเห็นหงุดหงิดจับตัวบุ้งโยนออกไปนอกศาลา พี่ๆก็หัวเราะ แล้วบุ้งก็มาอีก คราวนี้คนเริ่มไม่กลัว จับโยนออกไปตามๆกัน
พอเสร็จการอภิปราย พระอาจารย์ก็เข้าใจว่าทุกคนน่าจะอยากเห็นการซ้อมละครนำโดยวารีเต็มแก่แล้ว เพราะทุกคนถูกปล่อยไว้กับความหวังที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย วารีทำงานคนเดียว และวารีก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ป.ตรี มัธยม ประถม..
พระอาจารย์จึงถอยออกไป หลวงพี่เข่งเดินเข้ามา เอาอีกแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ยากจะจัดการรูปนี้
วารีรีบรายงานความคืบหน้า ประกาศว่าบทละครเป็นเนื้อเพลงของ i like the roses ที่ทุกคนต้องเอาไปช่วยกันร้อง แล้วหลวงพี่ที่ฟังอยู่ วารีก็จะไม่รบกวนถ้าไม่สะดวก แล้วหลวงพี่เข่งก็ยิ้มกวนๆออกเสียงแทรกมาว่า banana meditation นะเหรอ? วารีฟังแล้วของขึ้น เลยชี้หน้าหลวงพี่ตะโกนว่า that's!!
ตายแล้ว วารีชี้หน้าใส่พระ ตายๆๆๆๆ
ระหว่างที่วารีกำลังมึนตัวเองอยู่ พี่Jผู้อาวุโส ก็เข้ามาจัดการ ถามว่ามีอะไรนะที่อยากให้กลุ่มช่วย วารีก็เลยเข้าเรื่อง อ่านเนื้อเพลงให้ทุกคนฟัง จนถึง and can you see that there is space? ที่เป็นปัญหา วารีถามว่า จะมีใครอาสามาเล่นเป็น space ได้มั้ย พี่J หัวใส จับตัวหลวงพี่เข่ง ที่ยืนคุมอยู่ข้างหลังออกมา แล้วบอกว่า นี่ไง space พอดีเลย
วารีอ้าปากค้าง แล้วมึนหนักเข้าไปอีก พี่สาวๆเลยขอต้นฉบับไปคัดเนื้อเพลง ส่วนพี่J ก็หายไปกับหลวงพี่เข่งซึ่งวารีไม่ได้สังเกต วารีเห็นปัญหาว่าเราไม่ได้มีเครื่องถ่ายเอกสาร แล้วจะให้ทั้งกลุ่มมาคัดลายมือทีละคนได้ยังไง พี่สาวคนหนึ่งก็เลยยืนขึ้น แล้วอ่านออกเสียงจากลายมือวารีดังๆ ให้ทุกคนจดเนื้อเพลงตาม วารีทึ่งจนจะร้องไห้ แล้ววารีก็มีหน้าที่อธิบายความหมายในแต่ละท่อนระหว่างที่พี่ๆจดกัน บางมุกเช่น i am not marry yet ก็เกือบแป้ก แต่ทุกคนก็พยายามเข้าใจ พี่J กลับมาช่วยเกลาสำนวนอีกครั้ง หลังจากนั้นเนื้อเพลงก็โดนรุมแก้ไปแก้มา
วารีจำการแก้เนื้อเพลงทั้งหมดไม่ได้ ต้นฉบับถูกคัดลอกไปเรียบร้อยแล้วจึงถูกส่งคืนมาที่วารี และวารีก็พยายามแก้ตามพี่ๆทีหลังแต่ทำไม่ทัน หลายท่อนที่วารีก็จำได้ แล้วสับสนอยู่ท่ามกลางเสียงคุย วารีจึงปลีกตัวออกมาดื้อๆโดยไม่มีใครสังเกต ขอเวลาแก้เนื้อเพลงของตัวเองคนเดียว..
