6 ต.ค. 2019 เวลา 11:40 • ไลฟ์สไตล์
นายช่างนอกตำรา...
cr.ภาพ auto.mthai.com
บทสนทนาขั้นเวลาจากบ้านเข้าเมืองของน้าชายกับหลานสาวคู่หนึ่ง
วันนั้นเป็นวันที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าเมืองแต่ด้วยความที่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กม. ถือว่าไกลพอสมควร ที่สำคัญต้องพาลูกไปด้วยเลยต้องเหมารถน้าข้างบ้านเพื่อให้ไปส่งที่ตัวจังหวัด
น้าชายอายุประมาณ 56 ปี เป็นช่าง เคาะ ปะ ปุ สีรถ ซึ่งเมื่อก่อนเคยทำงานอยู่ กทม. และได้กลับมาเปิดอู่ที่ ตจว.เมื่อหลายสิบปีก่อน
ที่สังเกตุเห็นคือ อู่รถนี้อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่อยู่ติดถนนสายชนบท แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เพราะมีรถเข้าตลอดไม่มีวันไหนที่น้าจะไม่มีงานทำ หรือนั่งว่างเฉยๆ
และด้วยความที่เราเป็นลูกอีช่างขี้สงสัย และลูกอีช่างถาม บทสนทนานี้จึงเกิดขึ้น...
เราก็ถามน้าแบบเด็กน้อยว่า "น้าเรียนจบอะไรมาทำไมถึงมาเป็นช่างทำสีรถ" น้าก็ตอบว่า "น้าจบแค่ ป.6 นี่แหละ" อ้าวในใจเราก็คิดและ จบป.6 ทำไมเก่งจังว่ะทำสีได้เนี๊ยบมาก ผู้ช่วยก็ไม่มีทำคนเดียวอีกต่างหากทำได้ไงอ่ะ ก็เลยถามต่อไปว่า "แล้วน้าเอาความรู้จากไหนมาทำสีรถคะ"
น้าก็เลยเล่ายาวๆเลยว่า..."ตั้งแต่เรียนจบ ป. 6 ตอนนั้นอายุ 12 ปี น้าก็เดินทางเข้า กทม.เลย (ห๊ะ!!!ป.6 เนี่ยนะ สมัยเรา ป.6 ยังเป็นลูกแหง่อยู่เลยในใจเราคิด) ไปแบบไม่รู้จักใครนี่แหละไปคนเดียวด้วย น่าก็เลยไปขอทำงานในอู่รถแห่งหนึ่ง
เขาก็ให้อยู่นะแต่แบบไม่มีค่าแรงมีแค่อาหาร 3 มื้อ เพราะยังเด็กน้าก็ตกลงทำและอยู่กับเฮีย จากนั้นน้าก็เริ่มเรียนรู้งานจนเริ่มเก่ง ก็เริ่มได้ค่าแรงเดือนแรกน้าก็ได้แค่ 300 (พูดไปอมยิ้มไป) แต่ก็ดีใจมากแล้ว"
เราก็สวนกลับทันทีว่า "แล้วทำไมถึงคิดที่จะกลับมาเปิดอู่เองละแถมยังอยู่บ้านนอกด้วย" น้าอมยิ้มและตอบกลับว่า " เพราะน้ามั่นใจว่าน้าเก่งและมีฝีมือ จากการเรียนรู้งานที่นั่นเป็นเวลา 20 กว่า ปี
ถึงจะไม่มีวุฒิการศึกษามาแขวนข้างฝา แต่น้ามั่นใจในฝีมือจึงกล้าตัดสินใจกลับมาเปิดอู่ที่บ้าน และที่สำคัญ ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีมานี้น้าก็ได้พิสูจน์แล้วว่าอาชีพที่ไม่มีใบประกาศนี้มันสามารถเลี้ยงครอบครัวให้สุขสบายได้
ทุกวันนี้น้ายังขอบคุณตัวเองอยู่เลยที่มีความมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในฝีมือตัวเอง จนกล้าตัดสินใจทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น แล้วมาเริ่มต้นใหม่ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ ณ.ตอนนั้น แต่สุดท้ายมันก็ทำให้น้าได้ประกอบอาชีพที่น้ารักและได้อยู่ที่บ้านเกิดอย่างมีความสุข จวบจนทุกวันนี้" น้ากล่าว...
เราก็ได้แต่ อึ้ง และ ทึ่ง ในแต่ละช่วงชีวิตของน้า และที่สำคัญได้รู้ว่าความรู้ที่แท้จริงไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน หากเราตั้งใจที่จะเรียนรู้จริงๆ ที่ไหนๆก็พร้อมจะเป็นมหาวิทยาลัยให้เราเสมอ
ที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเราเรียนจบสิ่งที่ได้ไม่ใช่ใบปริญญาหรูหราเช่นใครๆ หากแต่เป็นปริญญาชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิด มีชีวิตจิตใจ มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ เฉกเช่นคุณน้าคนนี้ที่ภูมิใจกับปริญญาฉบับนี้เหลือเกินนน...
ขอบคุณนายช่างนอกตำรา #คุณน้าคนเก่ง
ขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความจนจบนะคะ
#เด็กบ้านนอก
โฆษณา