15 พ.ย. 2019 เวลา 23:17 • ธุรกิจ
3 สิ่งที่ขัดขวางโอกาสและความคิดสร้างสรรค์
ทั้งๆที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่ทำไมบางคนกลับประสบความสำเร็จมากกว่า
สิ่งต่างๆรอบตัวเราล้วนเป็นโอกาส อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นและลงมือทำมันหรือไม่ เราสามารถฝึกทักษะเหล่านี้ได้โดย การฝึกให้จิตใจพร้อมเปิดรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่โลดเเล่นเข้ามาซึ่งเป็นบ่อเกิดของโอกาสของเรา
ปัญหาที่มักเข้ามาขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และโอกาสของเรานั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ
1.การโฟกัสมากเกินไป
เป็นเรื่องจริงที่การโฟกัสเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงานให้สำเร็จและออกมาด้วยดี โดยคนเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหากเราโฟกัสในสิ่งๆเดียว
โดยธรรมชาติของสมองนั้นต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง ในการปรับสมดุลเพื่อที่จะทำงานได้อย่างเติมที่ในสิ่งๆนั้น หากมีการทำงานอื่นๆไปพร้อมกัน(Multitasking)จะทำสมองทำงานไม่ได้เต็มที่ซักอย่างเพราะการเปลี่ยนแต่ละครั้งก็ต้องใช้เวลา
แต่...ในบางครั้งหากโฟกัสกับสิ่งๆหนึ่งมากเกินไปจนลืมโลกภายนอกก็เป็นการปิดตัวเราออกจากโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนเราอาจลืมมองและพลาดที่จะเล็งเห็นโอกาสบางสิ่งไปด้วยก็ได้
ดังนั้นจะเป็นการดีถ้าบางที่เราใช้เวลาว่างพักผ่อนจากงานแล้วปล่อยให้สมองได้โลดเเล่น ทำงานไปตามกระบวนการของมัน
โดยสมองจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงที่คุณรู้สึกผ่อนคลาย
คุณสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ไปเที่ยว กินข้าวกับเพื่อนๆ หรืออาบน้ำนานๆ
การปล่อยเวลาให้สมองเชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆที่เราเรียนรู้ มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ซึ่งในขณะนั้นอาจจะมีไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้นมาในหัวของคุณโดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้
2.การถูกรบกวน
โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนในปัจจุบันทำให้เราเชื่อมต่อเสมือนกับอยู่บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา แถมยังมีฟังก์ชั่นอีกมากมายให้เราได้ใช้กัน ทำให้เราสามารถหาความรู้ได้จากทั่วทุกมุมโลกเพียงเเค่ปลายนิ้ว สิ่งเหล่านี้เป็นข้อดีแต่เราต้องควบคุมมันและใช้มันอย่างเหมาะสมไปในทางที่สร้างสรรค์
แต่ปัจจุบัน คนเรามักใช้มือถือมากเกินความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์ บางคนถึงขั้นติดมือถือต้องหยิบออกมาในทุกๆไม่กี่นาทีจนติดเป็นนิสัย การกระทำเหล่านี้เป็นการขัดขวางขบวนการสร้างความคิดสร้างสรรค์ ไม่เปิดโอกาสให้สมองได้ทำงาน
ลองจิตนาการจากบทความก่อนหน้า หากซูลท์ซที่ไปมิลานนำมือถือขึ้นมาเล่นระหว่างจิบกาแฟอยู่ที่มิลาน ก็มิอาจทำเปิดโอกาสให้สมองเขาทำงานเชื่อมโยงประสบการณ์ใหม่กับสิ่งเก่าเข้าด้วยกัน ก็อาจจะไม่มีสตาร์บัคที่ประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้
3.อารมณ์และความรู้สึกทางลบ
หลายๆครั้งสิ่งสำคัญที่คอยขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของเรานั้นคือ ความเครียด(stress)
เราสามารถเเยกความเครียดออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
ความกดดัน(Pressure)และความรู้สึกทางลบที่ตอบสนองต่อความกดดันนั้น(negative emotions to stress)
ความกดดันนั้นเป็นสิ่งที่ดีถ้าสามารถจัดการควบคุมให้มีในประมาณที่เหมาะสมและนำมาใช้มันให้เกินประโยชน์
สำหรับวัยทำงานในทุกๆวันสิ่งที่กระตุ้นให้เราออกไปทำงานเพราะถ้าไม่มีเงินชีวิตเราก็จะลำบาก นั้นก็คือความกดดันในการใช้ชีวิตรอด
สำหรับนักเรียน หากวันพรุ่งนี้สอบไฟนอล คืนก่อนสอบเราจะมีเเรงฮึดขึ้นมาอ่านหนังสือทันที
ความกดดันนั้นจะทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) ขึ้นมาซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของออกซิเจนขึ้นไปหล่อเลี้ยงสมองและช่วนในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ทำให้มีแรงคิด แรงทำสิ่งต่างๆ ด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
โดยความกดดันจะเป็นสิ่งที่สั่งให้เราทำอะไร และอะดรีนาลีนจะช่วยเราทำสิ่งนั้น
ส่วนสิ่งที่มาขัดขวางการทำงานของเราคือ อารมณ์และความรู้สึกทางลบ (negative emotions)
มันคือสิ่งที่เราปฏิบัติต่อความกดดันนั้นๆ ซึ่งเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ถ้าหากมีมากเกินไปจะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง รวมถึงขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ของสมอง ลดความสามารถในการทรงจำ เนื่องจากการเรียนรู้ของเราเกิดจากการเชื่อมโยงโดยใช้ความทรงจำในอดีต(recall) จึงเป็นการลดความคิดสร้างสรรค์ของเราเองไปด้วย
เราจึงต้องบริหารจิตใจตนเอง ลดการตอบสนองต่ออารมณ์ทางลบและรับมือกับความเครียดให้ดี โดยใช้ความกดดันในการผลักดันการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกันก็ลดอารมณ์ทางลบที่จะไปส่งต่อเราในเชิงลบ
โฆษณา