14 พ.ย. 2019 เวลา 08:51 • ความคิดเห็น
บางอย่างดี แต่เราไม่ต้องเลียนแบบ..
Google เข้ามาในชีวิตเราตั้งแต่ ปี 1998 (เพิ่งไปค้นข้อมูลมาครับแต่เริ่มเป็น .com ปี2000) และผมก็จำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีมันผมใช้ชีวิตยังไง เวลาผมสงสัยอะไรผมไปถามใครหว่า
รู้ว่าตอนนี้ผมอยากรู้อะไร ผมแค่ใส่คำหรือวลีอะไรลงไป มันตอบกลับมาหมด อะไรจะขนาดนั้น จนตอนนี้ผมแทบเปิด Google หรือคนไทยเรียก 'อากู๋' ทุกวันก็ว่าได้
เอาละ มาเข้าเรื่องกัน เคยเห็นคนที่เป็นเหมือน Google มั้ยครับ รู้ทุกอย่างเลย ถามอะไรตอบได้หมด ซึ่งก็น่าจะดีครับ แต่บางครั้งการไม่รู้อะไรบ้าง มันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ เรื่องที่เรารู้ และพูดออกไป จะต้อง
ไม่เป็นการหักหน้าใคร กระทบอีโก้ใคร ไม่บอกกล่าวเค้าว่าสิ่งที่เค้าเข้าใจหรือพูดออกมา มันผิด ไปทำลายบรรยากาศการสนทนาที่ดี ถ้าสิ่งนั้นไม่เสียหาย คอขาดบาดตาย เราควรเงียบ ไม่ต้องแย้งอะไร นอกจากเราจะกลายเป็นคนที่ไม่มีสเน่ห์ในสายตาของเพื่อนเราแล้ว ในสังคมอื่นๆเช่น ที่ทำงาน กลุ่มสันทนาใดๆที่เราเข้าร่วม ก็จะไม่มีใครอยากคุยกับเรา
แต่ถ้าเรารู้ข้อมูลหลายๆด้านเป็นเรื่องที่ดีครับ มีความรู้อยู่กับตัว นำมาใช้แบบถูกกาลเทศะ(เขียนถูกหรือเปล่าเนี่ย ขอเปิด google แบบ 55) น้ำเสียงการพูด การใช้คำที่เหมาะสม อันไหนที่ไม่รู้หรือไม่แน่ใจก็บอกเค้าไปว่าไม่รู้ หรือไม่ต้องพูดเสริมอะไรจะเป็นการดีกว่า ดูน่ารักและน่าคบหา
อย่าลืมนะครับว่า ข้อมูลมันแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
1. ข้อเท็จจริง กับ 2. ข้อคิดเห็น
มันแบ่งออกเป็น 2 แบบนี้จริงๆ ข้อเท็จจริงหมายถึงสิ่งที่ระบุได้ว่าใช่ไม่ใช่ เป็นที่ยอมรับ เป็นกฎ หรือเป็นข้อมูลพวก ปี คศ พวกที่บอกได้เป็นหน่วยจำนวน เช่น พระอาทิตย์ตกตอนเย็นขึ้นตอนเช้า, นายกตู่เป็นนายกคนปัจจุบัน, google เริ่มคิดค้นปี 1998
ส่วนข้อคิดเห็น เช่น อาหารนี้ไม่อร่อย, นายกเป็นคนดี(opps) , คนนั้นสวย คนนี้หล่อ
แม้ Google เองเราคนหาไปเราก็จะเจอทั้งข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นนะครับ เราเองเวลาคิดแล้วพูดไป ต้องรู้ด้วยนะครับว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็น
โพสนี้ก็เช่นกันนะครับ เป็นแค่ความคิดเห็นของผมเท่านั้น เป็นโพสที่ใช้เวลานานที่สุดเลย เพราะเขียนไปก็ลบ ถอยหน้าถอยหลังไป กลัวคำพูดอะไรอ่านแล้วไม่เหมาะสม เปลี่ยนคำพูดไปมาหลายรอบกลัวจะคิดว่า รู้มากหรือมาสอนใคร 😁😁
ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ 😀😀
ขอบคุณทุกท่านและ BD ครับ
กร
14/11/62
โฆษณา