1 พ.ย. 2019 เวลา 23:10 • ปรัชญา
เรื่องสั้น คั่นเวลา ลำดับที่ 5
"...ก่อน (Before)"
Cr: https://wallpaperscraft.ru/download/kniga_list_osen_zakladka_54493/1920x1080
"พี่ ไม่ต้องกังวลไปนะ ถึงมือหมอแล้ว อาการพี่พลอยเขาน่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ"
ไอ้นิด คงสังเกตเห็นสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดคล้ายวิตกกังวลของผม ขณะที่ขับรถพาผมไปโรงพยาบาล
“End of the walk way......ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน”
ใช่...
ตอนนี้ ผมเข้าใจคำเตือนที่มันรู้สึกหลอนๆ คำนี้แล้ว
ถ้าผมยังปล่อยให้สมองจอมขี้เกียจและถือดีของผม คอยมาบงการชีวิตผมต่อไป ทุกๆ อย่างรอบตัวผมจะพังทลาย ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง
ที่ผ่านมา ผมมัวแต่ใช้ชีวิตด้วยการหายใจทิ้งไปวันๆ ขณะเดียวกัน ลมที่ผมหายใจออกมานั้นก็หอบเอาเวลาของชีวิตหายไปอย่างไร้ประโยชน์
นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่...
รอให้เวลาของชีวิตมันหายไปเรื่อยๆ หรือยังไง
ผมรู้สึกว่า ชีวิตผมตอนนี้ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป...
หัวใจของผม
หนังสือเล่มแรกของผมได้ตีพิมพ์ออกมาขายและเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักอ่านมากขึ้น ทางสำนักพิมพ์จึงขอให้ผมแต่งหนังสือเล่มใหม่ หนังสือเล่มที่ตอนนี้ได้แต่ร่างโครงเรื่องที่ถูกผมแก้ไปแก้มา ไม่รู้จักจบจักสิ้น เหตุเพราะความกลัว.. กลัวออกมาแล้วไม่ปังเหมือนเล่มแรก
ผมมัวแต่ใช้สมองที่เอาแต่ตรรกะ และเหตุผลมาคิด
แล้วละเลยจินตนาการที่เคยใช้
มันหายไปไหนนะ?
ใช่...
มันคงถูกยัดลงไปในโลงพร้อมกับหัวใจของผม และสิ่งสำคัญทั้งสองก็ถูกผมตอกปิดฝาโลงไปแล้ว ด้วยน้ำมือของผมเอง...
🎵...ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า
...ก่อนชีวิตจะรู้คุณค่า
...ก่อนสิ้นศรัทธาจากหัวใจ
...ก่อนที่คนอย่างฉันจะหมดไฟ🎶
เสียงเพลง '...ก่อน' ที่คุ้นหู ดังก้องออกมาจากวิทยุในรถ
"นิด มึงเปิดหรือวะ"
ผมหันไปถามไอ้นิด
"เปล่าพี่ ผมกำลังจะค้นหาคลื่นวิทยุฟังข่าวจราจร...
แต่อยู่ๆ เพลงนี้มันก็ดังขึ้นมาเองนะ"
เพลงนี้ ทำให้ผมฉุกคิด ถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต้องย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน...
ปกติ วันหยุดทุกๆ สัปดาห์ ผมชอบไปขลุกตัวในร้านหนังสือบนห้างชื่อดังแห่งหนึ่งแถวๆ สยาม
เพื่อหาหนังสือเรื่องต่างๆ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลและแนวคิดในการเขียนคอลัมน์ลงนิตยสารขวัญใจเด็กแนวเล่มหนึ่ง
ขณะที่ผมก้มๆ เงยๆ ดูหนังสือแถวชั้นวางหนังสือที่เกี่ยวกับสัตว์และชีววิทยา
ตาของผมก็สะดุดที่ร่างผู้หญิงคนหนึ่ง เธอใส่เสื้อโค้ทสีดำ ชายเสื้อยาวลงไปถึงเข่า สวมรองเท้าสีดำ สะพายเป้ใบโตสีดำไว้ด้านหน้า ดูช่างพะรุงพะรังเสียเหลือเกิน
เจ้าสายตาซุกซนของผมก็ดันไปโฟกัสที่ใบหน้าเธอเข้า
ใบหน้าที่ดูเหมือนลูกครึ่งจีนทั่วไป สวมแว่นกรอบชมพู ดูรวมๆ ก็ไม่อาจเรียกว่าสวยได้หรอก แต่...
"น่ารักอิ๋บอ๋ายยย"
ผมตะโกนลั่น...อยู่ในใจ
เธอรู้ตัวว่าผมมองเธออยู่ อีกไม่กี่อึดใจ เธอก็หันหน้าหลบไปพร้อมกับพาร่างที่คลุมด้วยเสื้อโค้ทสีดำกับเป้สะพายหน้าที่ดูแสนพะรุงพะรัง เดินผ่านช่องว่างระหว่างชั้นวางหนังสือ
โดยสายตาของผมยังคงมองตามเธอไป ร่างของเธอเดินเข้าไปปนเปกับฝูงชนที่เข้ามาในร้านหนังสือแห่งนี้
จนกระทั่งร่างเธอถูกกลืนหายไป...