เสียงในที่ประชุมโกลาหลมาก และหนักสำหรับวารี แต่ในที่สุดพี่ฟุคก็เป็นคนที่สังเกตและหาวารีเจอ พี่ฟุคพูดซีเรียสว่า ตอนนี้ทุกคนต้องการวารี วารีเป็นผู้นำแล้ว แต่วารีบอกว่า วารีไม่ใช้เจ้าของเนื้อเพลงแล้ว เป็นทุกคนที่ช่วยกันแก้ และทุกคนมีสิทธิ์นำแทนวารีได้ทั้งนั้น (เนื้อเพลงที่พิมพ์ไปด้านบนในโพสนี้มีทั้งส่วนของวารีและส่วนที่กลุ่มแก้)
อย่างไรก็ตาม พี่ฟุคก็ลากวารีกลับเข้ามาได้สำเร็จ แม้ว่าเสียงโหวกเหวกหลังจากนั้นจะไม่มีสาระหรือวารีมึนจนจับความอะไรไม่ได้เองก็ตาม วารีบอกพี่ฟุคว่า วารีต้องการจดเพราะวารีจำส่วนที่เหลือนี้ไม่ได้ พี่ฟุคตอบว่า พี่ฟุคไม่ได้จำได้ที่จดแต่จำได้ด้วยใจ เพลงเป็นของวารีวารีต้องทำได้
วารีจึงได้สติคืนมาอีกครั้ง ประกอบกับที่พี่J รี่เข้ามาบอกว่า เราได้เนื้อเพลงส่วนที่หายไปแล้ว และถามหลวงพี่คนหนึ่งในแก๊งว่าทำยังไงนะ สี่ครั้งใช่ไหม แล้วพี่ๆทั้งกลุ่มก็มาล้อมวงวารี จับมือแล้วร้องเพลงตอนสุดท้ายว่า
and can, you see, the space, embrace, everything, can you see, the space, embrace, everything, can you see, the space, embrace, everything, can you see the space embrace everything?
พี่ๆไม่ได้จับมือเปล่าๆ แต่เต้นและเตะขาไปพร้อมกันด้วย วารีอึ้งมาก อยู่กลางวง และโดนท่าเต้นกับเสียงสวดเป็นทำนองดูบีดู ขยี้กบาลเข้าอย่างจัง ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่ 4 รอบติดๆ ใช่สิ space ที่เราต้องการ ไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นทุกๆคนที่อยู่ตรงนั้น และคนเหล่านั้นคือ space ที่ช่วยเติมเต็ม แม้เราจะมองไม่เห็น และนี่คือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตวารีไปอีกครึ่งชีวิต เป็นเหตุผลว่าทำไมวารีไม่วิ่งทะยานพุ่งชนเป้าหมายให้บาดเจ็บไปคนเดียว วารีเริ่มหันไปสนใจคนรอบตัวมากขึ้น เข้าใจการพึ่งพากันมากขึ้น เข้าใจสังคมมนุษย์มากขึ้น เลิกเล่นเฟซบุ๊กเรียกร้องความสนใจจากคนไกลตัว แล้วหันมาทำความเข้าใจครอบครัวที่อยู่ในบ้านตัวเองให้ดีขึ้น ตอนนี้วารีอาจไม่ได้ยอดไลก์มากมาย แต่ได้ดูแลแม่อย่างเต็มที่ เป็นลูกที่ดีและแม่มีความสุข แล้วแม่ก็หยุดตั้งความคาดหวังในหน้าที่การงานของวารีไปเลย อิสระที่วารีเคยโหยหา จากการหลีกหนี เมื่อได้หันกลับมาเติมเต็มหน้าที่ลูกโดยไม่สนเงินแล้ว แม่กลับให้อิสระเรามากกว่าเดิมเสียอีก
แล้วหลวงพี่เข่งก็กลับมา ในมาดพี่เลี้ยงกิจกรรมกลุ่ม หลวงพี่บอกว่า ไม่ว่าการแสดงของเราในคืนพรุ่งนี้จะได้ผลอย่างไร ขอให้จำไว้ว่าในเวลานี้เรามีความสุขแล้วก็พอ วารีแทบจะกราบหลวงพี่เลยถ้าไม่ติดว่ายิ้มแล้วยียวนกวนใจเกินจะยอมได้
แล้วหลวงพี่ก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการแก้เพลงแก้
พาแม่ชียิ้มออกมาช่วยเป็นตัวประกอบ แล้วเริ่มร้อง
i love my brother, i love my sister too.
i love my teacher, of course that i love you!
i love every species, everyone love me.
and ทุกคนช่วยกันร้อง can you see the space embrace everything, can you see, the space, embrace everything, can you see, the space, embrace everything..... ^_^
วารีแทบเข่าทรุดอยู่ในใจ..
i love every species, everyone love me.
