15 พ.ย. 2019 เวลา 10:50 • ปรัชญา
"ใบไม้..4ใบที่หายไป"
"The Four Leaves...Missing"
เมื่อฤดูกาลใหม่มาเยือน...เราจะเห็นต้นไม้ที่โล่งเตียนเหลือเพียงกิ่งก้าน เพื่อรอวันเวลาและโอกาสของฤดูกาลใหม่คืบคลานมาเยือน
ใบไม้ที่ร่วงหล่น..หลังใบไม้เปลี่ยนสี ล้วนมีความหมายให้เราต้องคิดเพื่อเข้าใจธรรมชาติของทุกสิ่งในชีวิตของคนเราได้
เพียงแค่มองให้เห็นและดูให้เป็น..เราย่อมเกิดมุมมองที่แฝงเร้นมาพร้อมกับธรรมชาติเสมอ
การมองเห็นของคนเรานั้นต่างกันด้วยเหตุปัจจัยหลากหลาย แม้จะมองสิ่งเดียวกันก็ตาม แต่นั่นคือความงดงามเสมอ
1
ใบไม้...4ใบที่หายไปนั้น..ได้ให้แง่คิดที่สำคัญ 4 ประการ ในความหมายของคำว่า"L.E.A..F"ดังนี้คือ
First Leaf ;คือ"Leave a Legacy"(ทิ้งไว้เป็นตำนานให้จดจำ)
เมื่อใบไม้ร่วงหล่นปลิวจากไป ตามสายลม ไม่ว่าจะไปตกอยู่ที่ใดก็ตาม ล้วนมีคุณค่าความหมายให้คนเรานึกถึงเสมอ
สิ่งที่ทิ้งผลงานไว้ของ"ใบไม้"ที่ร่วงหล่นช่างงดงามยิ่งในฐานะผู้สร้างสร้างสรรค์ อย่างน้อย3สิ่งคือ..
(1)ได้สร้าง"ต้นไม้"ที่แข็งแรงให้ดำรงอยู่
(2)ได้สร้าง"ร่มเงา"ที่ร่มเย็นให้ผู้คน
(3)ได้สร้าง"ชีวิต"ที่มาอาศัยให้เติบโต
แม้เพียงเท่านี้ก็เป็นบุญกุศลมากเพียงพอที่จะจดจำและขอบคุณ
น่าครุ่นคิดว่า แล้วคนเรานั้น..จะทิ้งอะไรให้คนจดจำเป็นตำนานกันบ้าง..ดุจดั่งใบไม้นี้หนอกันบ้างหนอ?
Second Leaf:คือ"Everything must go on"("ทุกสิ่งยังคงดำเนินต่อไป")
แม้ใบไม้ทีสองนี้จะร่วงหล่นลง ก็ไม่ได้หมายความว่าต้นไม้นั้นจะสะดุดหยุดการเจริญเติบโตลง
เพียงแต่ว่าใบไม้นี้ได้ส่งสัญญาณสื่อให้เราขบคิดได้ว่า"ไม่มีใบไม้ใดสำคัญมากจนต้นไม้จะขาดไม่ได้เลย"
เพราะหลังจากการร่วงหล่นของใบไม้เกิดขึ้น เราจะเห็นว่าใบใหม่ค่อยๆเริ่มงอกเงยขึ้นมาทดแทนเพื่อทำหน้าที่ต่อไปเสมอ
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน ต่อให้เราเก่งและดีแค่ไหน เมื่อถึงเวลาที่ต้องไป ย่อมมีคนใหม่เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวเดิมและห้องเดิมของเราได้เสมอ
" ใบไม้ผลัดใบ...คนก็เปลี่ยนผลัด"
ชีวิตคนเราพึงปล่อยวางดั่งใบไม้ ที่ปล่อยใบให้ร่วงลง เป็นไปตามฤดูกาล
นี่คือ..ธรรมชาติแห่งชีวิตของทุกสิ่ง
ดังนั้นพึงตระหนักรู้ว่า.."ชีวิตของเรานั้นสำคัญ..แต่มิได้หมายความว่าองค์กรจะขาดเราไม่ได้"
เราพร้อมที่จะให้ใบใหม่เตรียมตัวขึ้นมาทดแทนเราแล้วหรือยัง?
