4 พ.ย. 2019 เวลา 08:20 • สุขภาพ
🌎📲ตอนนี้เราอยู่ในยุคสมัยที่"มีสมาร์ทโฟนสักเครื่องและมีอินเตอร์เน็ต" สามารถทำให้หลายๆสิ่งวิ่งมาหาเราเองอย่างง่ายดาย แค่ใช้นิ้วจิ้มค้นหา สั่งซื้อ จ่ายเงิน ผ่านระบบออนไลน์ แทบจะไม่ต้องขยับตัวเดินทางไปหามัน แต่มันจะมาหาเราเอง
แน่นอนว่า เมื่อหลายอย่างสะดวกขึ้น ทำให้เรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปด้วย แต่ก่อนหากจะกินพิซซ่า KFC หรือซื้อของใช้ต่างๆ เราต้องเสียเวลาเดินทางไปตามหามัน แต่เดี๋ยวนี้กลับตรงกันข้าม....
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เราใช้ชีวิตแบบเคลื่อนไหวร่างกายน้อย แถมยังกินได้มากขึ้นอีก ส่งผลให้ภาวะโรคต่างๆ ตามมาได้ง่าย และหนึ่งในโรคที่มักจะมาก่อนเสมอคือ "ภาวะอ้วน (Obesity)"🍔🧟♂️
ฉะนั้น เรามาลองเช็คตัวเองกันสักนิดนะครับ ว่าก่อนจะกินอะไรเข้าไป สภาวะร่างกายของเรา "ตอนนี้" นั้นเป็นอย่างไร❓....
ก่อนจะไปเช็คตัวเอง เราต้องมาทำความเข้าใจกับคำคำหนึ่งที่ใช้นิยาม ในการวินิจฉัยโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน เราเรียกว่า ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index; BMI)⏲️
โดย BMI หาได้จากอัตราส่วนน้ำหนักต่อส่วนสูงยกกำลังสอง (kg/m2) เพื่อแบ่งระดับตั้งแต่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ไปจนถึงโรคอ้วน ซึ่งเกณฑ์
ที่นิยมใช้ในประเทศไทยจะเป็นเกณฑ์ของทวีปเอเชียซึ่งจะมีค่าที่ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO ดังแสดงในภาพด้านล่างนี้
ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2JNzRlG
ต่อไปเป็นตัวอย่างการคำนวณหา BMI ทุกท่านลองคำนวณของตัวเองกันดูนะครับ....ว่าตัวเรานั้นขณะนี้ มีรูปร่างผอมเกินไป สมส่วน น้ำหนักเกิน หรือมีภาวะอ้วน นะครับ
คนคนนี้มี BMI 23.88 แสดงว่า อยู่ในเกณฑ์ น้ำหนักเกินเล็กน้อย ดังนั้นหากคุณต้องการทำให้เรามีร่างกายที่สมส่วนต้องลดน้ำหนักลงสัก 3 กิโลกรัมให้เหลือ 62 กิโลกรัม เมื่อคำนวณ BMI ดูจะพบว่าเราจะอยู่ในเกณฑ์สมส่วนแล้ว
📄สำหรับแนวทางการรักษาโรคอ้วนตาม European Guidelines for Obesity Management in Adults แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
1. แนวทางการรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่ การเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต และการผ่าตัด
2. แนวทางการรักษาโดยใช้ยา ซึ่งยาส่วนใหญ่มีกลไกหลัก คือ ยับยั้งการดูดซึมไขมันและยับยั้งความอยากอาหาร
ในบทความนี้ผมขอให้รายละเอียดแค่แนวทางแรกนะครับ คือ แนวทางการรักษาโดยไม่ใช้ยา เพราะทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง
หลักการรักษาด้วยวิธีนี้คือ การเผาผลาญพลังงานให้ได้มากกว่าการบริโภค โดยการรับประทานอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ การออกกำลังกายโดยใช้กล้ามเนื้อเป็นวิธีการออกกำลังกายที่สามารถเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดีที่สุด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณขา เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
การวิ่งเป็นประจำ เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดี https://bit.ly/34kxrmy
“การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมคือ อย่างน้อยวันละ 30 นาที และอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์”
และพบว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาวสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-20% เลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ผมหวังว่า ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ จะสามารถคิดคำนวณ ค่า BMI ของตัวเองกันได้ทุกคนนะครับ และเมื่อรู้ค่า BMI แล้ว เราควรรู้ว่าเป้าหมายน้ำหนักของเรา จะต้องลดหรือต้องเพิ่มอีกกี่กิโลกรัม เพื่อให้เรามีร่างกายที่สมส่วนกันทุกคนนะครับ
.
ไปออกกำลังกายกันเลยนะครับเย็นนี้ ไม่เดี๋ยว ไม่มีข้ออ้างนะครับ ...โชคดีขอให้มีหุ่นที่ดีกันทุกคนครับ❤️
ฝากติดตามเพจ knowledgeshare-ปันความรู้ ที่นี่ด้วยนะครับ บทความหน้าจะได้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารอื่นๆ ใหม่ๆอยู่เสมอ
ลดน้ำหนักกันเถอะ...fighting everyone. https://bit.ly/2pHGOxZ
โฆษณา