เพราะเรากลัวไม่มีใครรักไง นี่ใช่ไหมที่เรามองหา
ขนาดตัวบุ้งยังเข้ามายุ่งกับคำรักในเพลงแก้เราเลย
.
วันที่เหลือผ่านไปเงียบๆ
วารีพยายามแอบมองหลวงพี่เข่ง และหลวงพี่เข่งก็ทำเป็นยุ่งทั้งวัน ถึงขนาดหนีบโน้ตบุ๊กและเดินคุยไปไหนต่อไหน บางทีแกก็ทำเล่าเรื่องอะไรบางอย่าง แล้วพระที่ฟังก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน บางทีวารีก็สงสัยว่าแกจะเอาเรื่องเราไปเล่าเป็นเรื่องตลกรึเปล่า
ส่วนพี่สาวทั้งหลายก็แอบมองวารี วารีก็รู้ตัวเพราะมันเป็นปกติของวารีตั้งแต่ ป.ตรี มัธยม ประถม มาแล้ว รุ่นน้องบางคนยังเคยสารภาพใส่เฟรนด์ชิพวารีว่าตัวจับกลุ่มกับเพื่อนแอบมองอยู่ตลอด เพื่อนร่วมชั้นเป็นสิ่งประมาทไม่ได้ ทำอะไรเหมือนเรียลลิตี้โชว์ โดยเฉพาะถ้าใกล้ผู้ชายมากเกินไป
จะเป็นข่าวทันที
จนในที่สุด พี่สองคนทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาอ้อนวารีแล้วลากวารีเข้าไปหาหลวงพี่เข่ง จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้คุยกันเอง วารีบอกว่าเราต้องการกระดาษกับปากกาไวท์บอร์ดเพื่อเขียนเนื้อเพลงให้กลุ่มอื่นอ่านเวลาแสดง หลวงพี่ก็จัดการให้ กลุ่มอื่นก็เตรียมการแสดงอยู่เหมือนกัน แต่กลุ่มเราดูเหมือนเสร็จแล้ว (พวกพี่ๆเขาประชดว่าพวกเรา โปรเฟ๊ซซซชั่นนอล) กว่าจะได้กระดาษก็ถึงเวลานั่งรวมหน้าเวทีโน่นแหละ แต่พี่ๆก็ช่วยกันเขียนเนื้อเพลงจนเสร็จทันแสดง เราถูกถามก่อนขึ้นเวทีว่าการแสดงชื่ออะไร มีพี่คนหนึ่งตอบให้อย่างไม่ลังเลถามใคร ว่า Happy Family การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ว่าท่อน can you see ทุกคนร้องผิดจังหวะกันหมด แต่หลวงพี่เข่งรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วและถือไมโครโฟนรอแก้เฉพาะท่อนนี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยสำเร็จเพราะทางกลุ่มมีเสียงมากกว่าก็ตาม เราไม่รู้ว่ากลุ่มอื่นดูการแสดงของเรารู้เรื่องไหม และมันเกี่ยวกับธีม mother earth ของปีนี้ตรงไหน (มีไม่กี่กลุ่มหรอกที่สนใจทำ) และวารีก็มึนเกินกว่าที่จะสังเกตเรื่องเหล่านั้นแล้ว เพราะสิ่งที่วารีแคร์คือความสุขของคนในกลุ่มที่มาช่วยกันแสดงเพียงอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นก็คือไม่เคยมีใครช่วยวารีได้มากเท่าหลวงพี่รูปนี้มาก่อนเลย
.