Third Leaf:คือ"Awareness of Accountability"(ตระหนักในความรับผิดชอบที่มี)
ใบไม้ที่สามที่ร่วงหล่นลงมานี้ ทำให้เรารู้ว่า เราจะมีความสง่างามอย่างภาคภูมิเสมอ
เมื่อใบไม้ได้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบเป็นอย่างดีแล้ว
ใบจะเริ่มร่วงเมื่อทุกสิ่งได้ดำเนินไปจนครบถ้วนดีแล้ว ก็จะส่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า"Mission Completed"
คนเราเมื่อทำหน้าที่ตามหน้าที่ของตนได้ครบถ้วนแล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตามแต่ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
เราจะรู้ว่าคุณค่าของเรานั้น..จึงไม่ได้หยุดอยู่แค่"การทำงานให้เสร็จ"(Finish the job)ไปเท่านั้น
แต่มีความหมายที่เหนือกว่านั้นคือ"การทำงานให้สำเร็จ"(Achieve the job)อย่างเรียบร้อยแล้ว
งานเสร็จแต่ยังไม่สำเร็จย่อมด้อยค่า
ลองตั้งคำถามตนเองสักหน่อยว่า"เราได้ทำในสิ่งที่ต้องทำ..ให้สำเร็จบ้างแล้วในชีวิตนี้หรือยัง?"
Fourth Leaf:คือ"Freedom"(ความมีอิสระ)
เมื่อใดที่คนเรารู้สึก"Feel Free" เราจะมีอิสระจากข้อยึดติดต่างๆที่เคยผูกมัดและจำกัดเราไว้ให้ไปไหนไม่ได้ไกลนัก
1
ใบไม้ใบที่สี่นี้ มีความหมายช่วยทำให้เราได้คิดว่า เมื่อหลุดออกจากกิ่งก้านของต้นไม้แล้วก็เท่ากับมีความเป็นอิสระ
วินาทีนั้นใบไม้จึงมีความรู้สึกเบาหวิว..สบายตัว
เมื่อพบกับกระแสลมพัดผ่านมา ย่อมปลิวไปตามสายลมอย่างอิสระ พร้อมจะตกลงใกล้หรือไกลจากต้นเพียงใดก็ได้
ความมีอิสระที่บริบูรณ์นี้จะเกิดขึ้นได้..ก็ต่อเมื่อ..รู้ตัวเองว่า..
@สละได้..เมื่อถึงเวลา
@สลัดทิ้งได้..ทุกสิ้งไร้ยึดติด
@สลายได้...จากที่สูงคืนสู่ดิน
คนเราจะมีความรู้สึกตัวเบาดุจดั่งใบไม้และไร้ความเคร่งเครียด ก็ต่อเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งนั้นจำเป็น"ต้องปลด และต้องปล่อย เพื่อให้ปลอดโปร่งอย่างอิสระ"
เราพร้อมที่จะเป็นดั่งใบไม้ใบที่สี่นี้บ้างหรือยัง?
"ลองปล่อยวาง..บางสิ่งลงบ้างเพื่อสัมผัสความว่างที่อิสระให้กับชีวิตของเราสักนิด"
แม้ใบไม้ทั้งสี่จะหายไป ตามฤดูกาล หลุดร่วงจากกิ่งก้านของต้นไม้เบื้องบน ลงสู่เบื้องล่าง มาแนบสนิทกับธรรมชาติ คือดิน..ก็ตาม
ก็ไม่ได้หมายความว่า การทิ้งใบนั้นได้ทิ้งคุณค่าสุดท้ายไป เพราะยังคงมีประโยชน์เมื่อผ่านกาลเวลาย่อยสลาย
กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินที่มีมวลสารอาหารคืนกลับไปเลี้ยงต้นไม้และทุกสิ่งโดยรอบได้
ดังนั้นคนเราทุกคนต่างล้วนมีคุณค่าเสมอ...และไม่มีวันหายไปจากใจของผู้คน หากเราวางตัวเรา..ให้เป็นเช่นดั่งใบไม้ทั้งสี่ประการที่ได้กล่าวมา...
โฆษณา