แต่ในใจผมยังคงไม่ลืมใบหน้าเธอ
สรุปว่าวันนั้น ผมไม่ได้หนังสืออะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย
แต่กลับได้ใบหน้าของเธอที่ตราตรึงอยู่ในใจผมมาแทน
หลังจากวันนั้น ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจะรีบตื่นแต่เช้า ไปรอจนประตูห้างเปิด เพื่อเข้าไปร้านหนังสือแห่งนั้น
ไม่ใช่มาตามหาหนังสือ แต่มาเพื่อตามหาเธอคนนั้นอีกครั้ง
ผมเดินไปเดินมาทั่วร้านหนังสือแห่งนั้นทั้งวัน
..แต่ พรหมไม่ยักจะมาลิขิต ให้ผมได้เจอเธอ
ไม่เป็นไร วันหยุดสุดสัปดาห์ มันไม่ได้มีวันนี้วันเดียว
ครับ มันมีอีกหลายวัน
หลายวันหยุดฯ ที่ผมเที่ยวเทียวไปเทียวมาที่ร้านหนังสือแห่งนั้น ด้วยจุดประสงค์ที่เปลี่ยนไปจากจุดประสงค์อันเป็นปกติของผม
จนวันนึง...
ผมต้องถามกับตัวเองว่า 'มีงเป็นอะไร บ้าไปแล้วหรือไง พรหมลิขิต หรือบุพเพบ้าบอนั่น มันไม่มีจริงหรอก มึงตื่นได้แล้ว ตื่นซะ!'
ผมอยากตบหน้าตัวเองให้ตื่นจริงๆ
แน่นอนครับ สุดท้ายผมก็ตื่นจากความฝัน ฝันที่มันไม่มีทางเป็นไปได้
ผมก็กลับไปที่ร้านหนังสือแห่งนั้น ด้วยจุดประสงค์เดิมๆ คือ ไปหาซื้อหนังสือ เท่านั้น
"นี่กูฝันไป หรือ กูคิดไปเองจนหลอนวะเนี่ย"
ผมคิดในใจ และอยากจะลองเอามือตบหน้าตัวเองดูเพื่อพิสูจน์ว่าอันที่จริงผมคงฝันไปแน่ๆ
เธอคนนั้น ปรากฎตัวมาพร้อมกับร่างที่คลุมด้วยเสื้อโค้ทสีดำชายเสื้อยาวถึงเข่า รองเท้าดำ กับสะพายเป้ที่ด้านหน้าที่ดูแสนพะรุงพะรังใบนั้น
และกรอบแว่นสีชมพูบนใบหน้าลูกครึ่งจีน ที่ผมไม่เคยจะลบให้หายไปจากความทรงจำได้เลย
เธอยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่เดิม ที่ผมพบเธอในครั้งแรก
"สงสัยจะมีอยู่ชุดเดียวแน่เลย"
ผมยังคิดติดตลกได้อีก ขณะที่หัวใจของผมลุกขึ้นมาเต้นจังหวะรุมบ้ากลางร้านหนังสือไปแล้ว
"เอาไงดีวะ"
ผมถามตัวเองในใจ
จะปล่อยให้เธอเดินหายไป...ก่อน
หรือ...
จะเข้าไปทัก ก่อน...ที่เธอจะเดินหายไป
และอาจจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกเลย
เพียงไม่กี่วินาทีที่รอการตัดสินใจ
"เป็นไงเป็นกันวะ"
ผมมองไปที่เธอ และค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ พร้อมรอยยิ้ม และสายตาที่กรุ่มกริ่มเล็กน้อย 😊
"สวัสดีครับ คือ ผม..
เคยเจอคุณมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่นี่
และผม..เออ...อยากรู้จักคุณครับ
ผมชื่อ พล ครับ"
ผมรีบยิงคำพูดออกไป คล้ายกับกลัวว่าเธอจะถูกฝูงชนที่อยู่ในร้านหนังสือแห่งนี้ดูดกลืนเธอให้หายไปอีกครั้ง
เธอหันมามองผมด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย พร้อมมุมปากที่ดูคล้ายกับ.....รอยยิ้ม...