วันสุดท้าย
เป็นเวลาเช้าก่อนจะเริ่มกิจกรรม เวทีใหญ่เปิดเพลง beloved mother earth วารีซึ่งเกิดกิเลสอยากได้ไฟล์เสียง ก็ล้วงแฟลชไดรฟ์ออกมาแล้วตรงเข้าไปถามพระที่กำลังควบคุมเครื่องเสียงอยู่
พระเวียดนามตกใจ เพราะพูดอังกฤษไม่ได้ สุดท้ายท่านก็วิ่งกลับมาโดยตามหลวงพี่เข่งมาจากไหนไม่รู้
โฮกกกกกกก (คิดในใจ)
หลวงพี่ดูกังวลว่าเราต้องการอะไรเหรอ เราบอกเราชอบเพลงนี้มาก ขอไฟล์เสียงกลับบ้านจะได้หรือไม่
หลวงพี่ยิ้มกว้าง แล้วบอกว่า ทางหมู่บ้านพลัมจะไรท์ซีดีแจกให้ชาวค่ายทุกคนเรียบร้อยในวันนี้
วารีดีใจมาก ลืมตัวร้องและกระโดดอย่างร่าเริง หลวงพี่หัวเราะและยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
วารีถอดป้ายชื่อตัวเองที่คล้องคออยู่ ชื่อเขียนด้วยลายมือของเจ้าของพร้อมกับภาพฉากหลังที่ทางค่ายวาดไว้ให้รู้ว่าเป็นป้ายของคนที่เลือกกลุ่ม green mountain
มอบให้หลวงพี่เข่ง บอกว่าวารีคงไม่ต้องใช้
หลวงพี่เข่งรับไว้ และวารีเดินจากเวทีนั้นมา
พร้อมกับภาวนาว่า
อย่าเจอกันอีกเลยนะ มันบาปค่ะ
สาาาาาาธุ >w<"
แผ่นเพลงที่ได้จากวันนั้น ถูกปั๊ม สกรีน และสอดปกมาอย่างอลังการ ในแผ่นมีเพลง 7 เพลง เพลงแรกคือ Belove Mother Earth เพลงสุดท้ายคือ Go as a River ซึ่งถ้าหาใน YouTube จะเจอมิวสิควิดีโอที่อัพโหลดหลังค่ายจบไปประมาณสิบวัน เป็นโปรดักชั่นที่วารีทึ่ง อึ้งอิมกี่ไปกับมันอยู่หลายยาม และเพลงเหล่านี้ก็ช่วยพาวารีผ่านการผจญภัย ทดสอบทางจิตมาหลายจังหวะ ทุกวันนี้วารีก็ยังเก็บไฟล์ทั้งอัลบั้มเอาไว้แม้จะไม่ได้ฟังบ่อยนักก็ตาม
เพลง i like the roses อย่างเป็นทางการของหมู่บ้านพลัม หลังจากปีนั้นก็ได้พัฒนาท่อนต่อไปเป็นอย่างอื่นแล้วก็ได้เอาไปใช้ในอีกซีกโลกอย่างที่เห็นในคลิปนี้
แล้ววารีก็คงต้องหาทางขอโทษใครสักทางหนึ่ง ที่เข้าไปขอไฟล์เพลงด้วยสัญญาว่าจะแปลมันกลับไป แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ด้วยข้อจำกัดเรื่องระดับภาษา เพลง "แม่ธรณีที่รัก" ไม่สามารถแปลงเป็นภาษาไทยให้ไพเราะ simple & clean อย่างภาษาอังกฤษสามารถทำได้
แล้วก็ไม่รู้ว่าพิมพ์มาตั้งแต่กี่โมงกี่ยาม เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงทำ thesis ม้วนสุดท้าย (ม้วนใหญ่มาก) แต่เพราะอ่านทั้งปรัชญา ศาสนา แล้วนึกถึงเรื่องเก่าๆแบบนี้ ก็เลยต้องเอามาระบายบ้าง ยังดีที่พิมพ์จบใน1วัน และยังเหลือเวลาค่ำให้ได้ทบทวนอย่างอื่นต่อ ความจริงสมัยนั้นก็พยายามเขียนแล้วแต่ทำไม่ได้ วันนี้มีแรงมีโอกาสก็ทำสักม้วนแล้วในที่สุดมันก็จบไป รู้สึกดีว่ายังสามารถที่จะเขียนออกมาได้ ใครอ่านก็ยาวหน่อยนะคะ รบกวนเวลาน่าดู
นานๆเจอกันค่ะ
วารี
โฆษณา