"ตกลง พี่พลตัดสินใจแล้วเหรอ"
พลอยถามผมด้วยความกังวลใจ สำหรับการตัดสินใจลาออกจากบริษัทเพื่อมาเป็นนักเขียนอิสระ
"พลอย พี่ตัดสินใจแล้ว พี่อยากทำตามความฝันของตัวเองบ้างนะ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พี่ก็ร่างต้นฉบับเสร็จแล้ว รอพี่โหน่งเซ็ตสำนักพิมพ์จนพร้อม พี่จะเอาต้นฉบับไปเสนอแกนะ"
ผมบอกพลอยเพื่อให้คลายความกังวลเกี่ยวกับการที่จะไม่มีรายได้เข้ามาเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกเดือน
เกือบครึ่งปีแล้วที่ผมกับพลอยได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในบ้านไม้หลังเล็กๆ หลังนี้
พลอยทำงานประจำในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่
ส่วนผมก็เป็นนักเขียนบทความลงคอลัมน์ประจำนิตยสารขวัญใจเด็กแนวชื่อดังเล่มหนึ่ง ซึ่งมี 'พี่โหน่ง' เป็นไต้ก๋งของสำนักพิมพ์แห่งนี้
ที่ผมได้มีโอกาสมาเขียนบทความลงคอลัมน์ในนิตยสารเล่มนี้ ก็เป็นเพราะพี่โหน่งแกสนับสนุนและแนะนำเรื่องต่างๆ มาโดยตลอดจนผมพอมีประสบการณ์มากพอที่จะรับผิดชอบและมีคอลัมน์เป็นของตัวเองได้
จนมาวันหนึ่ง พี่โหน่งขอลาออกจากบริษัทตัวเอง ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างในเรื่องบริหารบริษัท ซึ่งผมก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก
แต่พอไม่นาน ผมก็ได้ข่าวจากพี่โหน่งว่า แกจะก่อตั้งสำนักพิมพ์ใหม่ขึ้นมา
ทำให้ผมเองเริ่มตัดสินใจ อยากออกไปทำตามความฝันบ้าง
นั่นก็คือการทำหนังสือของตัวเอง โดยพี่โหน่งจะคอยแนะนำและสนับสนุนผมในเรื่องจัดพิมพ์หนังสือและวางจำหน่ายอย่างเต็มที่
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ผมก็สามารถเข็นหนังสือที่เป็นของตัวเองออกมาได้สำเร็จ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้อ่าน ทำให้ผมเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง รายได้ที่ได้รับมาจากการขายหนังสือของผมก็มากพอที่ทำให้ผมกับพลอยอยู่กับแบบสบายๆได้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งทางสำนักพิมพ์อยากให้ผมแต่งหนังสือเล่มใหม่ออกมา ซึ่งผมก็ไปตกปากรับคำกับพี่โหน่งแล้วว่าจะเร่งออกหนังสือเล่มใหม่ให้เร็วที่สุด
"พี่พล พี่..."
เสียงไอ้นิด ปลุกให้ผมตื่น ซึ่งผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
"ถึงโรงพยาบาลแล้วพี่ เดี๋ยวพี่ลงและขึ้นไปหาพี่พลอยเลยนะ ผมจะขับไปหาที่จอดรถก่อน"
เมื่อผมลงจากรถ ก็รีบเดินเข้าไปในตัวอาคารของโรงพยาบาลและเดินตรงไปที่ลิฟต์ เพื่อขึ้นไปหาพลอยที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย
...
🎵ทั้งวิญญาณและหัวใจ
ให้เธอครอบครอง
ทั้งชีวิตให้สัญญา
จะอยู่ จะสู้เพื่อเธอ🎶
ภาพในความทรงจำกับบทเพลงที่ผมเคยร้องให้พลอยฟัง ตอนที่เราสองคนได้ตัดสินใจที่จะมาอยู่ด้วยกันที่บ้านไม้หลังเล็กๆ หลังนี้ ก็ปรากฎขึ้นมาในหัวผม
มันเป็นคำมั่นสัญญาที่ผมจะมอบให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมได้พบเจอเธอและตัดสินใจบางอย่างในวันนั้น
ก่อน...ที่ผมจะไม่ได้เจอเธอ อีกเลย
"เราจะรอให้ สูญเสียไป...ก่อน
แล้วค่อยทำ หรือจะทำ
ก่อน...ที่จะสูญเสียไป"
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 🙏
ขอขอบคุณบทเพลงที่มีความหมายอันลึกซึ๊ง
และยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจผมจวบจนทุกวันนี้
เนื้อเพลงต้นฉบับ ของ '...ก่อน'
ผู้แต่ง 'พราย' ปฐมพร
เนื้อเพลง '...ก่อน' ในเวอร์ชั่น โมเดิร์นด๊อก
ที่ถูกปรับเนื้อเพลงขึ้นบางส่วน
โดย 'ป๊อด' ธนชัย อุชชิน
“End of the walk way......ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน”
จักรวาลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มาจาก Bigbang
เพจผมเอง Sloth Holmes
เพจ ให้เพลงพาไป @บี
เพจ Good Stories | ทุกอย่างมีเวลาของมัน @กู้ด
เพจ เรื่องสั้นๆ @ไก่ก้อม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา